“หนอม” บอมเบอร์แมน ถึงคราวแต่ยังไม่ถึงฆาต

ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เหตุการณ์ที่ ถนอม บริคุต หรือ “เปาหนอม” ผู้ตัดสินฟุตบอลชื่อดังของเมืองไทย ถูกคนร้าย 2 คนซ้อนรถจักรยานยนต์ บุกลอบยิงอย่างอุกอาจเมื่อช่วงเช้ามืดของวันพุธที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา บริเวณหน้าตึกอาคาร 300 เตียง ภายในการกีฬาแห่งประเทศไทย ระหว่างที่เจ้าตัวเดินทางไปทดสอบสมรรถภาพร่างกายผู้ตัดสิน ณ สนามซ้อม กกท.1 กรณีนี้หลายคนมองเป็นเรื่องของกรรมตามทัน เพราะเชิ้ตดำท่านนี้มีชื่อเสียงแง่ลบออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่เหนืออื่นใดเหมือนเป็นการสะท้อนถึงภาพพจน์วงการเปาลูกหนังไทยได้เป็นอย่างดี ที่นับวันจะมีแต่เสียงวิจารณ์ทวีความ “ฉาว” ขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกับมาตรฐานของลีก

ถนอม บริคุต ถูกยิงด้วยอาวุธปืนกระสุนขนาด .38 จำนวน 3 นัด แต่เคราะห์ดีที่ทะลุและถากตัว ทำให้อาการไม่สาหัสมากไม่จำเป็นต้องผ่าตัดพักฟื้นราว 1 เดือนก็สามารถกลับมาทำหน้าที่ได้ปกติ แต่ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตามการที่บุคคลหนึ่งจะถูกมือมืดลอบยิงถึงขนาดนี้ แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวต้องมีเรื่องขัดแย้งหรือเหยียบขาใคร

สำหรับ “เปาหนอม” ทุกฝ่ายต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเจ้าตัวมีหลายปมที่เป็นสาเหตุให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว ทำให้ตำรวจที่ติดตามคดีต้องคิดหนักไม่สามารถตัดประเด็นอะไรออกไปได้เลย ไม่ว่าจะเป็นปมล้างแค้นคดีเก่าที่เคยตกเป็นผู้ต้องหาคดีวางระเบิดฆ่า นายธรรมนูญ ประทุมมาลย์ ผอ.กองการศึกษาระดับ 9 เทศบาลเมืองสระบุรีเสียชีวิต เมื่อ 4 ปีก่อน แต่สุดท้ายเมื่อคดีจบเจ้าตัวก็ได้กลับมาเป่าต่อ

แต่ปมแรกที่ผู้คนส่วนใหญ่พุ่งเป้าไปคงหนีไม่พ้นเรื่องความขัดแย้งในวงการฟุตบอลไทยที่กำลังระอุอยู่ในเวลานี้ ซึ่งเจ้าตัวเองถือเป็นตัวละครสำคัญในหลายๆ เหตุการณ์ ก่อนหน้านี้เคยถูกบรรดาสโมสรวิพากษ์วิจารณ์ถึงการปฏิบัติหน้าที่เป็นจำนวนมาก ไล่ตั้งแต่กรณีที่โดนแฟนบอล การท่าเรือไทย เอฟซี กว่า 200 ชีวิต ปิดล้อมทางออกให้อยู่ในห้องพักเกือบ 3 ชั่วโมง หลังไม่พอใจการทำหน้าที่จน “เปาหนอม” ต้องยอมประกาศแขวนนกหวีดเพื่อยุติความรุนแรง แต่สุดท้ายกลับพลิกลิ้นบอกว่าที่พูดนั้นเป็นการเอาตัวรอดเท่านั้น

โดน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ บีบีซียู เอฟซี ทำคลิปตรวจสอบผลงานกล่าวหาว่าตัดสินเอนเอียง อีกทั้งยังเคยโดนแฟนบอล ระยอง เอฟซี กว่า 20 คน รุมทำร้ายร่างกายและรถยนต์ส่วนตัว หลังจบเกมที่พ่ายให้กับ แอร์ฟอร์ซ เอวิเอ เอฟซี และยังมีอีกหลายสโมสรที่แสดงเจตจำนงไม่ต้องการให้ ถนอม บริคุต ลงทำหน้าที่ในเกมที่ทีมแข่งขัน อาทิเช่น ชลบุรี เอฟซี, แบงค็อก ยูไนเต็ด, สงขลา ยูไนเต็ด, บีอีซี เทโรศาสน, สมุทรสงคราม เอฟซี ฯลฯ

