คอลัมน์ “Final Quarter” โดย “ลุงแซม”
สุดสัปดาห์นี้ ไมค์ ทอมลิน มีคิวนำพลพรรค “คนเหล็ก” พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส ไปเปิดศึกคนชนคน อเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล กับ เลสลี ฟราเซียร์ และขุนพล มินเนโซตา ไวกิงส์ กันไกลถึงประเทศอังกฤษ ณ สังเวียน เวมบลีย์ สเตเดียม ซึ่งก็ถือเป็นปีที่ 7 ติดต่อกันที่ทีม NFL บินมาแข่งกันบนสังเวียนผู้ดี
นับตั้งแต่ อีลาย แมนนิง นำ นิวยอร์ก ไจแอนท์ส บินไกลกว่า 3,500 ไมล์ เผด็จศึก ไมอามี ดอลฟินส์ 13-10 ปี 2007 จวบจนปีก่อนที่ ทอม เบรดี ควอเตอร์แบ็กแม่เหล็กพา นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ไล่กระทุ้ง เซ็นต์หลุยส์ แรมส์ 45-7 ล่าสุดวันอาทิตย์นี้ ซึ่งเป็นเกมสัปดาห์ที่ 4 ตั๋วจำนววน 84,000 นั่งถูกจับจองหมดแล้ว แฟนๆ เตรียมเข้าไปเป็นสักขีพยานในเกมเพื่อความอยู่รอดของซีซันระหว่าง สตีลเลอร์ส กับ ไวกิงส์ ที่ต่างก็ปราชัยมาทั้งสามเกมก่อนหน้านี้ อุณหภูมิคงเดือดกว่าปกติ เพราะอาจเป็นการคุมทีมหนสุดท้ายของหัวหน้าโค้ชคนใดคนหนึ่งระหว่าง ทอมลิน กับ ฟราเซียร์ ก็เป็นได้ เหตุจากไม่เคยมีแฟรนไชส์ใดสตาร์ท 0-4 แล้วยังกล้าๆ ทะลุเข้าสู่เพลย์ออฟ
ต่อจากนั้นวันที่ 27 ตุลาคม เป็นเกมสัปดาห์ที่ 8 โคลิน เคเปอร์นิค มีสิทธิ์จุมพิตหมัดกล้ามโชว์แฟนๆ ชาวอังกฤษ เมื่อมีคิวนำ ซานฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์ส มาชน แจ็คสันวิลล์ จากัวส์ จากนั้นอย่าว่าแต่การนำ NFL มาแข่งฤดูกาลปกติซีซันละ 3 เกม เผลอๆ โรเจอร์ กูเดลล์ บิ๊กบอสจะผุดไอเดียนำ “ซูเปอร์โบว์ล” มาชิงชัยที่เวมบลีย์ รวมถึงการเปิดไฟเขียวให้มีทีมปักหลัก ณ กรุงลอนดอน กันไปเลย นั่นหมายความว่าสาวกคนชนคนที่อังกฤษจะได้ดูกันถึง 8 เกมต่อฤดูกาล และมันมีโอกาสเกิดขึ้นภายใน 10 ปีนี้ เนื่องจากเจ้าของทีม 24 จาก 32 แฟรนไชส์ เห็นดีเห็นงามด้วย
หากถามไถ่สมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ผู้เช่าสนามเวมบลีย์ อยู่นั้นว่าอยากให้มีทีมใน NFL มาปักหลักที่นี่หรือไม่ คำตอบแบบสงวนท่าทีอาจบอกว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่จากกระแสตอบรับที่มีแฟนๆ เข้าชมเต็มความจุเกือบทุกคราไป เหตุใด เอฟเอ ถึงต้องปฏิเสธ ก็ในเมื่อรายได้ตกลงจาก 39.9 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,995 ล้านบาท) เหลือ 35 ล้านปอนด์ (1.75 พันล้านบาท) การไม่มีมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ หรือ โอลิมปิกเกมส์ รวมถึงแมตช์ชิงฟุตบอล ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก มาลงที่เวมบลีย์ เหมือนปีที่ผ่านมา ทำให้รายรับขาดหายราว 245 ล้านบาท หากได้ดุลการค้าเป็นดอลล่าร์สหรัฐ ก้อนโตเข้ามาชดเชยหาใช่เรื่องเสียหาย
