คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
ผ่านไปแล้วสำหรับศึกมวยระดับ “ซูเปอร์ไฟต์” ระหว่างยอดนักชกไร้พ่ายชาวอเมริกันวัย 36 ปี ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ กับดาวรุ่งเม็กซิกันที่หนุ่มกว่าถึง 13 ปี ซาอูล “กาเนโล” อัลวาเรซ ซึ่งยังไม่แพ้ใครเหมือนกัน โดยนัดพบกันที่พิกัดน้ำหนัก 152 ปอนด์ ปรากฏว่าผู้ท้าชิงมาเต็มตามพิกัด แต่ “ไอ้หน้าเงิน” ทำน้ำหนักมาเพียง 150 ½ ปอนด์ แถมมีข่าวว่าก่อนขึ้นชกทางยอดมวยดาวรุ่งจังโก้ทำน้ำหนักตัวพุ่งพรวดไปถึง 166 ปอนด์ ทำเอาพอยืนประกบกันบนเวทีแล้วใหญ่กว่ายอดแชมป์ไร้พ่ายเยอะ
แต่ปรากฏว่าตลอดการชก 12 ยกทางขวัญใจชาวเม็กซิกันกลับไม่สามารถใช้รูปร่างที่ใหญ่กว่าให้ได้เปรียบเลย แถมกลายเป็นอืดอาด เดินก็ช้า ออกหมัดก็ช้า ทาง เมย์เวทเธอร์ ที่ถนัดลีลาจิ้มแล้วหนีอยู่แล้วเลยดักเก็บคะแนนเป็นกอบเป็นกำยัดเยียดความพ่ายแพ้ครั้งแรกให้กับเจ้า กาเนโล แบบคะแนนเสียงข้างมาก โดยกรรมการ 2 ท่านให้ “ไอ้หน้าเงิน” ชนะ 116-112, 117-111 ส่วนอีกท่านหนึ่งให้เสมอกัน 114-114 ซึ่งกรรมการที่ให้เสมอกันนี่ก็รับไปเต็มๆ เพราะค้านสายตาเหลือเกิน ที่สำคัญเคยเป็นกรรมการที่ให้คะแนน ทิโมธี แบรดลีย์ ชนะ “เดอะ แพ็กแมน” แมนนี ปาเกียว มาแบบค้านสายตาคนทั้งโลกมาแล้ว ทำเอาหลายคนสงสัยว่าได้รับเลือกมาให้คะแนนอีกได้ยังไง แต่ทาง ฟลอยด์ ก็ไม่ได้ติดใจอะไร พูดเอาใจคณะกรรมาธิการกีฬารัฐเนวาดา ซึ่งเป็นผู้เลือกตัวกรรมการ ว่าเชื่อมั่นในการคัดเลือก เรียกว่าเอาใจไว้ก่อนไฟต์ต่อๆ ไปมาชกที่นี่อีกจะได้ไม่มีปัญหา
แฟนมวยที่ได้ติดตามชมการชกไฟต์นี้ก็คงเห็นเหมือนๆ กันว่า เมย์เวทเธอร์ นั้นมาดีจริงๆ อายุถึง 36 แล้วแต่ยังไม่เป็นอุปสรรคเลย ยังไว พลิ้ว คล่อง แม่น แสดงว่าเตรียมตัวฟิตซ้อมมาถึงจริงๆ นี่ขนาดให้สัมภาษณ์หลังการชกว่าเจ็บข้อศอกเหมือนมีอาการข้อศอกหลุดตั้งแต่ยก 6 แต่ก็ยังเหนือขนาดนี้ ตอนนี้เลยยิ่งหาคู่ชกยากขึ้นไปอีก
แต่สไตล์การชกของยอดมวยอเมริกันรายนี้ก็เป็นที่ถกเถียงกันมาก รวมทั้งเชื่อว่ามีแฟนมวยจำนวนมากที่ไม่ปลื้ม เพราะดูแล้วเหมือนเอาแต่หนี แล้วดักจิ้มเก็บคะแนนไปเรื่อยๆ เรียกว่าชกแบบเน้นชัยชนะ แต่ไม่เน้นความประทับใจ อันที่จริงสไตล์ของ เมย์เวทเธอร์ ก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว ตั้งแต่ชกสากลสมัครเล่น