เอเยนซี - ไม่มีคำว่า “หักปากกาเซียน” สำหรับศึก แกรนด์ สแลม “เฟรนช์ โอเพน 2013” ที่เพิ่งลาโรงไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา ทั้งฝ่ายชายและหญิง โดยเฉพาะ ราฟาเอล นาดาล นักเทนนิสชาวสเปน ที่คัมแบ็กจากอาการบาดเจ็บเข่าอย่างเต็มภาคภูมิคว้าแชมป์สมัยที่ 8 ไปครองด้วยการต้อน ดาบิด เฟร์เรร์ เพื่อนร่วมชาติ 3 เซตรวด 6-3, 6-2, 6-3 พร้อมเหมือนเป็นการส่งสัญญาณว่าพร้อมกลับมาไล่ล่าตำแหน่งมือ 1 ของโลกกลับคืนมาแล้ว หลังเคยขึ้นไปลิ้มรสความรู้สึกนี้ครั้งแรกเมื่อปี 2008
ด้วยวัยเพียง 27 ปี เชื่อว่า นาดาล จะครองความเป็นเจ้าบนเคลย์คอร์ตต่อไปอีกหลายปี เพราะไม่มีใครสามารถหยุดลูกโฟร์แฮนด์เบี่ยงตัวที่ยิงพุ่งออกจากหน้าไม้เยี่ยงกระสุน ไม่ว่าจะเป็น โนวัค ยอโควิช มือ 1 ของโลกชาวเซิร์บ ที่โดนเบียดไปแบบสนุก 3-2 เซตรอบรองชนะเลิศ ส่วนนัดชิงไม่ต้องพูดถึง เพราะทันทีที่รู้ว่าคู่ต่อกรเป็น เฟร์เรร์ ก็เตรียมให้ช่างแกะสลักชื่อบนโทรฟีย์ “กูป เดอส์ มุสเกอแตรส์” ได้เลย ซึ่งทำให้ “เอล มาทาดอร์” กลายเป็นคนแรกที่ได้แชมป์รายการ แกรนด์ สแลม รายการเดียวกันมากที่สุด
แทบไม่อยากเชื่อว่า นาดาล คือคนที่เคยบาดเจ็บหัวเข่าซ้ายเมื่อปี 2012 และต้องหายหน้าหายตาไปจากคอร์ตนานถึง 7 เดือนหลัง ชนิดที่หลายคนมองว่า “สิงห์อีซ้าย” วงการเทนนิสคงจะไม่สามารถกลับมาเล่นได้ดุดันเหมือนเดิม เพราะอวัยวะที่สำคัญของนักกีฬาได้มีอาการสึกหรอไปแล้ว เนื่องจากใช้งานค่อนข้างหนักจากสไตล์การเล่นที่วิ่งเก็บทุกลูก
นาดาล ที่วืดลงแข่งไล่ตั้งแต่ โอลิมปิก 2012, ยูเอส โอเพน และ ออสเตรเลียน โอเพน เมื่อต้นปี เผยว่า “ผมโชคดีที่เจ็บเข่าแค่ข้างเดียว โดยมีหลายครั้งที่แย่เหมือนกัน อย่างไรก็ตามช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาเริ่มรู้สึกว่าดีขึ้นกว่าเดิม ถือว่าทรหดมากที่ต้องดวลกับ เออร์เนสต์ กูลบิส และ เฟร์เรร์ 2 วันติดที่ โรม ตามด้วยเจอกับ ยอโควิช ที่นี่ในรอบรองเมื่อวานนี้ แต่ก็ไม่เจ็บแล้ว ดังนั้นถือเป็นเรื่องที่ดี วันนี้ผมสามารถทุ่มเต็ม 100 เปอร์เซนต์ ตอนอยู่ บาร์เซโลนา เข่ามีปัญหาอยู่บ้าง ซึ่งจากนี้ก็จะเช็กแบบค่อยเป็นค่อยไปชนิดวันต่อวัน”
