คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”
เหลือเวลาอีกเพียง 4 เดือน สำหรับทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ที่มีภารกิจสำคัญ ในการกรีธาทัพไปทวงศักดิ์ศรีความเป็นเจ้าอาเซียนคืน ในการแข่งขันฟุตบอลซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ที่กรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงแห่งใหม่ของประเทศพม่า ระหว่างวันที่ 11-22 ธันวาคม ที่จะถึงนี้ หลังสองครั้งล่าสุดพลาดท่าสร้างความอัปยศด้วยการตกรอบแรกติดต่อกัน ซึ่งจะว่าเร็วก็ไม่เร็ว แต่ก็ไม่นานเกินจะย่ามใจ ถึงกระนั้นต้องบอกว่า “ช้างศึก” โขลงนี้เตรียมตัวมาดีทีเดียวภายใต้การคุมบังเหียนโดยควาญช้างอย่าง “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง
กุนซือวัย 39 ปี ปรับมาใช้วิธีการเก็บตัวแบบสมัยใหม่ที่ไม่ต้องร่วมอยู่กินกันเป็นเดือนๆ แต่ใช้วิธีรวมตัวกันช่วงสั้นๆ แต่ทุกเดือน! ปล่อยให้สโมสรเป็นฝ่ายเรียกความฟิต ส่วนตนเองเน้นใส่แท็กติกให้เท่านั้น และต้องบอกว่าด้วยการวางตัวและบารมีสมัยที่เจ้าตัวค้าแข้งนั้นช่วยได้มากโขในการขอตัวผู้เล่นจากต้นสังกัด ทุกสโมสรยินดีพร้อมช่วยเหลือ อีกทั้งยังได้รับความเคารพจากนักเตะรุ่นน้องในความเป็นมืออาชีพที่สั่งสมมานาน
เห็นได้จากผลงานในการลับแข้งตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา ที่เป็นคำตอบอย่างดี อีกทั้งได้โอกาสลองทีมกับสโมสรระดับโลกอย่าง ลิเวอร์พูล และ บาร์เซโลนา ซึ่งตลอด 8 เดือนที่ผ่านมา “ซิโก้” ได้ลองผิดลองถูกเปิดโอกาสให้แข้งจากทุกระดับลีกได้เข้ามาโชว์ฟอร์มให้ดู ทำให้เวลานี้แฟนบอลเริ่มมองเห็นหน้าตาของ ทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ ตำแหน่งต่อตำแหน่งแบบคร่าวๆ แล้ว
ตำแหน่งผู้รักษาประตูแม้จะมีหลายคนที่ได้โอกาสลงเฝ้าเสา ทั้ง กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล, วัชระ บัวทอง และ อุกฤษณ์ วงศ์มีมา แต่สุดท้ายหนีไม่พ้น กวิน ธรรมสัจจานันท์ นายด่านจากเอสซีจี เมืองทองฯ ที่ยึดมือ 1 เช่นเดียวกับแบ็กซ้ายที่ ธีราทร บุญมาทัน นอนมาหวังพกความช้ำที่แน่นเต็มอกไปแก้แค้น โดยมี พีระพัฒน์ โน้ตชัยยา เป็นกำลังเสริม ส่วนแบ็กขวา พุทธินันท์ วรรณศรี, นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม และ นพนนท์ คชพลายุกต์ ยังต้องขับเคี่ยวกัน
ถัดมาที่คู่เซ็นเตอร์ยังเป็นปัญหา ประวีณวัช บุญยงค์ ปราการหลังจากบางกอกกล๊าส เอฟซี ที่ได้รับความไว้วางใจจากกุนซือตีลังกาให้สวมปลอกแขนกัปตันทีมยึดไปแล้ว 1 โควตา ส่วนที่เหลือยังต้องเบียดกันระหว่าง อาทิตย์ ดาวสว่าง ที่ได้ลุ้นกว่าเพื่อน กับ สกลวัชร์ สกลหล้า และ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ที่เล่นได้ทั้งหลังและกลาง
