เอเยนซี – หลังผ่านพ้นการต่อสู้อันยาวนานตลอด 2 สัปดาห์เต็ม ที่สุดแล้ว ราฟาเอล นาดาล สามารถซิวแชมป์ แกรนด์ สแลม ยูเอส โอเพน ที่สหรัฐอเมริกา มาครอบครองได้เป็นสมัยที่ 2 เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2556 ที่ผ่านมา พร้อมเก็บสแลมใบที่ 13 ในการเล่นอาชีพ แน่นอนว่าจากผลงานที่เกิดขึ้นถือเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าถึงเวลาที่กระทิงเปลี่ยวจากมายอร์กาจะเดินหน้าไล่ทวงตำแหน่งมือ 1 ของโลกกลับมาอยู่ในอ้อมกอดอีกครั้งช่วงเวลาอีก 2 เดือนต่อจากนี้ ก่อนต่อยอดสู่การลุ้นทำลายสถิติแชมป์ แกรนด์ สแลม สูงสุด 17 สมัยของ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ต่อไป
ศึกยูเอสฯ แกรนด์สแลมลำดับสุดท้ยของปี คู่ชิงถือว่าสมศักดิ์ศรี เมื่อเป็นการโคจรมาเจอกันของสองนักหวดระดับท็อปอย่าง โนวัค ยอโควิช มือ 1 ของโลกจากเซอร์เบีย ที่ปีนี้ได้แชมป์ไปแค่ 3 ใบเท่านั้น กับ นาดาล ที่คัมแบ็กกวาดไปแล้ว 9 แชมป์ ซึ่งผลปรากฏว่าเป็น “เอล มาทาดอร์” ออกอาวุธเก่งทั้งลูกวินเนอร์และท็อปสปินได้อย่างแม่นยำ เรียกว่ายิงเมื่อไหร่เป็นต้องลง จนได้กัดโทรฟีแชมป์ จากชัยชนะ 3-1 เซต 6-2, 3-6, 6-4, 6-1 พร้อมเงินรางวัลบวกโบนัสพิเศษเข้ากระเป๋าอีก 3.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 108 ล้านบาท)
ชัยชนะครั้งนี้ทำให้หวดวัย 27 ปี กวาดสแลมเพิ่มต่อจาก เฟรนช์ โอเพน ที่ได้เมื่อเดือนมิถุนายน พร้อมขึ้นทำเนียบเป็นอันดับ 3 ตามหลังสถิติของ พีท แซมพราส ตำนานชาวอเมริกันที่ทำไว้ 14 สแลม อยู่ 1 ใบ และยังต้องไล่ล่าเจ้าของสถิติสูงสุดตลอดกาล โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ทำไว้สูงสุด 17 สมัย ต้องบอกว่านี่เป็นผลงานที่เกินความคาดหมายยิ่งของ นาดาล ซึ่งประกาศศักดาไร้พ่ายในฮาร์ดคอร์ต ชนะทั้ง 22 แมตช์ ในปี 2013 ทั้งที่เพิ่งกลับมาจับแร็กเกตลงแข่งในเดือนกุมภาพันธ์ หลังหายจากอาการเจ็บหัวเข่าที่ทำให้เจ้าตัวต้องหยุดพักไป 7 เดือนก่อนหน้า
ด้วยอายุงานที่ยังเหลือเฟือ บวกกับฟอร์มที่กลับมาพีค ถือว่ามีโอกาสสูงที่ นาดาล จะหยิบสแลมเพิ่มอีก 4 ใบภายในปีต่อๆ ไป ก่อนยกสถานะขึ้นเทียบชั้น เฟเดอเรอร์ อย่างไรก็ตาม นาดาล กล่าวอย่างถ่อมตน รับการกวาดสแลมทั้ง 4 ใบในปีเดียวคงไม่มีทางเกิดขึ้นในยุคที่วงการเทนนิส เปลี่ยนมาเล่นแบบพาวเวอร์เพลย์มากขึ้น และมีคู่ต่อสู้ระดับท็อปยืนขวางหน้าเต็มไปหมด “การเก็บ แกรนด์ สแลม ทั้งหมดภายในปีเดียวเป็นไปไม่ได้แล้วในยุคนี้ เพราะคุณต้องเจอกับคู่ต่อสู้ใหม่ๆ และต้องชนะคนอย่าง โรเจอร์, ดาบิด เฟร์เรร์, แอนดี เมอร์เรย์ หรือ โนวัค พวกเขาไม่มีทางแพ้ตั้งแต่รอบแรก อีกทั้งคุณก็ไม่มีโอกาสที่จะรักษาความฟิตของตัวเองได้เต็ม 100 ทุกรายการหรอก”