จนได้รับฉายาในตอนนั้นว่า “ไอ้หน้าหล่อ” หรือ “Pretty Boy” อันเนื่องมาจากสไตล์การชกที่ห่วงหล่อ ห่วงหน้าช้ำ ชกกับใครก็ป้องกันตัวและหนีจนไม่มีใครชกโดนมาตลอด และก็ก้าวมาจนเป็นสุดยอดมวยที่ได้รับการยอมรับในปัจจุบันว่าดีที่สุดเมื่อเทียบกันแบบปอนด์ต่อปอนด์ในขณะนี้ แฟนมวยที่ดูแบบ “ศิลปะการป้องกันตัว” ก็คงเห็นว่าเป็นศิลปะชั้นยอดฝีมือจริงๆ ต่อยชนะแบบไม่เจ็บตัว แต่แฟนมวยที่อยากดูการต่อสู้ที่ถึงใจก็คงออกจะเบื่อๆ แบบนี้ถึงรักษาสถิติไร้พ่ายไปจนเลิกชก ก็คงมีข้อครหาและยากที่จะได้รับการยอมรับแบบเต็มใจจากแฟนมวยหลายๆ กลุ่ม
นอกจากเรื่องสไตล์การชกแล้ว “ไอ้หน้าหล่อ” ยังถูกตั้งข้อสังเกตว่าเลือกส่องกล้องคู่ชกเพื่อรักษาสถิติไร้พ่ายและเน้นทำเงิน มากกว่าที่จะเจอกับมวยดีๆ เพื่อพิสูจน์ศักดิ์ศรีกัน จนขนาดก่อนชกไฟต์นี้ในการแถลงข่าว ก็มีนักข่าวถามตรงๆ เลยว่าจะว่ายังไงกับข้อครหาที่ว่าเอาแต่เลือกมวยหมูๆ หรือมวยขาลงมาชก ซึ่งทาง ฟลอยด์ ก็ตอบตรงเหมือนกันว่า ใครล่ะไม่อยากได้เงินง่ายๆ เลือกคู่ชกง่ายๆ สิดี ขอบคุณทีมงาน เขาจะได้ทำเงินแล้วก็เลิกชกไปกับเงินก้อนใหญ่ เรียกว่าตอบแบบไม่แคร์ภาพพจน์เลย แบบนี้เรียกว่าเก่งก็ไม่โดนใจครับ
ผ่านไปแล้วสำหรับศึกมวยระดับ “ซูเปอร์ไฟต์” ระหว่างยอดนักชกไร้พ่ายชาวอเมริกันวัย 36 ปี ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ กับดาวรุ่งเม็กซิกันที่หนุ่มกว่าถึง 13 ปี ซาอูล “กาเนโล” อัลวาเรซ ซึ่งยังไม่แพ้ใครเหมือนกัน โดยนัดพบกันที่พิกัดน้ำหนัก 152 ปอนด์ ปรากฏว่าผู้ท้าชิงมาเต็มตามพิกัด แต่ “ไอ้หน้าเงิน” ทำน้ำหนักมาเพียง 150 ½ ปอนด์ แถมมีข่าวว่าก่อนขึ้นชกทางยอดมวยดาวรุ่งจังโก้ทำน้ำหนักตัวพุ่งพรวดไปถึง 166 ปอนด์ ทำเอาพอยืนประกบกันบนเวทีแล้วใหญ่กว่ายอดแชมป์ไร้พ่ายเยอะ
แต่ปรากฏว่าตลอดการชก 12 ยกทางขวัญใจชาวเม็กซิกันกลับไม่สามารถใช้รูปร่างที่ใหญ่กว่าให้ได้เปรียบเลย แถมกลายเป็นอืดอาด เดินก็ช้า ออกหมัดก็ช้า ทาง เมย์เวทเธอร์ ที่ถนัดลีลาจิ้มแล้วหนีอยู่แล้วเลยดักเก็บคะแนนเป็นกอบเป็นกำยัดเยียดความพ่ายแพ้ครั้งแรกให้กับเจ้า กาเนโล แบบคะแนนเสียงข้างมาก โดยกรรมการ 2 ท่านให้ “ไอ้หน้าเงิน” ชนะ 116-112, 117-111 ส่วนอีกท่านหนึ่งให้เสมอกัน 114-114 ซึ่งกรรมการที่ให้เสมอกันนี่ก็รับไปเต็มๆ เพราะค้านสายตาเหลือเกิน ที่สำคัญเคยเป็นกรรมการที่ให้คะแนน