xs
xsm
sm
md
lg

แชมป์โลกพันธุ์ระห่ำ “มาร์เกวซ” แค่ใจไม่พอ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

มาร์เกวซ แชมป์โลกประวัติศาสตร์
เอเยนซี - ขับเคี่ยวกันอย่างถึงพริกถึงขิงบนแทร็กทั้ง 18 สนามของฤดูกาล 2013 ในที่สุดศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกรุ่น โมโตจีพี ก็ได้แชมป์อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งก็คือ มาร์ค มาร์เกวซ ซิ่งหนุ่มสุดระห่ำชาวสแปนิช จากค่าย เรปโซล ฮอนด้า ที่เขียนประวัติศาสตร์บทใหม่กลายเป็นรุคกีคนแรกรอบ 35 ปี ที่เลื่อนชั้นขึ้นมาจากรุ่น โมโตทู และคว้าแชมป์โลกได้ภายในปีเดียว แต่ก่อนจะมาถึงวันนี้ต้องบอกว่าไม่ได้ฟลุ๊ค เพราะเส้นทางความเร็วที่ผ่านมาของนักบิดวัย 20 ปีน่าสนใจไม่น้อย

โมโตจีพี รายการสุดท้าย “บาเลนเซีย กรังด์ ปรีซ์” ที่สเปน มาร์เกวซ บิดรถหมายเลข 93 เข้าเส้นชัยคันที่ 3 ถือว่าทำได้ตามเงื่อนไขสำหรับเรซตัดสินที่ต้องจบท็อป 4 แม้จะโดน ฆอร์เก ลอเรนโซ ดีกรีแชมป์โลก 2 สมัยรุ่นพี่ฝั่ง ยามาฮ่า แย่งธงตราหมากรุกสนามไป ซึ่งก็ไม่มีผล เพราะด้วยคะแนนสะสมที่ห่างกัน 4 แต้ม ทำให้ผงาดคว้าแชมป์โลกเป็นสมัยแรก ต่อจาก เคนนี โรเบิร์ตส ตำนานนักบิดของ ยามาฮ่า ที่ครองสถิติรุคกีคนแรกที่ได้แชมป์โลกตั้งแต่ปีแรกที่เลื่อนชั้นขึ้นมาเมื่อปี 1978

มาร์เกวซ จบซีซัน 2013 ด้วยผลงานน่าทึ่งกวาดแชมป์ 6 สนาม, 16 โพเดียม และ แข่งจบ 16 เรซ ที่เหลือคือถอนตัวที่ อิตาลี และโดนปรับโทษธงดำที่ ออสเตรเลีย จนไม่มีแต้มติดมือ หลายคนอาจจะมองว่าเป็นนักบิดสไตล์ใจถึง แต่แน่นอนไม่เพียงพอ เพราะต้องประกอบด้วยหลายอย่างเข้าด้วยกัน ไล่ตั้งแต่ครอบครัวที่วางรากฐานให้การสนับสนนุนพ่อซื้อรถมอเตอร์ไบค์ให้ลูกชายขี่ตั้งแต่ 7 ขวบ ก่อนส่งเจ้าตัวไปลงแข่งชิงแชมป์ระดับประเทศ จนสร้างชื่อขึ้นมาไล่ล่าแชมป์ระดับ 125 ซีซี, โมโตทู และกลายเป็นความหวังใหม่ของวงการมอเตอร์สปอร์ตแดนกระทิง

