“ยูซีแอล” พื้นที่ระอุ ใครจะไปถึงฝั่งฝัน

เอเยนซี - การแย่งชิงโควตา ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ถือเป็นไฮไลต์สำคัญของศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ที่เหลืออยู่ของฤดูกาลนี้ก็ว่าได้ เพราะ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ เพิ่งทะยานรั้งอันดับ 3 หลังบุกเฉือน เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด 3-2 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แม้ว่า เวสต์ บรอมวิช อัลเบียน จะเกาะที่ 7 แต่สื่ออังกฤษไม่เชื่อน้ำยากาชื่อออกจากสารบบ โดยมองว่ามี 5 ทีมเท่านั้นที่จะเข้าป้ายคว้าตั๋ว 2 ใบที่เหลือไปครองกับโปรแกรมโม่แข้งอีก 11 นัด

ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ (อันดับ 3 มี 51 แต้ม) - ในวันที่ดีที่สุด สเปอร์ส สามารถเอาชนะได้ทุกทีมอย่างที่เคยบุกอัด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พังพาบมาแล้ว 3-2 เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ภายใต้การคุมทัพของ อังเดร บียาส-โบอาส ดูมีน้ำมีนวลขึ้น แม้ตอนต้นฤดูกาลถูกปรามาสพอสมควร เพราะซมซานมาจาก เชลซี แต่เวลานี้ไม่แพ้มาแล้ว 11 นัดรวด ทั้งที่ดูจากศักยภาพนักเตะเป็นรองเมื่อฤดูกาลที่แล้วที่มีทั้ง ลูกา โมดริช และ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ปัจจัยที่จะทำให้ “ไก่เดือยทอง” ไปตีปีกใน แชมเปียนส์ ลีก ก็คือต้องทะนุถนอม แกเร็ธ เบล ปีกตัวทะลุทะลวงให้ยืนระยะตลอดรอดฝั่ง หลังยิงไกลสุดสวยนาทีสุดท้ายหักด้ามค้อนมาหมาดๆ เพราะถือเป็นคีย์แมนที่ตัดสินชัยชนะได้ทุกเสี้ยววินาทียิงมา 4 นัดติด แต่ปัญหาก็คือไม่มีใครแบ่งเบาภาระแดนหน้า เจอร์เมน เดโฟ เจ็บและ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ยิงไม่ได้ตั้งแต่ต้นปี แถมโปรแกรมยังต้องเจอกับอีก 3 ทีมที่มีเป้าหมายเดียวกัน

เชลซี (อันดับ 4 มี 49 แต้ม) - แชมป์ยุโรปปีที่แล้วที่ตกรอบแบ่งกลุ่ม แต่ด้วยชื่อชั้นนักเตะอย่าง ฆวน มาตา, ออสการ์ และ เอเดน ฮาซาร์ด คู่ควรที่จะได้กลับไปแก้มืออีกครั้งในปีหน้า ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือชั่วคราวถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ มีแข้งให้เลือกใช้ล้นมือหลังเติม เดมบา บา ในตำแหน่งกองหน้าช่วงตลาดเปิดรอบสองและ วิคเตอร์ โมเซส กับ จอห์น โอบิ มิเกล รีเทิร์นจากการรับใช้ชาติศึก แอฟริกัน เนชันส์ คัพ บวกประสบการณ์แข้งซีเนียร์อย่าง ปีเตอร์ เช็ก, แอชลีย์ โคล, แฟรงค์ แลมพาร์ด และ จอห์น เทอร์รี แต่การที่ เฟร์นานโด ตอร์เรส ยังเค้นฟอร์มเก่งไม่เจอทำให้บางเกมเหมือนเล่น 10 คน นอกจากนี้ แกรี เคฮิลล์ และ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช 2 เซนเตอร์ฮาล์ฟฟอร์มยังตกลงไปทำให้เสียประตูเป็นว่าเล่น อีกทั้งยังกดดันไม่น้อยกับการต้องแบ่งสมาธิทำศึก เอฟเอ คัพ และ ยูโรปา ลีก ด้วย โปรแกรมที่เหลือก็ยังต้องตัดแต้มกันเองกับอีก 3 ทีมนอกจากนี้ยังเจอกับ “จ่าฝูง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