แม้ออกตัวปัดความกดดัน แต่จากนี้ไปคงไม่ถึงเป็นงานที่เหลือบ่ากว่าแรงสำหรับ “เอล มาทาดอร์” กับการเก็บสแลมทาบ “เฟดเอ็กซ์” หากประเมินสถานการณ์ เฟเดอเรอร์ ที่ฟอร์มกำลังถดถอย รอนับถอยหลังสู่วันแขวนแร็กเกต โอกาสบวกสแลมเพิ่มไปกว่านี้ยากแล้ว ขณะที่ นาดาล จากเมื่อก่อนเคยได้ชื่อว่าเป็นแค่ “คิง ออฟ เคลย์” ตอนนี้พัฒนาฟอร์มบนฮาร์ดคอร์ตจนสะกดคำว่า “พ่ายแพ้” ไม่เป็นในปีนี้ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาลงแข่งสแลมบนฮาร์ดคอร์ต หวดชาวสเปนย่อมต้องถูกยกเป็นเต็งแชมป์ก่อนเก็บสแลมไล่สถิติขึ้นมาเรื่อยๆ อยู่ที่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น
นอกจากนี้ ความสำเร็จบนสังเวียน ฟลัชชิง เมโดว์ส ก็เป็นการส่งสัญญาณเตือนไปยัง โนวัค ยอโควิช เจ้าของตำแหน่งมือ 1 โลกให้ระวังตัวไว้ เพราะจากนี้ไปได้เวลาแล้วที่ แชมป์ แกรนด์ สแลม 13 สมัย จะทวงบัลลังก์สูงสุดของ “เอทีพี ทัวร์” กลับคืนมาในรอบ 3 ปี หลังเสียตำแหน่งให้หวดชาวเซิร์บไปเมื่อปี 2011 ในศึกวิมเบิลดัน ขณะเดียวกันการจัดอันดับครั้งล่าสุด หวดกล้ามโตจากแดนกระทิงดุ เก็บเพิ่มเป็น 10,060 แต้ม ตามหลัง ยอโควิช แค่ 920 แต้มเท่านั้น เรียกได้ว่าหายใจรดต้นคอกันอยู่
โปรแกรมต่อจากนี้ นาดาล และ ยอโควิช จะยังไม่ได้หยุดพักผ่อน เนื่องจากต้องกลับไปรับใช้ชาติบ้านเกิดอย่าง สเปน และ เซอร์เบีย สู้ศึก เดวิส คัพ 2013 ระหว่างวันที่ 13-15 กันยายน ก่อนเตรียมแข่งฤดูกาล “เอเชียนทัวร์” เพื่อเก็บแต้มเพิ่ม ซึ่งหากเทียบกันแล้ว นาดาล มีภาษีดีกว่า เพราะหากจับพลัดจับผลูคว้าแชมป์รายการระดับ มาสเตอร์ส ระดับ 500 แต้ม และ 1,000 แต้ม ก็จะได้คะแนนสะสมไปเต็มๆ มีโอกาสแซงขึ้นมือ 1 โลกทันที เพราะปีที่แล้วไม่ได้ลงแข่งแม้แต่รายการเดียว ผิดกับ ยอโควิช ที่ต้องตระเวนไปป้องกันแต้มเสียเป็นส่วนใหญ่
หลังจบทัวร์นาเมนต์ระดับมาสเตอร์ส ทั้ง นาดาล และ ยอโควิช ต้องไปตัดสินตำแหน่งมือ 1 โลกกันอีกครั้งในศึกใหญ่ส่งท้ายปี “เอทีพี เวิลด์ ทัวร์ ไฟนอลส์” ที่ โอทู อารีนา กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ วันที่ 4-11 พฤศจิกายน ร่วมกับคู่แข่งระดับท็อปเทนอีก 6 ราย ดังนั้นช่วงเวลาต่อจากนี้ถือเป็นโปรแกรมทองที่แฟนลูกสักหลาดทั่วโลกต้องติดตามแบบห้ามกะพริบตา เพื่อลุ้นว่าสุดท้ายแล้วบัลลังก์สูงสุดของฝั่งนักเทนนิสชายจะอยู่กับใคร ซึ่งหาก นาดาล ยังคงรักษามาตรฐานที่ดีไว้ได้ เชื่อว่าแฟนๆ คงได้เห็นหน้าค่าตาของมือ 1 โลกคนใหม่หน้าเก่าแน่นอน