ส่วนทีมใดที่มีโอกาสมาปักหลักยังกรุงลอนดอน แน่นอนสื่อต้องไล่เรียงดู “คอนเนกชัน” ก็ไม่แคล้ว “เสือดาว” จากัวส์ ที่มี ชาฮิด ข่าน เป็นเจ้าของ ซึ่งคอกีฬาชาวเมืองผู้ดีน่าจะเริ่มคุ้นหน้า จากการที่ นักธุรกิจชาวปากีสถานเซ็นเช็ค 150-200 ล้านปอนด์ (ราว 7.5 พันล้าน ถึง หนึ่งหมื่นล้านบาท) เทกโอเวอร์สโมสรฟุตบอล ฟูแลม มาจาก โมฮาเหม็ด อัล ฟาเยด มหาเศรษฐีชาวอียิปต์ และก็เพิ่งโยกเอารูปปั้น ไมเคิล แจ็กสัน ป๊อปสตาร์ชื่อก้องโลกออกจากบริเวณหน้าสนาม คราเวน คอตเทจ ไปเป็นที่เรียบร้อย ด้วยการที่ จากัวส์ มียอดผู้ชมเฉลี่ย 65,000 คน จากความจุของ เอเวอร์แบงก์ สเตเดียม ที่จุได้เต็มที่ 76,876 ที่นั่ง ฤดูกาล 2013/14 ยอดผู้ชมอาจต่ำกว่าเดิม (เกมแรกที่พ่าย แคนซัส ซิตี ชีฟส์ เละเทะ 2-28 ก็มีแฟนๆ เข้าชมไม่ถึงหกหมื่น) การเข้าฮุบกิจการ “เจ้าสัวน้อย” ฟูแลม อาจมีนัยแฝงความคิดโยกเอาแฟรนไชส์ “แจ็คส์” มาโกยเงินที่อังกฤษด้วยก็เป็นได้
ขณะที่ แทมปาเบย์ บัคคาเนียร์ส เคยมาเหยียบเวมบลีย์ แล้วในปี 2009 คราวนั้นโดน “แพทส์แมน” ไล่กระทุ้ง 35-7 ซึ่งยอดผู้ชม 84,252 เล่นเอา กูเดลล์ ยิ้มแก้มแทบปริ แม้ ตระกูล “เกลเซอร์” เจ้าของแฟรนไชส์ “โจรสลัด” อาจเป็นที่จงเกลียดจงชังของชาวอังกฤษ โดยเฉพาะสาวก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่หากมีการพิจารณาหาทีมมาลงหลักปักฐานที่นี่ แน่นอนว่า มัลคอล์ม เกลเซอร์ ย่อมต้องยกมือแสดงความประสงค์ลำดับต้นๆ เป็นแน่
สุดสัปดาห์นี้ ไมค์ ทอมลิน มีคิวนำพลพรรค “คนเหล็ก” พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส ไปเปิดศึกคนชนคน อเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล กับ เลสลี ฟราเซียร์ และขุนพล มินเนโซตา ไวกิงส์ กันไกลถึงประเทศอังกฤษ ณ สังเวียน เวมบลีย์ สเตเดียม ซึ่งก็ถือเป็นปีที่ 7 ติดต่อกันที่ทีม NFL บินมาแข่งกันบนสังเวียนผู้ดี
นับตั้งแต่ อีลาย แมนนิง นำ นิวยอร์ก ไจแอนท์ส บินไกลกว่า 3,500 ไมล์ เผด็จศึก ไมอามี ดอลฟินส์ 13-10 ปี 2007 จวบจนปีก่อนที่ ทอม เบรดี ควอเตอร์แบ็กแม่เหล็กพา นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ไล่กระทุ้ง เซ็นต์หลุยส์ แรมส์ 45-7 ล่าสุดวันอาทิตย์นี้ ซึ่งเป็นเกมสัปดาห์ที่ 4 ตั๋วจำนววน 84,000 นั่งถูกจับจองหมดแล้ว แฟนๆ เตรียมเข้าไปเป็นสักขีพยานในเกมเพื่อความอยู่รอดของซีซันระหว่าง สตีลเลอร์ส กับ ไวกิงส์ ที่ต่างก็ปราชัยมาทั้งสามเกมก่อนหน้านี้ อุณหภูมิคงเดือดกว่าปกติ เพราะอาจเป็นการคุมทีมหนสุดท้ายของหัวหน้าโค้ชคนใดคนหนึ่งระหว่าง ทอมลิน กับ ฟราเซียร์ ก็เป็นได้ เหตุจากไม่เคยมีแฟรนไชส์ใดสตาร์ท 0-4 แล้วยังกล้าๆ ทะลุเข้าสู่เพลย์ออฟ