ทิโมธี แบรดลีย์ ชนะ “เดอะ แพ็กแมน” แมนนี ปาเกียว มาแบบค้านสายตาคนทั้งโลกมาแล้ว ทำเอาหลายคนสงสัยว่าได้รับเลือกมาให้คะแนนอีกได้ยังไง แต่ทาง ฟลอยด์ ก็ไม่ได้ติดใจอะไร พูดเอาใจคณะกรรมาธิการกีฬารัฐเนวาดา ซึ่งเป็นผู้เลือกตัวกรรมการ ว่าเชื่อมั่นในการคัดเลือก เรียกว่าเอาใจไว้ก่อนไฟต์ต่อๆ ไปมาชกที่นี่อีกจะได้ไม่มีปัญหา
แฟนมวยที่ได้ติดตามชมการชกไฟต์นี้ก็คงเห็นเหมือนๆ กันว่า เมย์เวทเธอร์ นั้นมาดีจริงๆ อายุถึง 36 แล้วแต่ยังไม่เป็นอุปสรรคเลย ยังไว พลิ้ว คล่อง แม่น แสดงว่าเตรียมตัวฟิตซ้อมมาถึงจริงๆ นี่ขนาดให้สัมภาษณ์หลังการชกว่าเจ็บข้อศอกเหมือนมีอาการข้อศอกหลุดตั้งแต่ยก 6 แต่ก็ยังเหนือขนาดนี้ ตอนนี้เลยยิ่งหาคู่ชกยากขึ้นไปอีก
แต่สไตล์การชกของยอดมวยอเมริกันรายนี้ก็เป็นที่ถกเถียงกันมาก รวมทั้งเชื่อว่ามีแฟนมวยจำนวนมากที่ไม่ปลื้ม เพราะดูแล้วเหมือนเอาแต่หนี แล้วดักจิ้มเก็บคะแนนไปเรื่อยๆ เรียกว่าชกแบบเน้นชัยชนะ แต่ไม่เน้นความประทับใจ อันที่จริงสไตล์ของ เมย์เวทเธอร์ ก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว ตั้งแต่ชกสากลสมัครเล่น จนได้รับฉายาในตอนนั้นว่า “ไอ้หน้าหล่อ” หรือ “Pretty Boy” อันเนื่องมาจากสไตล์การชกที่ห่วงหล่อ ห่วงหน้าช้ำ ชกกับใครก็ป้องกันตัวและหนีจนไม่มีใครชกโดนมาตลอด และก็ก้าวมาจนเป็นสุดยอดมวยที่ได้รับการยอมรับในปัจจุบันว่าดีที่สุดเมื่อเทียบกันแบบปอนด์ต่อปอนด์ในขณะนี้ แฟนมวยที่ดูแบบ “ศิลปะการป้องกันตัว” ก็คงเห็นว่าเป็นศิลปะชั้นยอดฝีมือจริงๆ ต่อยชนะแบบไม่เจ็บตัว แต่แฟนมวยที่อยากดูการต่อสู้ที่ถึงใจก็คงออกจะเบื่อๆ แบบนี้ถึงรักษาสถิติไร้พ่ายไปจนเลิกชก ก็คงมีข้อครหาและยากที่จะได้รับการยอมรับแบบเต็มใจจากแฟนมวยหลายๆ กลุ่ม
นอกจากเรื่องสไตล์การชกแล้ว “ไอ้หน้าหล่อ” ยังถูกตั้งข้อสังเกตว่าเลือกส่องกล้องคู่ชกเพื่อรักษาสถิติไร้พ่ายและเน้นทำเงิน มากกว่าที่จะเจอกับมวยดีๆ เพื่อพิสูจน์ศักดิ์ศรีกัน จนขนาดก่อนชกไฟต์นี้ในการแถลงข่าว ก็มีนักข่าวถามตรงๆ เลยว่าจะว่ายังไงกับข้อครหาที่ว่าเอาแต่เลือกมวยหมูๆ หรือมวยขาลงมาชก ซึ่งทาง ฟลอยด์ ก็ตอบตรงเหมือนกันว่า ใครล่ะไม่อยากได้เงินง่ายๆ เลือกคู่ชกง่ายๆ สิดี ขอบคุณทีมงาน เขาจะได้ทำเงินแล้วก็เลิกชกไปกับเงินก้อนใหญ่ เรียกว่าตอบแบบไม่แคร์ภาพพจน์เลย แบบนี้เรียกว่าเก่งก็ไม่โดนใจครับ