เอเยนซี - ศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล ฤดูกาล 2013/14 เปิดฉากชนคนกันมา 3 สัปดาห์ มี 6 ทีมที่ออกตัวร้อนแรงเก็บชัยได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์, ไมอามี ดอลฟินส์, แคนซัส ซิตี ชีฟส์, ซีแอตเทิล ซีฮอว์คส, ชิคาโก แบร์ส และ นิวออร์ลีนส์ เซ็นต์ส (ไม่นับรวม เดนเวอร์ บรองโกส์ ที่มีคิวลุยเกมมันเดย์ไนท์กับ โอคแลนด์ เรดเดอร์ส) ในทางตรงกันข้าม ก็มีถึง 6 ทีมที่สตาร์ทด้วยสถิติ 0-3 โดยครึ่งหนึ่งในนั้นล้วนเป็นทีมดังอย่าง พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส, นิวยอร์ก ไจแอนท์ส หรือว่า วอชิงตัน เรดสกินส์
ซึ่งตามประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ NFL ปรับมาใช้ระบบเพลย์ออฟ 12 ทีมในปี 1990 มีเพียง 3 แฟรนไชส์เท่านั้นที่ออกตัวบู่ ปราชัยทั้งสามเกมแรก แต่สามารถทะลุสู่โพสต์ซีซัน ได้แก่ ซานดิอาโก ชาร์จเจอร์ส ปี 1992, บัฟฟาโล บิลล์ส และ ดีทรอยต์ ไลออนส์ ในปี 1998 ดังนั้นภารกิจในการฟันฝ่าอุปสรรคเข้ารอบน็อกเอาต์ของ “คนเหล็ก” สตีลเลอร์ส, “ยักษ์ใหญ่” ไจแอนท์ส, “อินเดียนแดง” เรดสกินส์ หรือว่า ไวกิงส์ เสมือนการเข็นครกขึ้นภูเขา
การเริ่มต้นพรีซีซันพ่ายหมดทั้ง 4 เกม สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของ สตีลเลอร์ส โดยสิ่งที่ทีมแก้ไม่ตกคือ “เกมบุกภาคพื้นดิน” ซึ่งเคยเป็นจุดเด่น สัปดาห์แรกใช้แผนวิ่ง 15 ครั้ง ได้ระยะ 32 หลา จึงพ่าย เทนเนสซี ไตตันส์ 9-16 สัปดาห์ถัดมา ถือบอลตะลุย 16 หน ได้มา 44 หลา ปราชัย เบงกอลส์ 10-20 ล่าสุดในศึกซันเดย์ไนท์ โจนาธาน ดอว์เยอร์, เฟลิกซ์ โจนส์ รวมถึง “บิ๊กเบน” ช่วยกันวิ่ง 21 ครั้ง ได้ระยะแค่ 80 หลา น้อยกว่า แมตต์ ฟอร์เต รันนิงแบ็กแบร์ส วิ่งคนเดียวเสียอีก (87 หลา) นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ เบน โรธลิสเบอร์เกอร์ ต้องขว้างบอลมากเกินความจำเป็น ผลที่ตามมาคือ ควอเตอร์แบ็กร่างใหญ่โดนไป 2 อินเทอร์เซปต์ เสียอีกสองฟัมเบิล เหล่า ”คนเหล็ก” ที่เสียรวม 5 เทิร์นโอเวอร์ โดน “พญาหมี” ตะปบคาถิ่น 23-40 สตาร์ท 0-3 หนแรกในรอบ 13 ปี แม้ครั้งนั้นทีมจบฤดูกาลด้วยสถิติชนะ 9 แพ้ 7 ยังไม่เพียงพอต่อการเข้ารอบ มาในปีนี้ ไมค์ ทอมลิน เก้าอี้เฮดโค้ชร้อนขึ้นมาทันที หากไม่สามารถพาทีมเข้ารอบ 2 ปีติด เนื่องจากโควตากลุ่มเอเอฟซี (AFC) เหนือ ที่จะฉลุย อาจมีไว้ให้เพียงแชมป์กลุ่มเท่านั้น ถึงตรงนี้ ซินซี และแชมป์เก่า บัลติมอร์ เรฟเวนส์ ต่างดูมีภาษีกว่า