อาร์เซนอล (อันดับ 5 มี 47 แต้ม) - น่าเศร้าเหลือเกินที่ความสงสารส่อไร้แชมป์ติดมือ 8 ปีติดต่อกันทำให้ อาร์เซนอล ควรได้ของปลอบใจเป็นตั๋ว แชมเปียนส์ ลีก ช่วงเวลาเดียวกันของ 4 ฤดูกาลก่อนหน้านี้พลพรรค “ปืนโต” มักจะทำผลงานได้ดีและเร่งเข้าป้ายท็อปโฟร์ได้โดยตลอดคือจบที่ 4, 3, 4 และ 3 ตามลำดับ อาจจะเพราะไม่มีรายการอื่นมากวนสมาธิ แถมโปรแกรมไม่หนักจากนี้มีเพียงจะต้องออกไปเยือน สเปอร์ส วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคมนี้ที่ถือเป็นการชี้ชะตาก็ว่าได้ก่อนจะเล่นในบ้านรับมือ เอฟเวอร์ตัน วันเสาร์ที่ 9 มี.ค. โดยที่ผ่านมีแค่ 2 ครั้งก่อนจะเร่งเครื่องคว้าอันดับ 4 แม้ว่าจะมีน้อยกว่า 44 แต้มจาก 26 เกมคือฤดูกาล 1995-96 และ 2005-06 แต่ที่น่ากลัวคือ 5 ปีหลังสุดลูกทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ ทำแต้มเฉลี่ยครึ่งปีหลังน้อยมากและมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ

เอฟเวอร์ตัน (อันดับ 6 มี 42 แต้ม) - เดวิด มอยส์ เคยทำสำเร็จพา เอฟเวอร์ตัน คว้าอันดับ 4 เมื่อปี 2005 แต่ต้องอกหักไม่ได้เข้าไปเล่นรอบแบ่งกลุ่ม แชมเปียนส์ ลีก เนื่องจากเพลย์ออฟรอบสามไม่ผ่าน ซึ่งทุกคนมองว่าศักยภาพนักเตะชุดนี้ดีกว่าครั้งนั้นด้วยซ้ำไปดังนั้นทำไมจึงไม่มีโอกาสที่ประวัติศาสตร์จะเกิดขึ้นอีกครั้ง โดย 2 คีย์แมนก็คือ มารูยาน เฟลไลนี และ เลย์ตัน เบนส์ ทว่าปัญหาก็คือกองหน้ายิงประตูได้น้อยเกินไป นิกิชา เยลาวิช ฟอร์มตกจากเมื่อปีที่แล้ว ส่วนหลายคนไม่มีประสบการณ์มักจะพลาดเสียประตูสำคัญท้ายเกมบ่อยครั้ง รวมถึงรูปแบบการเล่นไม่ค่อยหลากหลายกุนซือชาวสกอตต์จึงต้องแก้ไขตรงจุดนี้เป็นการด่วนเพราะยังเหลือโปรแกรมอีกหลายนัดทว่าการต้องไปเยือน อาร์เซนอล, สเปอร์ส, ลิเวอร์พูล และ เชลซี ถือว่าหนักหนาสาหัสสากรรจ์มาก

ลิเวอร์พูล (อันดับ 8 มี 39 แต้ม) - เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือที่ทำทุกอย่างเพื่อ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างทีมและซื้อแข้งดาวรุ่งเข้ามาเสริมเพื่อปูรากฐานสู่อนาคต ซึ่งการมาของ ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ ดาวยิงทีมชาติอังกฤษช่วงตลาดเปิดที่ผ่านมาน่าจะเป็นการสร้างความหลากหลายในแนวรุกร่วมกับ หลุยส์ ซัวเรซ ทำให้มีความหวังมากขึ้นในการจบสกอร์เพื่อลุ้น 3 แต้ม หลังจากยิงทิ้งยิงขว้างทำแต้มหลุดมือช่วงต้นฤดูกาล หลังจากตกรอบ 32 ทีมสุดท้าย ยูโรปา ลีก น่าจะส่งผลกับสมาธิให้มุ่งมาที่โควตา แชมเปียนส์ ลีก เพียงอย่างเดียวการตามอันดับ 4 ถึง 10 แต้มถือเป็นงานหนักพอสมควร แต่การที่ได้เล่นในบ้านรับ สเปอร์ส, เชลซี และ เอฟเวอร์ตัน ถือเป็นปัจจัยสำคัญ โดยจะต้องภาวนาให้ทีมอื่นสะดุดขาตัวเองและตัดแต้มกันเองด้วย ซึ่งถ้าทำได้จะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2009