ต่อจากนั้นวันที่ 27 ตุลาคม เป็นเกมสัปดาห์ที่ 8 โคลิน เคเปอร์นิค มีสิทธิ์จุมพิตหมัดกล้ามโชว์แฟนๆ ชาวอังกฤษ เมื่อมีคิวนำ ซานฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์ส มาชน แจ็คสันวิลล์ จากัวส์ จากนั้นอย่าว่าแต่การนำ NFL มาแข่งฤดูกาลปกติซีซันละ 3 เกม เผลอๆ โรเจอร์ กูเดลล์ บิ๊กบอสจะผุดไอเดียนำ “ซูเปอร์โบว์ล” มาชิงชัยที่เวมบลีย์ รวมถึงการเปิดไฟเขียวให้มีทีมปักหลัก ณ กรุงลอนดอน กันไปเลย นั่นหมายความว่าสาวกคนชนคนที่อังกฤษจะได้ดูกันถึง 8 เกมต่อฤดูกาล และมันมีโอกาสเกิดขึ้นภายใน 10 ปีนี้ เนื่องจากเจ้าของทีม 24 จาก 32 แฟรนไชส์ เห็นดีเห็นงามด้วย
หากถามไถ่สมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ผู้เช่าสนามเวมบลีย์ อยู่นั้นว่าอยากให้มีทีมใน NFL มาปักหลักที่นี่หรือไม่ คำตอบแบบสงวนท่าทีอาจบอกว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่จากกระแสตอบรับที่มีแฟนๆ เข้าชมเต็มความจุเกือบทุกคราไป เหตุใด เอฟเอ ถึงต้องปฏิเสธ ก็ในเมื่อรายได้ตกลงจาก 39.9 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,995 ล้านบาท) เหลือ 35 ล้านปอนด์ (1.75 พันล้านบาท) การไม่มีมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ หรือ โอลิมปิกเกมส์ รวมถึงแมตช์ชิงฟุตบอล ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก มาลงที่เวมบลีย์ เหมือนปีที่ผ่านมา ทำให้รายรับขาดหายราว 245 ล้านบาท หากได้ดุลการค้าเป็นดอลล่าร์สหรัฐ ก้อนโตเข้ามาชดเชยหาใช่เรื่องเสียหาย
ส่วนทีมใดที่มีโอกาสมาปักหลักยังกรุงลอนดอน แน่นอนสื่อต้องไล่เรียงดู “คอนเนกชัน” ก็ไม่แคล้ว “เสือดาว” จากัวส์ ที่มี ชาฮิด ข่าน เป็นเจ้าของ ซึ่งคอกีฬาชาวเมืองผู้ดีน่าจะเริ่มคุ้นหน้า จากการที่ นักธุรกิจชาวปากีสถานเซ็นเช็ค 150-200 ล้านปอนด์ (ราว 7.5 พันล้าน ถึง หนึ่งหมื่นล้านบาท) เทกโอเวอร์สโมสรฟุตบอล ฟูแลม มาจาก โมฮาเหม็ด อัล ฟาเยด มหาเศรษฐีชาวอียิปต์ และก็เพิ่งโยกเอารูปปั้น ไมเคิล แจ็กสัน ป๊อปสตาร์ชื่อก้องโลกออกจากบริเวณหน้าสนาม คราเวน คอตเทจ ไปเป็นที่เรียบร้อย ด้วยการที่ จากัวส์ มียอดผู้ชมเฉลี่ย 65,000 คน จากความจุของ เอเวอร์แบงก์ สเตเดียม ที่จุได้เต็มที่ 76,876 ที่นั่ง ฤดูกาล 2013/14 ยอดผู้ชมอาจต่ำกว่าเดิม (เกมแรกที่พ่าย แคนซัส ซิตี ชีฟส์ เละเทะ 2-28 ก็มีแฟนๆ เข้าชมไม่ถึงหกหมื่น) การเข้าฮุบกิจการ “เจ้าสัวน้อย” ฟูแลม อาจมีนัยแฝงความคิดโยกเอาแฟรนไชส์ “แจ็คส์” มาโกยเงินที่อังกฤษด้วยก็เป็นได้
ขณะที่ แทมปาเบย์ บัคคาเนียร์ส เคยมาเหยียบเวมบลีย์ แล้วในปี 2009 คราวนั้นโดน “แพทส์แมน” ไล่กระทุ้ง 35-7 ซึ่งยอดผู้ชม 84,252 เล่นเอา กูเดลล์ ยิ้มแก้มแทบปริ แม้ ตระกูล “เกลเซอร์” เจ้าของแฟรนไชส์ “โจรสลัด” อาจเป็นที่จงเกลียดจงชังของชาวอังกฤษ โดยเฉพาะสาวก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่หากมีการพิจารณาหาทีมมาลงหลักปักฐานที่นี่ แน่นอนว่า มัลคอล์ม เกลเซอร์ ย่อมต้องยกมือแสดงความประสงค์ลำดับต้นๆ เป็นแน่
