คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
หลังจากที่ทัพนักกีฬาลูกยางสาวไทย ลงสนามไปแล้ว 2 นัด ในศึกวอลเลย์บอล เวิลด์ แกรนด์ แชมเปียนส์ คัพ 2013 ด้วยการแพ้ โดมินิกัน และ บราซิล ด้วยสกอร์ 3 เซตรวด หากมองในแง่ของผลการแข่งขันแล้วอาจจะน่าผิดหวัง แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องไม่ลืมคือ ทุกทีมที่มารายการนี้ต่างก็เป็นแชมป์ของแต่ละทวีป อาทิ รัสเซีย แชมป์ยุโรป, บราซิล แชมป์อเมริกาใต้, ญี่ปุ่น ทีมอันดับ 3 ของโลก, สหรัฐฯ แชมป์นอร์เซกา รวมถึง โดมินิกัน ทีมรับเชิญที่เป็นถึงอันดับ 8 ของโลก ขณะที่ทีมไทยแม้จะเป็นแชมป์เอเชีย แต่ก็มีอันดับอยู่ที่ 12 ของโลก ซึ่งด้อยกว่าทุกทีมอยู่แล้ว
และการแพ้ 2 นัดแรกแบบไม่ได้เซตจากคู่แข่งเลย ทำให้มีคนตั้งคำถามว่าเราไปแข่งขันรายการนี้แล้วได้อะไร เรื่องนี้ “โค้ชอ๊อต” เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร หัวหน้าผู้ฝึกสอนผู้นำทีมลูกยางหญิงคว้าแชมป์เอเชียมาแล้ว 2 สมัย ยืนยันว่าไม่เสียเปล่าแน่นอน “การที่เราได้ลงสนามกับทีมระดับโลกอย่าง บราซิล มันแสดงให้เห็นว่าเขาเหนือกว่าเราเพียงใด ผมไม่รู้สึกกดดันกับการพ่ายแพ้ และต่อให้ต้องแพ้ไปทั้งทัวร์นาเมนต์ มันก็เป็นเรื่องน่าประทับใจ ประทับใจในแง่ที่เราได้เห็นการลงสนามของทีมระดับโลก เขาวางแผนมาอย่างละเอียดในทุกๆ การป้องกัน เขารู้ว่าเราเล่นอย่างไร เสียเปรียบอะไร และรู้ว่าต้องรับมืออย่างไร หากเราไม่ได้มาแข่งขันรายการนี้เราคงไม่ได้ประสบการณ์ล้ำค่าขนาดนี้”
สำหรับประสบการณ์ล้ำค่าที่ “โค้ชอ๊อต” กล่าวนั้น ไม่ใช่แค่คำแก้ตัวในความพ่ายแพ้ หากแต่มันเป็นคำพูดของคนที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อพัฒนาทีมวอลเลย์บอลของไทย เห็นได้ชัดว่าเกมกับ บราซิล ทีมไทยพยายามอย่างมากที่จะสู้ และดูเหมือนทีมเริ่มเข้าที่เข้าทางมากกว่าเกมแพ้ โดมินิกัน มาก แม้จะไม่ดีพอที่จะชนะ แต่ก็ล้ำค่าเหลือเกินสำหรับโอกาสของนักกีฬาหน้าใหม่ที่ได้ลงสนาม
ซึ่ง “กัปตันกิ๊ฟ” วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ เองก็เห็นเช่นเดียวกันกุนซือใหญ่ “เป็นโชคดีของน้องๆ ในทีมที่ได้โอกาสลงเล่นกับทีมระดับนี้ ไม่บ่อยเลยที่เราจะได้เจอกับทีมระดับนี้ แม้จะเอาชนะไม่ได้ เพราะทีมเขาแกร่งมาก ทุกทีมล้วนอันดับโลกเหนือกว่าเราทั้งสิ้น แต่ทีมก็ดีขึ้นตามลำดับ มันเป็นประสบการณ์อันดีที่นักกีฬารุ่นใหม่ของเราจะได้พัฒนาขึ้นไปอีก”
