xs
xsm
sm
md
lg

“ละติน-กาฬทวีป” ชิงเจ้าโลกปี 2014

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ดร็อกบา แกนนำ “ช้างดำ”
เอเยนซี - งวดเข้ามาทุกขณะแล้วที่จะได้ 32 อรหันต์ไปชิงชัยศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้ายที่บราซิล โดยหนนี้มาประชันแข้งกัน ณ ดินแดนละติน ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่พวกอเมริกาใต้จะทวงความยิ่งใหญ่กลับคืนมา หลังปล่อยให้ อิตาลี และ สเปน คว้าแชมป์ไปเชยชม 2 หนหลังสุด เนื่องจากที่ผ่านมาไม่เคยมีชาติยุโรปมาประกาศศักดาปักธงชัยที่นี่ด้วยปัจจัยที่ไม่เอื้ออำนวยหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาพภูมิประเทศและอากาศ ทำให้คู่ต่อกรอาจจะเป็นพวกที่มาจากกาฬทวีป ซึ่งดูมีภาษีมากที่สุด

แคเมอรูน คืออีกหนึ่งชาติตัวแทนจากโซนแอฟริกาที่ตบเท้าสู่รอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2014 หลังเมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2556 เปิด สเตด ออมนิสปอร์ต ถล่ม ตูนิเซีย 4-1 รอบคัดเลือก รอบ 3 รวม 2 นัดเหย้า-เยือนสกอร์เดียวกัน เหลือโควตาอีก 2 ใบจากแถบนี้ ซึ่งน่าจะหนีไม่พ้น กานา ที่ถล่ม อียิปต์ 6-1 ส่วนอีกคู่ บูร์กินา ฟาโซ ชนะ แอลจีเรีย 3-2 โดยจะชี้ชะตากันอังคารที่ 19 พฤศจิกายนนี้ทั้งคู่ ก็จะครบทั้งหมดตัวแทน 5 ทีมพอดี

ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็จะครบองค์ประชุม ไอวอรี โคสต์, ไนจีเรีย, แคเมอรูน และ กานา ที่ถือว่าแข็งแกร่งที่สุดจากโซนแอฟริกา ขาดก็แค่ แอฟริกาใต้ เจ้าภาพ 2010 และ เซเนกัล เท่านั้น ย้อนไป 4 ปีก่อน “ดาวดำ” เคยฝากผลงานโดดเด่นที่สุดเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายก่อนจะแพ้จุดโทษ อุรุกวัย 2-4 ทั้งที่ได้จุดโทษนำชัยก่อนหน้านี้แต่ดันซัดพลาด ซึ่งบรรดาชาติจากแถบนี้เริ่มมาเขย่าวงการลูกหนังตั้งแต่ปี 1998 จนมาถึงปี 2006 ณ เยอรมนี ที่ “ช้างดำ” ได้รับการจับตามองมากเป็นพิเศษ เพราะอัดแน่นไปด้วยแข้งฝีเท้าฉกาจเล่นอยู่กับสโมสรยุโรปมากมาย แต่ดันโชคร้ายอยู่สายแข็งกับ อาร์เจนตินา และ เนเธอร์แลนด์ส จึงต้องจอดป้ายแค่รอบแรก

ทว่า 2014 ชาติแอฟริกากลับมาอีกครั้งพร้อมความหวังเต็มเปี่ยมกับการแข่งขันที่ บราซิล ซึ่งคุ้นเคยกับสภาพอากาศมากกว่าจะเรียกได้ว่าเป็นเจ้าถิ่นพอๆ กับพวกละตินก็ว่าได้ เพราะวันที่ 12 มิถุนายนถึง 13 กรกฎาคมที่จะห้ำหั่นกันนั้น แม้อุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ที่ 25 องศาเซลเซียสถือว่าปกติ ความร้อนจึงไม่ใช่ปัญหา ทว่าสิ่งที่ชาติมหาอำนาจยุโรปต้องกังวลคือความชื้นใน ริโอ เดอ จาเนโร จะลดต่ำกว่าร้อยละ 50 เปอร์เซนต์ จะทำให้ร่างกายรู้สึกอึดอัดจนส่งผลกระทบถึงระบบการหายใจต่างๆ

ชาติจากกาฬทวีปทั้งหมดเคยผ่านประสบการณ์ฟุตบอลโลกมาแล้ว แม้จะไม่เปรี้ยงปร้างเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ แต่ก็เรียกได้ว่าไม่ใช่ทางผ่านที่ใครจะมาเคี้ยวได้ง่ายๆ และนับวันยิ่งจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ไอวอรี โคสต์ ยังมี ดิดิเยร์ ดร็อกบา, ซาโลมง กาลู, แชร์วินโญ และ ยายา ตูเร ด้าน “อินทรีมรกต” ไนจีเรีย กลับมาสู่เวทีโลกอีกครั้งพร้อมเลือดใหม่อย่าง วิคเตอร์ โมเซส, วิคเตอร์ โอบินนา และ จอห์น โอบิ มิเกล ส่วน แคเมอรูน ตัวเก๋าอย่าง ซามูเอล เอโต ยังอยู่ ปิดท้ายด้วย กานา ที่เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายที่เยอรมนี และรอบ 8 ทีมที่ แอฟริกาใต้ น่ากลัวไม่น้อยกับ มิคาเอล เอสเซียง, เควิน ปรินซ์-บัวเต็ง, ซุลลีย์ มุนตารี และ ควาดโว อซาโมอาห์

แน่นอนว่าพวกแอฟริกาคงทำเอาชาติมหาอำนาจยุโรปอย่าง สเปน แชมป์เก่าเบอร์ 1 ของโลกและชาติแรกที่คว้า 3 แชมป์ระดับเมเจอร์ติดต่อกัน, เนเธอร์แลนด์ รวมไปถึง เยอรมนี ที่หนาวๆ ร้อนๆ ยังไม่นับเจ้าถิ่นอย่างอเมริกาใต้ที่ก็เพิ่งอุ่นเครื่องสวยหรูอย่างเช่น ชิลี บุกอัด อังกฤษ คา เวมบลีย์ 0-2 รวมไปถึง โคลอมเบีย บุกไปดับซ่า เบลเยียม 2-0

หนนี้ยังจะมีตัวแทนจากอเมริกาใต้ถึง 6 ชาติ ทั้ง บราซิล แชมป์โลก 5 สมัย, อาร์เจนตินา, โคลอมเบีย, ชิลี, เอกวาดอร์ และ อุรุกวัย (เพลย์ออฟนัดแรกชนะ จอร์แดน 5-0 เหลืออีกนัดเตะวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้) แม้ว่า “ฟ้า-ขาว” จะประสบความสำเร็จบอลโลกครั้งสุดท้ายคือแชมป์ปี 1986 ส่วน “แซมบ้า” กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่ายอัดแน่นไปด้วยผู้เล่นดาวรุ่งฝีเท้าดี แต่ต้องบ่มให้กลมกล่อมเต็มที่ แต่ที่ผ่านมาก็มักทำได้ดีกว่าชาติยุโรปเสมอยามเจอกันในรอบลึกๆ ดังนั้นดูแล้วปีหน้าศึกชิงเจ้าลูกหนังถือเป็นงานหนักอึ้งและนรกของผู้มาเยือนอย่างแท้จริง
กานา ผลงานเด่นสุดที่ผ่านมา
บราซิล เจ้าถิ่นจัดเต็มแน่
สเปน เจองานหนักป้องแชมป์
กำลังโหลดความคิดเห็น