ด้านความขัดแย้งอื่นๆในวงการบอลไทย เป็นที่ชัดเจนว่า “เปาหนอม” เลือกอยู่ฝั่ง วรวีร์ มะกูดี รักษาการนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยคนปัจจุบัน ท่ามกลางอุณหภูมิที่ระอุในการเลือกตั้งครั้งใหม่ ภาพที่ชินตาสำหรับผู้พบเห็นคือคอยแบกเป้หลังตุงเดินเคียงข้างแทบทุกเวลา เรียกได้ว่าเห็น “บังยี” ที่ไหนมีหนอมที่นั่น! ถึงขนาดเคยรับบทเป็น “การ์ดรักษาความปลอดภัย” คุ้มประตูเส้นทางเข้าศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติหนองจอก กันไม่ให้ฝั่งผู้ท้าชิงอย่าง “บิ๊กก๊อง” วิรัช ชาญพานิชย์ เข้าร่วมประชุม โดยอ้างว่าเส้นทางเดินเข้าไปนั้นเป็นที่ส่วนบุคคล

ขณะที่ในคดีตำรวจยอมรับว่าเป็นไปได้แทบทุกประเด็น ไล่ตั้งแต่ ชู้สาว, การพนัน, ธุรกิจส่วนตัว และอื่นๆมากมาย โดยที่ชัดเจนคือในวันเกิดเหตุที่ ถนอม ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล นอกจาก นางไพวรรณ์ บริคุต ภรรยาที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมายที่เดินทางมาเยี่ยมแล้ว ยังมีอีก 1 สาวที่ไม่ขอเปิดเผยชื่อแต่ยอมรับว่าเป็นแฟนของเปาวัย 40 ปี เดินทางมาเช่นกัน

สำหรับเรื่องอื่นยังคลุมเคลือทั้งธุรกิจ รวมถึงจากการที่เจ้าตัวเองเป็นคนอารมณ์รุนแรงและพกอาวุธปืน แต่เมื่อตำรวจยอมรับว่ามีเรื่องการพนันเข้ามาเป็น 1 ในข้อสงสัย แสดงว่าต้องมีมูล ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้จริงทางสมาคมฟุตบอลฯต้องเรียกสอบอย่างหนักว่าจริงหรือไม่ เพราะเป็นการขัดต่อจรรยาบรรณวิชาชีพอย่างยิ่ง

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเรียกได้ว่าเป็นการสะท้อนถึงภาพพจน์วงการ “เปาไทย” เป็นอย่างดี เพราะนอกจากกรณี ถนอม แล้วยังเคยเกิดลักษณะคล้ายกันกับผู้ตัดสินคนอื่นอีก เช่น "เปาจ๊อด" อรรถกร เวชการ ที่โดนมือปืนขับรถกระบะ ไล่กระหน่ำยิง 7 นัด ระหว่างขับรถเดินทางกลับจากการทำหน้าที่ ณ จังหวัดบุรีรัมย์ แต่เคราะห์ดีที่ไม่เป็นอะไร หรือคนร้ายควบเก๋งยิงถล่ม เจริญ มัจฉาวานิช ระหว่างเดินทางกลับจากการเป่าในระดับ ลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2 โซนภาคใต้ รวมถึงเกิดเหตุทำร้ายร่างกายคาสนามแข่งขัน เช่นที่ "เปาอ้น" อภิสิทธิ์ อ้นรักษ์ โดนแฟนบอล นครปฐม ยูไนเต็ด กรูลงมาทำร้าย หรือที่ "เจ้าเต่า" ประสาร พันธ์สำลี แข้งฉาวของระยอง ยูไนเต็ด วิ่งไล่ สุเปรม นนทะวงศ์ ที่ตัดสินขัดใจ

ทุกเหตุการณ์ แม้ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่าเป็นผลมาจากการทำหน้าที่ในสนามหรือไม่ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีโอกาสที่จะเกี่ยวพันกันสูง ฉะนั้นเป็นการการันตีได้อย่างดีว่าหาก “เปาไทย” คนใดทรยศต่อวิชาชีพตัวเอง เมื่อนั้นอาจเกิด “กรรมตามสนอง” และอาจหนักข้อจนถึงขั้นคร่าชีวิตได้เช่นกัน