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ มาร์เกวซ นักบิดจาก เซร์เบรา ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วหากไม่นับรถที่แรงกว่าคู่แข่ง, ทีมช่างระดับของ ฮอนด้า, สไตล์การขี่ระห่ำบ้าดีเดือดเหมือน วาเลนติโน รอสซี ในช่วงวัยรุ่น และการฟิตซ้อมร่างกายที่ดี คงต้องยกให้ เอมิลิโอ อัลซาโมรา อดีตแชมป์โลกรุ่น 125 ซีซี ชาวสเปน ที่เข้ามาเป็นมันสมองคอยแนะนำแท็กติกการขับ และเป็นพี่เลี้ยงใช้จิตวิทยาช่วยให้ลงสนามแบบไร้ความกดดัน แบบเดียวกับที่ “เดอะ ด็อกเตอร์” มี เจเรมี เบอร์เกส กุนซือสมองเพชรคอยเป็นมือขวาอยู่เคียงข้างจนช่วยกันซิวแชมป์โลกได้ถึง 9 สมัย

นอกจากนี้ นาย อารักษ์ พรประภา บอสใหญ่ของ ฮอนด้า ประเทศไทย ที่มีโอกาสคลุกคลีอยู่กับทีมงานฝั่ง ฮอนด้า ยุโรป ในช่วงที่ส่งนักบิดไทยลงแข่งรุ่น โมโตทู ชี้ว่าเรื่องจิตวิทยาเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับ มาร์เกวซ นอกจากนี้ทุกวันนักบิดแดนกระทิงดุจะออกกำลังกายอย่างหนักในค็อกพิตก่อนแข่งเพื่อฟิตร่างกายให้พร้อม ขณะเดียวกันเวลาว่างก็จะออกไปที่สนามแข่งเพื่อซุ่มซ้อมเทคนิคใหม่ๆ ที่จะเอาไว้ใช้เมื่อถึงเวลาแข่งจริง

“สำหรับผมคิดว่า มาร์เกวซ เป็นนักบิดที่สมบูรณ์แบบคนหนึ่ง ไม่ง่ายเลยที่จะได้แชมป์โลกตั้งแต่ปีแรกที่เลื่อนชั้นขึ้นมา เพราะปัจจัยต่างๆ รวมถึงความกดดันที่ถาโถมเข้ามาซึ่งน้อยคนนักที่จะรับมือได้ ซึ่งหากสังเกตช่วงแรกของฤดูกาลที่ลงสนามไปพร้อมกับความกดดันมากมาย แม้มีผลการแข่งขันที่ดีแต่สไตล์การขี่แบบดุดันก็ถือเป็นเรื่องเสี่ยงไม่น้อย ทว่าเมื่อได้เรื่องจิตวิทยาเข้ามาช่วยก็ทำให้เริ่มลดความแรงลงไปและใช้สมองในการแข่งมากขึ้นจนได้แชมป์ในที่สุด” นาย อารักษ์ ให้ความเห็น

แม้ โมโตจีพี จะรูดม่านไปแล้วแต่ความสำเร็จของ มาร์เกวซ เชื่อว่าจะยังถูกพูดถึงต่อเนื่อง และชัยชนะครั้งนี้อาจเป็นสัญญาณเตือนที่ส่งต่อไปยังนักบิดรุ่นเก๋าที่โลดแล่นอยู่ในรุ่นใหญ่ว่าให้ระวังตัวไว้ให้ดี เพราะการชิงชัยปีหน้าจะมีสองนักบิดเลือดใหม่เจ้าของแชมป์โลกและรองแชมป์ โมโตทู อย่าง โพล เอสปาร์กาโร ของทีม มอนสเตอร์ ยามาฮ่า เทค 3 กับ สกอตต์ เรดดิง นักบิดชาวอังกฤษของทีม โก แอนด์ ฟัน ฮอนด้า เกรซินี ซึ่งไม่แน่ทั้งคู่อาจสร้างเซอร์ไพรส์เขย่าวงการ โมโตจีพี แบบเดียวกับที่ มาร์เกวซ ทำไว้ก็เป็นได้
ลีลาดุดันในสนาม
อัลซาโมรา (ซ้าย) โค้ชคู่ใจ
โพล ลุ้นสร้างเซอร์ไพรส์
กำลังโหลดความคิดเห็น