เอเยนซี - วันที่ 7 เดือน 7 ปี 2013 กลายเป็นวันประวัติศาสตร์ของวงการเทนนิสบริติช เพราะสิ้นสุดการรอคอย 77 ปีกับการหาคนที่มาคว้าแชมป์ วิมเบิลดัน ต่อจาก เฟรด เพอร์รี เมื่อปี 1936 โดย แอนดี เมอร์เรย์ สามารถล้ม โนวัค ยอโควิช มือ 1 ของโลกชาวเซิร์บ 3-0 เซต 6-4,7-5,6-4 ซึ่งถือเป็น แกรนด์ สแลม แรกที่ ออล อิงแลนด์ คลับ แต่เป็นหน 2 ต่อจาก ยูเอส โอเพน ปีที่แล้ว ทำเอาสื่อท้องถิ่นประโคมข่าวกันยกใหญ่ พร้อมกับฟันธงว่าจากนี้ทั้งคู่จะขับเคี่ยวกับอย่างมันหยดติ๋ง โดยตัดชื่ออีก 2 จตุรเทพ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ และ ราฟาเอล นาดาล ออกไปเรียบร้อย
ด้วยอายุ 26 ปีของ เมอร์เรย์ ถือว่าแชมป์ แกรนด์ สแลม อาจจะมาช้าไปสักหน่อย เนื่องจากตอนนี้ได้ไปแค่ 2 รายการเท่านั้น เริ่มจากเข้าชิง ออสเตรเลียน โอเพน 2010 แนวโน้มก็พุ่งขึ้นจนกระทั่งเมื่อกลางปี 2012 กับการคว้าแชมป์ ยูเอส โอเพน รวมถึงเหรียญทอง โอลิมปิก ลอนดอน เกมส์ จนมาถึง วิมเบิลดัน ซึ่งหวดเลือดสกอตยอมรับว่าพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลยทีเดียว
เมอร์เรย์ เผยว่า “เกมสุดท้ายถือว่าหนักหนาสาหัสที่สุดนับตั้งแต่เล่นเทนนิสมาเลยก็ว่าได้ กว่าจะได้แต่ละแต้มก็หืดจับ เพราะ โนวัค ยิงแต่ละลูกเหลือเชื่อทั้งนั้น คว้าแชมป์ วิมเบิลดัน ตอนนี้ผมยังแทบไม่อยากเชื่อเลย ยังมึนขนาดที่ไม่สามารถหมุนไปมองรอบตัว เพราะมหัศจรรย์มากจริงๆ” พร้อมกันนี้ยังฝากไปถึงสมาคมอย่างหลงระเริงกับความสำเร็จนี้ แต่ควรต้องเร่งพัฒนาหวดรุ่นใหม่ขึ้นมา เนื่องจากปัจจุบันมีตนเองเป็นสหราชอาณาจักรคนเดียวที่ติดท็อป 200 ส่วน เจมส์ วาร์ด รั้งอยู่ที่มือ 219 ของโลก หนต่อไปจะได้ไม่ต้องตั้งตารอคอยนานเช่นนี้อีก
ขณะที่ ยอโควิช ผู้พ่ายแพ้ถือว่าฤดูกาลนี้ฟอร์มตกลงไปจาก 2 ปีที่ผ่านมาคือได้แชมป์ แกรนด์ สแลม รายการเดียวคือ ออสเตรเลียน โอเพน เมื่อต้นปี ตามด้วยแชมป์ เอทีพี ทัวร์ แค่ 2 รายการ กล่าวว่า “เมอร์เรย์ เล่นได้อย่างไร้ที่ติคุมคอร์ตได้ทั้งหมดไม่ว่าผมจะแก้เกมยังไง ไม่มีข้อกังขาใดๆ ทั้งสิ้นเขาสมควรเป็นผู้ชนะ ในปีนี้วงการเทนนิสมีการแข่งขันที่สูงขึ้น แต่รู้ดีว่าตนยังเล่นในระดับสุดยอดได้ต่อไป หลังจากนี้คงต้องซ้อมให้หนักขึ้นเพื่อทำผลงานให้ดีกว่าคู่แข่งที่เริ่มแข็งแกร่งขึ้น เพราะเกมเสิร์ฟไม่ได้คมเหมือนเก่าและหวังว่าทัวร์นาเมนต์ต่อๆ ไปจะดีกว่านี้"