แม้จะได้แชมป์ แต่ นาดาล ตกมารั้งมือ 5 ของโลกจากการประกาศอันดับล่าสุดของ เอทีพี ทัวร์ แต่หากตลอดทั้งปี 2013 ที่เหลืออยู่นี้สามารถยืนระยะได้ต่อเนื่องเชื่อว่าสามารถพุ่งขึ้นไปจ่อคอหอยบัลลังก์มือ 1 ของ ยอโควิช ได้อย่างแน่นอน เนื่องจากมองดูแล้วพวกขวากหนามอย่าง แอนดี เมอร์เรย์ (สหราชอาณาจักร) โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ (สวิส) และ เฟร์เรร์ ถ้าเจอกันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ต้านทานได้แล้ว อย่างไรก็ตามถ้าเป็นคอร์ตหญ้าหรือฮาร์ตคอร์ตก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องพิสูจน์ เพราะได้แชมป์ ออสเตรเลียน โอเพน และ ยูเอส โอเพน อย่างละสมัย ส่วน วิมเบิลดัน 2 สมัย
ทำให้ นาดาล วางเป้ากลับไปเช็กสภาพร่างกาย เพราะจากนี้จะเข้าสู่ฤดูกาลคอร์ตหญ้า มี 4 ทัวร์นาเมนต์ให้อุ่นเครื่องก่อนศึก แกรนด์ สแลม วิมเบิลดัน ที่ประเทศอังกฤษซึ่งจะเริ่ม 24 มิถุนายนนี้ โดยอาจจะไม่ลงเล่นทั้งหมด “ผมจะเช็กสภาพร่างกายทุกอย่างหลังจบแมตช์นี้ ก็หวังว่าจะพร้อมสำหรับ วิมเบิลดัน ผมอาจไม่เล่นทัวร์นาเมนต์ใดเลยก่อนหน้านั้น แม้ไม่ใช่ความคิดที่ดีก่อนทำศึก แกรนด์ สแลม บนคอร์ตหญ้าที่ถือว่าแตกต่างก็ตาม แต่ก็จะไปเล่นด้วยสภาพที่พร้อมสุดขีด เนื่องจากถ้าผลงานไม่ดีก็ไม่ได้หมายความไม่พยายาม เพราะปกติก็ใส่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์เสมอ”
เชื่อว่าตอนนี้ นาดาล กำลังมองถึงการไล่ล่าตำแหน่งมือ 1 ของโลก รวมถึง แกรนด์ สแลม สูงสุดที่ เฟเดอเรอร์ ทำเอาไว้ 17 ครั้ง โดยตอนนี้ตามหลังอยู่ 5 ครั้ง แต่ด้วยฟอร์มตั้งแต่ออกสตาร์ทปี 2013 คือคว้าแชมป์ 7 รายการและเป็นรองแชมป์ 2 รายการจากการลงแข่ง 9 ทัวร์นาเมนต์ ก็เชื่อว่าเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้น่าจะไปถึงได้ไม่ยาก “ผมไม่ได้ลงแข่งที่ ไมอามี มาสเตอร์ส และ ออสเตรเลียน โอเพน แต่มาถึงวันนี้ ผมเก็บแต้มคะแนนสะสมโลกได้มากมายและกำลังอยู่ในตำแหน่งที่ดีและถูกต้องกับการลุ้นตำแหน่งมือ 1 ของโลกในช่วงปลายปี”
นาดาล คงไม่อยากจะถูกยกให้เป็นเบอร์ 1 บนเคลย์คอร์ตเพียงอย่างเดียว ลึกๆ แล้วย่อมอยากได้รับการยกย่องว่าเป็น “คิง ออฟ เทนนิส” มากกว่า ดังนั้นโจทย์ก็คือทำอย่างไรจะคว้าแชมป์ วิมเบิลดัน สมัยที่ 3 และถือเป็นครั้งแรกต่อจากปี 2010 เนื่องจาก เฟเดอเรอร์ ก็ช่ำชองไม่น้อยบนพื้นผิวนี้จากการเป็นแชมป์เก่าและคว้ามาแล้วมากที่สุดถึง 7 สมัยแม้จะอายุ 31 ปีแล้วก็ตาม นอกจากนี้ก็ยังมี ยอโควิช ที่เอาชนะเขาได้ในนัดชิงเมื่อปี 2011 ยังไม่รวมถึง เมอร์เรย์ ที่ฟอร์มผีเข้าผีออก จากนั้นค่อยไปลุ้นอีกด่านใน ยูเอส โอเพน ที่ก็หินไม่น้อย แต่ตอนขึ้นบัลลังก์ครั้งแรกเมื่อปี 2008 ก็เคยหยุด “เฟด-เอ็กซ์” ที่ยึดมายาวนานถึง 4 ปีครึ่งมาแล้ว ดังนั้นถือเป็นเรื่องที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง