“เดอะ แพ็คแมน” แมนนี ปาเกียว ยอดนักมวยชาวฟิลิปปินส์ ตั้งเป้าลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของประเทศทันทีที่ประกาศแขวนนวม เผยถือเป็นความตั้งใจอันสูงสุดเมื่อทำอะไรแล้วก็ต้องเต็มที่คล้ายกับเส้นทางอาชีพบนผืนผ้าใบที่ประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย
ปาเกียว กำลังถูกวิจารณ์อย่างหนักว่ากำลังอยู่ในช่วงขาลงด้วยวัย 34 ปี หลังจากแพ้ 2 ไฟต์ติดต่อกันให้กับ ติโมธีย์ แบร็ดลีย์ (สหรัฐฯ) และ ฮวน มานูเอล มาร์เกวซ (เม็กซิกัน) โดยเฉพาะล่าสุดเป็นการโดนน็อคแบบหมดสภาพหลับกลางอากาศปลายยกที่ 6 อย่างไรก็ตามเตรียมกลับมากู้ศักดิ์ศรีด้วยการตะบันหน้ากับ แบรนดอน ริออส ชาวอเมริกัน ที่เขตปกครองพิเศษมาเก๊าวันที่ 23 พฤศจิกายนนี้
ปาเกียว ที่เคยครองเข็มขัดแชมป์โลก 8 รุ่นและปัจจุบันเป็นส.ส.จังหวัดซารังกานี ให้สัมภาษณ์ผ่าน “เอเอฟพี” เกี่ยวกับอนาคตที่ว่าจะลงสมัครเป็นประธานาธิบดีเพื่อดูแลประชากร 95 ล้านคน “ตอนเริ่มชกมวยผมก็มีแผนต่างๆ อยู่ในหัว แน่นอนคุณย่อมรู้ดีว่าผมคิดเกี่ยวกับการเป็นแชมป์ ดังนั้นเมื่อลงเล่นการเมืองอะไรก็ย่อมคล้ายกัน แต่เส้นทางยังไกลอยู่ พระเจ้าเท่านั้นที่รู้”
ขณะเดียวกัน ปาเกียว ยอมรับว่าสภาพร่างกายไม่เหมือนเดิมและจำเป็นต้องปรับโปรแกรมการซ้อมสำหรับไฟต์ที่กำลังมาถึงเพื่อรับมือคู่ต่อกรที่อ่อนวัยกว่า “แน่นอนว่าจิตใจผมยังคงมุ่งมั่นเหมือนเดิม แต่ว่าจะต้องปรับตัวเล็กน้อย เนื่องจากอายุ 34 ปีแล้ว ถือว่าแตกต่างเมื่อเทียบกับตอนอายุ 25 ปี จึงจำเป็นต้องมีสมาธิมากขึ้นยามอยู่ในแคมป์เพื่อเน้นในเรื่องของความเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟุตเวิร์ค”
ถือเป็นการชกที่ไม่ง่ายของ ปาเกียว เจ้าของสถิติชก 61 ไฟต์ชนะ 54 ครั้งเป็นการน็อค 38 ครั้งแพ้ 5 ครั้ง เนื่องจาก ริออส อายุอ่อนกว่าถึง 7 ปีพ่วงสถิติชก 33 ไฟต์ชนะ 31 ครั้งเป็นการน็อค 23 ครั้งแพ้แค่ครั้งเดียว
พร้อมกันนี้ไฟต์ในฝันที่จะได้ขึ้นชกกับ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ แชมเปียนไร้พ่ายชาวอเมริกันเจ้าของเข็มขัดแชมป์โลก 5 สถาบันคงยากที่จะเกิดขึ้นแล้ว เมื่อ ปาเกียว ทิ้งท้ายว่า “ผมได้หยุดคิดเกี่ยวกับ ฟลอยด์ ไปแล้ว เพราะไม่คิดว่าเขาจะขึ้นสังเวียนด้วย หลังจากรอมานาน 4 ปีแล้ว”