แน่นอนว่ากรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว การที่ “โค้ชอ๊อต” เปิดโอกาสให้นักกีฬาดาวรุ่งอย่าง ทัดดาว นึกแจ้ง, ฐาปไพพรรณ ไชยศรี, พรพรรณ เกิดปราชญ์ และ อัจฉราพร คงยศ ได้ลงสนาม ประสบการณ์ในทัวร์นาเมนต์นี้จะช่วยบ่มเพาะให้สาวๆ เหล่านี้แข็งแกร่ง และก้าวแกร่งมาแทนนักกีฬารุ่นพี่ได้ในอนาคตอันไม่ใกล้ไม่ไกลนี้แหละ
นอกจากตัวนักกีฬาที่จะได้ประสบการณ์แล้ว ผู้ฝึกสอนก็ยังได้ด้วย นั่นคือได้เรียนรู้การวางแผนต่างๆ ของกุนซือทีมระดับโลก อย่างที่บอกรายการนี้รวมทีมระดับโลกจากแทบทุกทวีปของโลก (ยกเว้นแอฟริกา) เชื่อว่าหลังจบการแข่งขัน นอกจากนักกีฬาของเราจะเก่งขึ้น อีกคนที่เก่งขึ้นในการวางแท็คติกก็ต้องเป็นพ่อใหญใจดีอย่าง “โค้ชอ๊อต” นี่เอง
ส่วนการแข่งขันที่เหลือทีมสาวไทยต้องเจอกับทั้ง ญี่ปุ่น, สหรัฐฯ และรัสเซีย ต่อให้ไม่ชนะใครได้เลย ในฐานะแฟนๆ ที่ติดตามเชียร์ก็คงไม่รู้สึกเสียใจอะไร ในเมื่อเขาและเธอเหล่านั้นทำเต็มที่แล้ว...
หลังจากที่ทัพนักกีฬาลูกยางสาวไทย ลงสนามไปแล้ว 2 นัด ในศึกวอลเลย์บอล เวิลด์ แกรนด์ แชมเปียนส์ คัพ 2013 ด้วยการแพ้ โดมินิกัน และ บราซิล ด้วยสกอร์ 3 เซตรวด หากมองในแง่ของผลการแข่งขันแล้วอาจจะน่าผิดหวัง แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องไม่ลืมคือ ทุกทีมที่มารายการนี้ต่างก็เป็นแชมป์ของแต่ละทวีป อาทิ รัสเซีย แชมป์ยุโรป, บราซิล แชมป์อเมริกาใต้, ญี่ปุ่น ทีมอันดับ 3 ของโลก, สหรัฐฯ แชมป์นอร์เซกา รวมถึง โดมินิกัน ทีมรับเชิญที่เป็นถึงอันดับ 8 ของโลก ขณะที่ทีมไทยแม้จะเป็นแชมป์เอเชีย แต่ก็มีอันดับอยู่ที่ 12 ของโลก ซึ่งด้อยกว่าทุกทีมอยู่แล้ว
และการแพ้ 2 นัดแรกแบบไม่ได้เซตจากคู่แข่งเลย ทำให้มีคนตั้งคำถามว่าเราไปแข่งขันรายการนี้แล้วได้อะไร เรื่องนี้ “โค้ชอ๊อต” เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร หัวหน้าผู้ฝึกสอนผู้นำทีมลูกยางหญิงคว้าแชมป์เอเชียมาแล้ว 2 สมัย ยืนยันว่าไม่เสียเปล่าแน่นอน “การที่เราได้ลงสนามกับทีมระดับโลกอย่าง บราซิล มันแสดงให้เห็นว่าเขาเหนือกว่าเราเพียงใด