วิมเบิลดัน ปีนี้ เฟเดอเรอร์ หวดมาดนิ่งชาวสวิส ไม่อาจไขว่คว้าความฝันแชมป์สมัยที่ 8 มาครอบครอง เพราะจอดป้ายเพียงแค่รอบ 2 เท่านั้น ขณะที่ นาดาล ราชาคอร์ตดินออกสตาร์ทฤดูกาล 2013 อย่างสุดหรูคว้าแชมป์มาครองได้ถึง 7 รายการ แต่กลับจอดป้ายรอบแรก ทำให้อันดับโลกจากการประกาศของ เอทีพี ทัวร์ ล่าสุดทั้งคู่รั้งที่ 4 และ 5 ตามลำดับ ส่วนมือ 3 ตกเป็นของ ดาบิด เฟร์เรร์ จากสเปน แต่ก็ถือว่าไม่ทิ้งห่างกันมาก ด้าน เมอร์เรย์ นั้นไล่จี้บัลลังก์ของ ยอโควิช เหลือ 2,950 คะแนน
จากนี้ ยอโควิช และ เมอร์เรย์ จะขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้น เพราะว่าเจอกันมาในนัดชิง แกรนด์ สแลม 3 จาก 4 ครั้งหลังสุด ส่วน เฟเดอเรอร์ การตกไปอยู่ที่ 5 ของโลกถือว่าต่ำที่สุดรอบ 10 ปีเลยทีเดียว ซึ่งด้วยวัย 31 ปี “เฟด-เอ็กซ์” ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว เพราะก่อนจะได้แชมป์ วิมเบิลดัน สมัยที่ 7 เขาไม่ได้แชมป์ แกรนด์ สแลม ใดๆ เลยนับตั้งแต่ ออสเตรเลียน โอเพน เมื่อปี 2010 แม้ตนเองจะยืนยันว่าไม่มีแผนแขวนแร็กเก็ตในหัวและต้องการสะสมไมล์เพิ่มจากที่ทำเอาไว้สูงสุด 17 สมัยก็ตาม
ขณะที่ นาดาล ซึ่งได้แชมป์ เฟรนช์ โอเพน สมัยที่ 8 ตกรอบแรก วิมเบิลดัน ซึ่งถือเป็นการร่วงระดับ แกรนด์ สแลม ที่เร็วที่สุดรอบ 10 ปีของตนเอง “ราชาเคลย์คอร์ต” ต้องพิสูจน์ตัวเองต่อไป เพราะได้แชมป์ แกรนด์ สแลม บนพื้นผิวอื่นต้องย้อนไปปี 2010 นอกจากนี้อาการบาดเจ็บหัวเข่าจะกำเริบขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เนื่องจากเจ็บมาแล้ว 2 ครั้ง 2 ครา
แมตส์ วิแลนเดอร์ ตำนานลูกสักหลาดหนุ่มชาวสวีดิช ที่ขึ้นมือ 1 โลกเมื่อปี 1988 ฝากผลงาน 7 แชมป์ แกรนด์ สแลม มองว่าตอนนี้โมเมนตัมของวงการจะเหลือแค่การขับเคี่ยวระหว่าง 2 คนนี้ “ผมคิดว่า เมอร์เรย์ จะคว้า แกรนด์ สแลม สัก 6 หรืออาจจะถึง 10 และชายคนเดียวที่จะหยุดเขาก็คือ ยอโควิช ซึ่งก็ต้องรอดูหลังจากแมตช์นี้ โดยหวังว่าทั้งคู่จะกลายเป็นคู่กัดและพัฒนาจนขึ้นมาสู้กันทุกสภาพพื้นผิวของคอร์ตในทุกทัวร์นาเมนต์สำคัญ”