ข้ามมาทางฝั่งเอ็นเอฟซี (NFC) กลุ่มตะวันออก ดิวิชันสุดแข็ง แต่กลายเป็นว่าตอนนี้ ดัลลัส คาวบอยส์ มีโอกาสขึ้นประกาศความเกรียงไกร เหตุจาก ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ ฟอร์มสามวันดีสี่วันไข้ ขณะที่ ไจแอนท์ส กับ เรดสกินส์ บู่สุดขีด โดย “ยักษ์ใหญ่” สตาร์ท 0-3 หนแรกตั้งแต่ปี 1996 การบุกโดน แคโรไลนา แพนเธอร์ส ขย้ำ 38-0 ถือเป็นการปราชัยย่อยยับสุดในการคุมทีม 10 ปีของ ทอม คอฟลิน บรรดาแนวไม่ได้ให้เวลากับ อีลาย แมนนิง จึงโดนไปถึง 7 แซ็ค ขว้างบอลคอมพลีทเพียง 12 จาก 23 ครั้ง ได้ระยะ 119 หลา เสียหนึ่งอินเทอร์เซปต์ เท่ากับว่าผ่านไปแค่ 3 สัปดาห์ อดีตผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ซูเปอร์โบว์ล โดนไปแล้วถึง 8 พิก มากที่สุดในลีก เมื่อเกมการวิ่งตะลุยได้เพียง 17 หลาครึ่งแรก ทั้งที่ไปเซ็น แบรนดอน จาค็อบส์ กลับมา วิคเตอร์ ครูซ ปีกนอกเจ้าของท่าเต้นซัลซ่า จึงซ่าไม่ออก โดนคีย์ติดตลอด ส่วน “ทีมรับ” ก็ปล่อยให้ “เสือดำ” วิ่งทะลวงใส่เกือบ 200 หลา แม้ คัลเลน เจนกินส์ ดีเฟนซีฟ แท็กเกิล เอ่ยปากนี่เพิ่งเริ่มต้นซีซัน อย่าไปวิตกเกินเลย แต่อย่าลืมว่าซีซันก่อน “ยักษ์ใหญ่” สถิติชนะ 9 แพ้ 7 ยังไม่สามารถเข้ารอบได้ ถ้าปีนี้ซ้ำรอยช้ำอีก คอฟลิน ส่อต้องรีไทร์เร็วกว่ากำหนด
ด้าน เรดสกินส์ แฟนๆ ดีใจที่เห็น โรเบิร์ต กริฟฟิน เดอะ เธิร์ด ฟิตกลับมานำทัพ หลังเข้ารับการผ่าตัดเอ็นเข่าฉีกไปเมื่อช่วงต้นปี ทว่าผ่านไป 3 สัปดาห์ เริ่มมีเสียงเรียกร้องให้ ไมค์ ชานาแฮน หัวหน้าโค้ชมอบภารกิจจอมทัพให้ เคิร์ก เคาซินส์ เนื่องจาก “อาร์จีทรี” กลับมาไม่ใช่คนเดิม ก็น่าเห็นใจผู้เล่นดราฟต์คนที่ 2 ปี 2012 ด้วยเหตุโปรแกรมช่วงแรกสุดโหด ต้องดวลเพลงขว้างกับ ไมเคิล วิค (อีเกิลส์), แอรอน ร็อดเจอร์ส (กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส) ล่าสุดแข่งบอมบ์กับ แม็ทธิว สแตฟฟอร์ด ซึ่งมีอาวุธทีเด็ดกว่าอย่าง แคลวิน จอห์นสัน กับ เนต เบอร์ลีสัน เกม “อินเดียนแดง” แพ้คาถิ่นต่อ ดีทรอยต์ ไลออนส์ 20-27 กริฟฟิน เดอะ เธิร์ด ขว้างบอลคิดเป็น 64 เปอร์เซ็นต์ (เข้าเป้า 32 จาก 50 หน) น่าเสียดายไม่มีทัชดาวน์ แถมเสียหนึ่งอินเทอร์เซปต์ กับหนึ่งฟัมเบิลแบบไม่มีใครมาแตะตัว ก่อนเกมเจ้าตัวเอ่ยปากพร้อมเสี่ยงวิ่งเพื่อปลุกพลังเพื่อนๆ เกมนี้ถือบอลตะลุย 6 หน ได้มา 37 หลา ก็ยังไม่เด็ดดวงเหมือนเก่า อย่างไรก็ตาม “อาร์จีทรี” คงเป็นแค่แพะรับบาป เนื่องจากปัญหาที่จะฉุด เรดสกินส์ ไม่ให้ไปต่อในเพลย์ออฟ 2 ปีติด แท้จริงแล้วคือ “เกมรับ” ที่ป้องกันวิ่ง อยู่อันดับรองบ๊วยจาก 32 ทีม โดนเจาะไป 465 หลา ที่สำคัญคู่แข่งใช้เกมวิ่งเปลี่ยนเฟิร์สดาวน์ได้ถึง 28 ครั้ง ส่วนป้องกันขว้าง รั้งอันดับ 30 เจอบอมบ์ไปแล้ว 999 หลา
