เอเยนซี - แทบไม่ให้พักหายใจหายคอกันเลย หลังจบศึก เฟรนช์ โอเพน เมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา ก็เข้าสู่ฤดูกาลคอร์ตหญ้าแบบเต็มตัวให้อุ่นเครื่องก่อนนำมาซึ่ง แกรนด์ สแลม ที่ 3 ของปี วิมเบิลดัน ออล อิงแลนด์ คลับ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ที่จะเปิดฉากอย่างเป็นทางการวันจันทร์ที่ 24 มิ.ย.นี้ แน่นอนว่าเจ้าถิ่นต่างฝากความหวังเอาไว้ที่ แอนดี เมอร์เรย์ ของสหราชอาณาจักร ที่ก็ตั้งเป้าเป็นคนแรกที่คว้าแชมป์รอบ 77 ปี แต่ดูเหมือนว่างานจะหินกว่าทุกครั้ง เพราะมีทั้งราชันบนพื้นผิวนี้อย่าง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ชาวสวิส และ ราฟาเอล นาดาล นักเทนนิสกล้ามโตของสเปนที่เป็นเสี้ยนหนาม
ฤดูกาลที่แล้ว เมอร์เรย์ กรุยทางถึงรอบชิงชนะเลิศ วิมเบิลดัน ก่อนจะแพ้ให้กับ เฟเดอเรอร์ 1-3 เซต คนบริติชจึงต้องร้องเพลงรอวีรบุรุษคนต่อไปที่จะมาคว้าแชมป์รายการนี้ต่อจาก เฟรด เพอร์รี เมื่อปี 1936 อย่างไรก็ตามนักเทนนิสชาวสกอตยกระดับขึ้นจากการที่สามารถคว้าเหรียญทอง โอลิมปิก ลอนดอน เกมส์ รวมถึงปลดล็อก แกรนด์ สแลม แรกของตนเองคือ ยูเอส โอเพน 2012 รวมถึงเมื่อต้นปีก็เข้าถึงรอบชิง ออสเตรเลียน โอเพน ก่อนจะแพ้ โนวัค ยอโควิช มือ 1 ของโลกจากเซอร์เบีย 1-3 ตามด้วยถอนตัวจาก เฟรนช์ โอเพน เพราะอาการบาดเจ็บหลัง
เมอร์เรย์ มือ 2 ของโลกที่รอบแรกจะพบกับ เบนจามิน เบ็คเกอร์ จากเยอรมนี กล่าวว่า “บทเรียนที่ผ่านมาสอนให้ผมรู้ว่าควรปรับปรุงตัวเองในด้านใด คุณต้องมีสมาธิอยู่ที่การแข่งขัน รวมถึงเตรียมสภาพร่างกายและจิตใจให้สมบูรณ์ที่สุด ซึ่งเวลานี้คิดว่ามีประสบการณ์เหล่านั้นมากพอแล้ว และหวังว่านั่นจะเป็นการเตรียมพร้อมที่ดีสำหรับการลงแข่ง วิมเบิลดัน” อย่างไรก็ตามการลุ้นแชมป์ของหวดวัย 26 ปี น่าจะเป็นงานหนักหนาสาหัสไม่น้อย เพราะจากอันดับโลก ทำให้ต้องอยู่สายล่างร่วมกับ เฟเดอเรอร์ มือ 3 ของโลก และ นาดาล มือ 5 ของโลก
ตามเส้นทางแล้ว เมอร์เรย์ ต้องเจอกับคนใดคนหนึ่งในรอบตัดเชือก เพราะอีก 2 ตัวเต็งต้องมาหักกันเองในรอบ 8 คนสุดท้าย ซึ่งหากพิจารณาจากสถิติแล้วการปะทะกับ เฟเดอเรอร์ ถือเป็นงานเบากว่าเนื่องจากเฮดทูเฮดข่ม 11-9 ขณะที่การเจอกับ นาดาล ตัวเองเป็นฝ่ายแพ้เสียส่วนใหญ่ 5-13 ยังไม่นับทางด้าน ยอโควิช ที่ปีนี้ฟอร์มผีเข้าผีออก แต่อยู่สายบนที่มีเพียง ดาบิด เฟร์เรร์ จากสเปน และ ฮวน มาร์ติน เดล ปอโตร จากอาร์เจนตินา ที่ดูแล้วไม่ใช่คู่ต่อกร
ความน่าตื่นเต้นของศึก วิมเบิลดัน ปีนี้จึงอยูที่สายล่าง เพราะ เฟเดอเรอร์ เพิ่งคว้าแชมป์แรกของปีคือ เจอร์รี เวเบอร์ โอเพน หลังตกรอบ 8 คนสุดท้ายที่ โรลังด์ การ์รอส ก็น่าจะต้องการพิสูจน์ว่าวัย 31 ปีไม่ได้แก่เกินแกงกับบนคอร์ตหญ้าที่ชื่นชอบ แถมต้องการเป็นแชมป์สมัยที่ 8 แซงหน้า พีท แซมพราส ที่ทำเอาไว้เท่ากัน 7 ครั้ง นอกจากนี้ถ้าทำได้ก็จะสะสมไมล์แชมป์ แกรนด์ สแลม มากที่สุดเป็น 18 สมัยด้วย รอบแรกจะพบ วิคเตอร์ ฮาเนสคู จากโรมาเนีย
สำหรับ นาดาล ที่จะประเดิมแมตช์แรกเจอกับ สตีฟ ดาร์ซิส จากเบลเยียม กลับมาโชว์ฟอร์มได้อย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง หลังสลัดอาการบาดเจ็บที่หัวเข่ากลับมาโกยแชมป์ได้ถึง 7 รายการในปี 2013 รวมถึง แกรนด์ สแลม เฟรนช์ โอเพน ที่คว้ามาได้เป็นสมัยที่ 8 ซึ่งแน่นอนว่าเป้าหมายของแชมป์ วิมเบิลดัน ปี 2008 และ 2010 คือกลับไปเป็นมือ 1 ของโลกอีกครั้งและไม่ต้องการถูกมองว่าเก่งแค่บนคอร์ตดินเท่านั้น ดังนั้นหวดมือ 5 ของโลกก็ได้เวลาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งหนึ่งแล้ว
ส่วนการชิงชัยของฝ่ายหญิงเต็งแชมป์คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก เซเรนา วิลเลียมส์ หวดหญิงเบอร์ 1 ของโลกชาวสหรัฐฯ ที่ชั่วโมงนี้ผลงานแกร่งเกินห้ามใจชนิดยากจะหาใครมาต้านทานและด้วยเส้นทางในปีนี้ที่ไม่หนักหนาเท่ากับคู่ต่อกรสำคัญซึ่งถูกจับให้อยู่ในสายล่างอย่าง วิคตอเรีย อซาเรนกา จากเบลารุสมือ 2 และ มาเรีย ชาราโปวา สาวสวยจากรัสเซียมือ 3 ทำให้แชมป์ วิมเบิลดัน 5 สมัยคงเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้ไม่ยาก ซึ่งหากเจ้าของ แกรนด์ สแลม 16 สมัย ไม่พลาดสะดุดขาตัวเองไปก่อน ก็ถือว่ามีโอกาสสูงทีเดียวที่จะได้ทำสถิติเก็บถ้วยสแลมทาบตำนานอย่าง มาร์ตินา นาฟราติโลวา และ คริส เอเวิร์ต ที่ทำไว้เท่ากันที่ 18 สมัยได้ในปีนี้