ผมไม่รู้สึกกดดันกับการพ่ายแพ้ และต่อให้ต้องแพ้ไปทั้งทัวร์นาเมนต์ มันก็เป็นเรื่องน่าประทับใจ ประทับใจในแง่ที่เราได้เห็นการลงสนามของทีมระดับโลก เขาวางแผนมาอย่างละเอียดในทุกๆ การป้องกัน เขารู้ว่าเราเล่นอย่างไร เสียเปรียบอะไร และรู้ว่าต้องรับมืออย่างไร หากเราไม่ได้มาแข่งขันรายการนี้เราคงไม่ได้ประสบการณ์ล้ำค่าขนาดนี้”
สำหรับประสบการณ์ล้ำค่าที่ “โค้ชอ๊อต” กล่าวนั้น ไม่ใช่แค่คำแก้ตัวในความพ่ายแพ้ หากแต่มันเป็นคำพูดของคนที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อพัฒนาทีมวอลเลย์บอลของไทย เห็นได้ชัดว่าเกมกับ บราซิล ทีมไทยพยายามอย่างมากที่จะสู้ และดูเหมือนทีมเริ่มเข้าที่เข้าทางมากกว่าเกมแพ้ โดมินิกัน มาก แม้จะไม่ดีพอที่จะชนะ แต่ก็ล้ำค่าเหลือเกินสำหรับโอกาสของนักกีฬาหน้าใหม่ที่ได้ลงสนาม
ซึ่ง “กัปตันกิ๊ฟ” วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ เองก็เห็นเช่นเดียวกันกุนซือใหญ่ “เป็นโชคดีของน้องๆ ในทีมที่ได้โอกาสลงเล่นกับทีมระดับนี้ ไม่บ่อยเลยที่เราจะได้เจอกับทีมระดับนี้ แม้จะเอาชนะไม่ได้ เพราะทีมเขาแกร่งมาก ทุกทีมล้วนอันดับโลกเหนือกว่าเราทั้งสิ้น แต่ทีมก็ดีขึ้นตามลำดับ มันเป็นประสบการณ์อันดีที่นักกีฬารุ่นใหม่ของเราจะได้พัฒนาขึ้นไปอีก”
แน่นอนว่ากรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว การที่ “โค้ชอ๊อต” เปิดโอกาสให้นักกีฬาดาวรุ่งอย่าง ทัดดาว นึกแจ้ง, ฐาปไพพรรณ ไชยศรี, พรพรรณ เกิดปราชญ์ และ อัจฉราพร คงยศ ได้ลงสนาม ประสบการณ์ในทัวร์นาเมนต์นี้จะช่วยบ่มเพาะให้สาวๆ เหล่านี้แข็งแกร่ง และก้าวแกร่งมาแทนนักกีฬารุ่นพี่ได้ในอนาคตอันไม่ใกล้ไม่ไกลนี้แหละ
นอกจากตัวนักกีฬาที่จะได้ประสบการณ์แล้ว ผู้ฝึกสอนก็ยังได้ด้วย นั่นคือได้เรียนรู้การวางแผนต่างๆ ของกุนซือทีมระดับโลก อย่างที่บอกรายการนี้รวมทีมระดับโลกจากแทบทุกทวีปของโลก (ยกเว้นแอฟริกา) เชื่อว่าหลังจบการแข่งขัน นอกจากนักกีฬาของเราจะเก่งขึ้น อีกคนที่เก่งขึ้นในการวางแท็คติกก็ต้องเป็นพ่อใหญใจดีอย่าง “โค้ชอ๊อต” นี่เอง
ส่วนการแข่งขันที่เหลือทีมสาวไทยต้องเจอกับทั้ง ญี่ปุ่น, สหรัฐฯ และรัสเซีย ต่อให้ไม่ชนะใครได้เลย ในฐานะแฟนๆ ที่ติดตามเชียร์ก็คงไม่รู้สึกเสียใจอะไร ในเมื่อเขาและเธอเหล่านั้นทำเต็มที่แล้ว...