ขณะที่แผงกลางต้องบอกว่าปึ้ก! ไม่ว่าจะจัดระบบไหน ชาริล ชัปปุยส์ ห้องเครื่องดีกรีแชมป์โลกชุด ยู-17 จากบุรีรัมย์ฯ สามารถลงคุมเกมร่วมกับ ปกเกล้า อนันต์, ศิวกร จักขุประสาท ได้อย่างดี หรือจะส่ง ธนบูรณ์ เกศารัตน์ ตัดเกมก็ยังได้ ส่วนตัวริมเส้น ศราวุฒิ มาสุข ดูมีภาษีดีกว่าเพื่อน หลังฟอร์มแจ่มกับต้นสังกัดยิงไปแล้ว 3 ประตูในลีก กับ 1 ตุงในถ้วยเอเชียให้กิเลนผยอง ส่วนรายอื่นนอกจาก “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ แล้วยังสามารถปรับผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้าและแบ็กซ้าย-ขวาถ่างออกมายืนได้ด้วยระบบ 4-3-3 ที่มีต้นแบบคล้ายบาร์เซโลนา ทั้ง อดิศักดิ์ ไกรษร, ปกรณ์ เปรมภักดิ์ และ เกริกฤทธ์ ทวีกาญจน์ สุดท้ายความหวังในการล่าตาข่ายคงหนีไม่พ้น “เจ้าทู” ชนานันท์ ป้อมบุบผา ที่ฟอร์มดีวันดีคืนระเบิดไปแล้ว 9 ประตูในลีก ให้โอสถสภาฯ
แต่ทั้งหมดนั้นก็ใช่ว่าจะเพอร์เฟกต์ “ช้างศึก” ชุดนี้ยังมีปัญหาในเรื่องของความเก๋าเกม แม้แข้งจากสโมสรใหญ่จะผ่านร้อนหนาวจากศึกในและนอกประเทศมาอย่างโชกโชน แต่ที่เหลือต้องยอมรับว่ามีแค่ในระดับหนึ่งเท่านั้น หลายคนยังไม่การันตี11 ตัวแรกกับต้นสังกัด จึงพาลไปถึงความฟิตที่จะตามมา เพราะไม่ได้ลงเล่นต่อเนื่อง รวมถึงปัญหาที่ติดตัวผู้เล่นไทยมาตลอดก็คือเรื่องการควบคุมอารมณ์
และปัญหาสำคัญที่สุดก็คือนายกสมาคมฟุตบอลฯคนใหม่ที่ยังคาราคาซัง อาจส่งผลกระทบถึงการเตรียมทีม เห็นได้จากการที่ กาตาร์ ร่อนจดหมายเชิญให้ไปอุ่นแข้งด้วย แต่สมาคมฟุตบอลฯยังไร้ความแน่นอนไม่สามารถตอบตกลงได้ และก็ไม่รู้ว่าจากนี้หากมีการเปลี่ยนขั้วอำนาจแผนการที่ “ซิโก้” วางไว้จะมีการพลิกโผใดๆ อีกหรือไม่
เหลือเวลาอีกเพียง 4 เดือน สำหรับทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ที่มีภารกิจสำคัญ ในการกรีธาทัพไปทวงศักดิ์ศรีความเป็นเจ้าอาเซียนคืน ในการแข่งขันฟุตบอลซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ที่กรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงแห่งใหม่ของประเทศพม่า ระหว่างวันที่ 11-22 ธันวาคม ที่จะถึงนี้ หลังสองครั้งล่าสุดพลาดท่าสร้างความอัปยศด้วยการตกรอบแรกติดต่อกัน ซึ่งจะว่าเร็วก็ไม่เร็ว แต่ก็ไม่นานเกินจะย่ามใจ ถึงกระนั้นต้องบอกว่า “ช้างศึก” โขลงนี้เตรียมตัวมาดีทีเดียวภายใต้การคุมบังเหียนโดยควาญช้างอย่าง “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง
