3 ใน 5 ของคณะกรรมการจัดการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย แถลงอย่างเป็นทางการว่าไม่รับรองมติการเลือกตั้งที่ “บังยี” วรวีร์ มะกูดี คว้าชัยเป็นสมัยที่ 4 เนื่องจากพบข้อไม่โปร่งใสในการสวมสิทธิ์ของสโมสรสมาชิกที่มาลงคะแนน พร้อมโยนเรื่องให้การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เป็นคนชี้ขาดในขั้นสุดท้าย
ความคืบหน้าหลังจากที่ วรวีร์ มะกูดี คว้าชัยชนะด้วยคะแนนเสียง 42-28 ในการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2556 ล่าสุดคล้อยหลังเพียงวันเดียวเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ที่ผ่านมา ด้าน นายชนินทร์ แก่นหิรัญ 1 ในคณะกรรมการจัดการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ ได้ตั้งโต๊ะแถลงอย่างเป็นทางการว่าไม่รับรองผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น
โดยนายชนินทร์ กล่าวว่าตนเป็นตัวแทนคณะกรรมการจัดการเลือกตั้งฯจำนวน 3 ใน 5 เสียงที่ไม่รับรองผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น ประกอบด้วย ตนเอง, พล.ต.ต.พิสุทธิ์ พุ่มพิเชฏฐ์ ในฐานะประธาน และ นายธนา ธรรมวิหาร คณะกรรมการ เนื่องจากมองว่าการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นนั้นไม่เป็นธรรม
“ในฐานะที่ผมเป็นอนุกรรมการจัดการเลือกตั้งฯทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่นมา 4 ปี ไม่สามารถที่จะรับรองผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ได้ เนื่องจากมีการสวมสิทธิ์ของตัวแทนสมาชิกเกิดขึ้น เนื่องจากเมื่อวันที่ 16 ต.ค.ทาง กกต.ได้เปิดให้ผู้เสียสิทธิ์ทั้ง 7 ทีมที่มีปัญหาเข้าชี้แจงแล้ว และได้มีการวินิจฉัยด้วยเสียงข้างมากบนหลักการตามที่ฟีฟากำหนด คือพิจารณาจากผู้ทำทีมเป็นสำคัญ”
“แต่เมื่อวันที่ 17 ต.ค.ก่อนการเลือกตั้งไม่กี่ชั่วโมง ทางคณะอุทธรณ์ได้พิจารณากลับมติที่ทาง กกต.ออกมาทั้งหมดด้วยมติ 2 ต่อ 1 โดยไม่มีเหตุผลประกอบที่พอเพียง และไม่มีการตรวจสอบว่ามีสโมสรสมาชิกมาอุทธรณ์หรือไม่ อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนตัวคณะกรรมการจึงมองว่าเป็นการไม่โปร่งใสจึงไม่สามารถที่จะประทับตรายางรับรองผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นได้”
โดย นายชนินทร์ กล่าวถึงเหตุผลที่ต้องปล่อยให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นว่า ตามข้อบังคับระบุว่าต้องยึดมติของคณะอุทธรณ์เป็นที่สิ้นสุด ดังนั้นเราจึงต้องปล่อยให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 ต.ค.อีกทั้งยังเพื่อป้องกันปัญหาการโดนแบน แต่เมื่อเลือกตั้งแล้วพบความไม่เป็นธรรม ทาง กกต.จึงจำเป็นต้องแถลงอย่างเป็นทางการว่าไม่รับรองผลด้วยมติ 3 ใน 5
ซึ่งทาง กกต.ก็จะยุติหน้าที่แต่เพียงเท่านี้ จากนี้ก็เป็นหน้าที่ของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ว่าจะพิจารณารับรองผลการเลือกตั้งหรือไม่ ส่วนทางสโมสรสมาชิกที่เสียสิทธิ์ก็ต้องไปดำเนินการทางชั้นศาลเอา ขณะทีฟีฟานั้นได้รับรองแล้วว่ามีการเลือกตั้งเกิดขึ้น แต่ปัญหาภายในประเทศที่ตามมาคงไม่เข้ามายุ่ง
“ก่อนหน้านี้ผมทำหน้าที่มาตั้งแต่ระดับชาติและท้องถิ่น ให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และให้ใบเหลือง-ใบแดง ผู้สมัครมามากมายตลอด 4 ปี แต่นึกไม่ถึงว่ากระบวนการเลือกตั้งของสมาคมฟุตบอลฯที่เป็นขนาดเล็ก แต่กลับมีวิธีการที่มีร่วมปฏิบัติที่ไม่คำนึงถึงกฎหมายเกิดขึ้น” ชนินทร์ทิ้งท้าย
