"กว่างโซ้ง" เชียงราย ยูไนเต็ด แย้มอาจยอมใจอ่อนลงแข่งขันเกมปัญหากับ สมุทรสงคราม เอฟซี ต่อในช่วงเวลาที่เหลือ แต่จี้ให้ ทีพีแอล มีมาตรการปรับ "ปลาทูคะนอง" มากขึ้น เบ็ดเสร็จดทษสูงสุดเกินครึ่งล้านบาท
ความเคลื่อนไหวเกมปัญหาระหว่าง สมุทรสงคราม ยูไนเต็ด พบ เชียงราย ยูไนเต็ด ที่ทั้ง 2 ทีม ยังขัดขืนคำสั่งของ บริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด หรือ ทีพีแอล ที่ให้ทั้งคู่กลับมาหวดกัต่อในช่วงเวลาที่เหลือ ในวันที่ 9 ตุลาคมนี้ ที่สนามกีฬากองทัพบก หลังจากเดมดังกล่าวต้องยุติกลางคันในนาทีที่ 65 จากเหตุความวุ่นวายของแฟนบอลเจ้าถิ่นที่ไม่พอใจการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน
ล่าสุดด้าย "ผอ.ปั๋น" ชิตวัน ชินอนุวัฒน์ ผู้อำนวยการสโมสร เชียงราย ยูไนเต็ด เตรียมยื่นหนังสือถึง บริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด เพื่อแสดงเจตนารมณ์ที่จะให้คงผลการแข่งขันตามเดิม คือ เชียงราย ยูไนเต็ด นำ สมุทรสงคราม 1-0 และไม่ต้องแข่งขันต่อในช่วงเวลาที่เหลือ ด้วยเหตุผลคือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เหตุสุดวิสัยตามที่ได้แจ้งมา แต่เป็นเพราะระบบรักษาความปลอดภัยของทีมเจ้าบ้านที่ไม่เข้มงวดพอ
และเพื่อเป็นการสร้างมาตรฐานและบรรทัดฐานของฟุตลบอลลีกอาชีพของประเทศไทย สโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด จึงอยากจะขอร้องให้ บ.ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด พิจารณาบทลงโทษและบทสรุปอีกครั้ง เป็นกรณีพิเศษ ต่อสมุทรสงคราม ตามหลักการและระเบียบข้อบังคับดังต่อไปนี้
1. ตามผนวกที่ 6 ข้อ 2.4 “เจ้าที่ทีมแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมต่อหน้าสาธารณชน เช่นวิ่งเข้าไปประท้วงการตัดสินของผู้ตัดสินฯ” ห้ามทำหน้าที่นัดต่อไป 2 นัด และปรับเงิน 10,000 – 30,000 บาท
2. ตามผนวกที่ 6 ข้อ 2.13 “เจ้าหน้าที่ทีมวิพากษ์วิจารณ์ผ่านสื่อทำให้เกิดความเสียหายหรือเสื่อมเสียชื่อเสียงหรือภาพลักษณ์ของ สมาคม หรือ ทีพีแอล” ถูกปรับเงิน 100,00 บาท
3. ตามผนวกที่ 6 ข้อ 2.14 “เจ้าหน้าที่ทีมปลุกระดมให้กองเชียร์ลงไปในสนามแข่งขันเพื่อกดดันผู้ตัดสินหรือนำไปสู่ปัญหาด้านความสงบเรียบร้อย” ห้ามมิให้ทำหน้าที่ในนัดถัดไป 5 นัด ปรับเงิน 300,00 บาท
4. ตามผนวกที่ 6 ข้อ 4.1 “กองเชียร์ตะโดนด่าเจ้าหน้าที่จัดการแข่งขัน นักกีฬา เจ้าหน้าที่ทีมฯ ด้วยถ้อยคำหยาบคาย หรือด่าบุพการีอย่างเปิดเผยชัดเจน” ปรับเงิน 10,000 บาท
5. ตามผนวกที่ 6 ข้อ 4.2 “กองเชียร์ขว้างปาวัสดุใดๆลงไปในสนาม หรือปาใส่เจ้าหน้าที่จัดการแข่งขัน นักกีฬา เจ้าหน้าที่ทีม กองเชียร์คู่แข่งขัน” ปรับเงิน 10,000 บาท แต่ถ้าขว้างปาใส่ผู้ตัดสิน ปรับเงิน 20,000 – 60,000 บาท
6. ตามผนวกที่ 6 ข้อ 4.3 “กองเชียร์ใช้อุปกรณ์ใดๆที่ก่อให้เกิดการรบกวนการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินหรือนักกีฬาระหว่างการแข่งขันหรือกระทำการใดๆ ที่ไม่เหมาะสมในสนามแข่งขัน ได้แก่ การจุดพลุหรือจุดประทัด หรือจุดไฟเย็นหรือฉายแสงเลเซอร์ หรือใช้แตรไฟฟ้า ฯลฯ” ปรับเงิน 15,000 บาท
7. ตามผนวกที่ 6 ข้อ 4.6 “กองเชียร์ผ่านรั้วกั้นขอบสนามเข้าไปในบริเวณพื้นที่รอบสนามแข่งขัน หรือเข้าไปในสนามโดยไม่ได้รับอนุญาต” ปรับเงิน 20,000 บาท
8. ตามผนวกที่ 6 ข้อ 4.7 “กองเชียร์ ขัดขวาง คุกคาม หรือรุมล้อมเจ้าหน้าที่จัดการแข่งขัน ฯลฯ จนอาจจะเป็นเหตุให้เกิดความไม่ปลอดภัย” ปรับเงิน 20,000 บาท แต่หากกระทำต่อผู้ตัดสิน ต้องเพิ่มโทษโดยการไม่อนุญาตให้กองเชียร์เข้าชมนัดที่เป็นเจ้าบ้าน 1 นัดหรือเล่นในสนามกลาง
9. ตามผนวกที่ 6 ข้อ 4.8 “กองเชียร์ก่อการทะเลาะวิวาทในสนามแข่งขันหรือสถานที่จัดการแข่งขันสโมสรของกองเชียร์ที่ก่อเหตุจะถูกปรับเงิน 50,000 บาท” แลพิจารณาเพิ่มโทษ ดังนี้ 1) ไม่อนุญาตให้กองเชียร์เข้าชมเกมในบ้าน 2 เกม หรือ 2) เล่นนัดที่เป็นเจ้าบ้านในสนามกลางที่คณะกรรมการกำหนด ฯลฯ
ซึ่งตามที่สโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด ได้ยกขึ้นมาทั้ง 9 ข้อนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงและเข้าข่ายอยู่ในทั้ง 9 ข้อที่ได้กล่าวไป อย่างไรก็ตาม สโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด ก็พร้อมทำตามมติของ บ.ไทยพรีเมียร์ลีก ในกรณีที่ยืนยันจะให้ทำการแข่งขันต่อในช่วงเวลาที่เหลืออีก 25 นาที แต่อยากให้ บ.ไทยพรีเมียร์ลีกพิจารณาบทลงโทษสโมสรสมุทรสงคราม เอฟซี มากกว่าการปรับเงินเพียงแค่ 40,000 บาท เพื่อเป็นบรรทัดฐานในการสร้างมาตรฐานความปลอดภัยให้กับทุกทีมได้เพิ่มมากขึ้น