กุนซือวัย 39 ปี ปรับมาใช้วิธีการเก็บตัวแบบสมัยใหม่ที่ไม่ต้องร่วมอยู่กินกันเป็นเดือนๆ แต่ใช้วิธีรวมตัวกันช่วงสั้นๆ แต่ทุกเดือน! ปล่อยให้สโมสรเป็นฝ่ายเรียกความฟิต ส่วนตนเองเน้นใส่แท็กติกให้เท่านั้น และต้องบอกว่าด้วยการวางตัวและบารมีสมัยที่เจ้าตัวค้าแข้งนั้นช่วยได้มากโขในการขอตัวผู้เล่นจากต้นสังกัด ทุกสโมสรยินดีพร้อมช่วยเหลือ อีกทั้งยังได้รับความเคารพจากนักเตะรุ่นน้องในความเป็นมืออาชีพที่สั่งสมมานาน
เห็นได้จากผลงานในการลับแข้งตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา ที่เป็นคำตอบอย่างดี อีกทั้งได้โอกาสลองทีมกับสโมสรระดับโลกอย่าง ลิเวอร์พูล และ บาร์เซโลนา ซึ่งตลอด 8 เดือนที่ผ่านมา “ซิโก้” ได้ลองผิดลองถูกเปิดโอกาสให้แข้งจากทุกระดับลีกได้เข้ามาโชว์ฟอร์มให้ดู ทำให้เวลานี้แฟนบอลเริ่มมองเห็นหน้าตาของ ทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ ตำแหน่งต่อตำแหน่งแบบคร่าวๆ แล้ว
ตำแหน่งผู้รักษาประตูแม้จะมีหลายคนที่ได้โอกาสลงเฝ้าเสา ทั้ง กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล, วัชระ บัวทอง และ อุกฤษณ์ วงศ์มีมา แต่สุดท้ายหนีไม่พ้น กวิน ธรรมสัจจานันท์ นายด่านจากเอสซีจี เมืองทองฯ ที่ยึดมือ 1 เช่นเดียวกับแบ็กซ้ายที่ ธีราทร บุญมาทัน นอนมาหวังพกความช้ำที่แน่นเต็มอกไปแก้แค้น โดยมี พีระพัฒน์ โน้ตชัยยา เป็นกำลังเสริม ส่วนแบ็กขวา พุทธินันท์ วรรณศรี, นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม และ นพนนท์ คชพลายุกต์ ยังต้องขับเคี่ยวกัน
ถัดมาที่คู่เซ็นเตอร์ยังเป็นปัญหา ประวีณวัช บุญยงค์ ปราการหลังจากบางกอกกล๊าส เอฟซี ที่ได้รับความไว้วางใจจากกุนซือตีลังกาให้สวมปลอกแขนกัปตันทีมยึดไปแล้ว 1 โควตา ส่วนที่เหลือยังต้องเบียดกันระหว่าง อาทิตย์ ดาวสว่าง ที่ได้ลุ้นกว่าเพื่อน กับ สกลวัชร์ สกลหล้า และ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ที่เล่นได้ทั้งหลังและกลาง
ขณะที่แผงกลางต้องบอกว่าปึ้ก! ไม่ว่าจะจัดระบบไหน ชาริล ชัปปุยส์ ห้องเครื่องดีกรีแชมป์โลกชุด ยู-17 จากบุรีรัมย์ฯ สามารถลงคุมเกมร่วมกับ ปกเกล้า อนันต์, ศิวกร จักขุประสาท ได้อย่างดี หรือจะส่ง ธนบูรณ์ เกศารัตน์ ตัดเกมก็ยังได้ ส่วนตัวริมเส้น ศราวุฒิ มาสุข ดูมีภาษีดีกว่าเพื่อน หลังฟอร์มแจ่มกับต้นสังกัดยิงไปแล้ว 3 ประตูในลีก กับ 1 ตุงในถ้วยเอเชียให้กิเลนผยอง ส่วนรายอื่นนอกจาก “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ แล้วยังสามารถปรับผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้าและแบ็กซ้าย-ขวาถ่างออกมายืนได้ด้วยระบบ 4-3-3 ที่มีต้นแบบคล้ายบาร์เซโลนา ทั้ง อดิศักดิ์ ไกรษร, ปกรณ์ เปรมภักดิ์ และ เกริกฤทธ์ ทวีกาญจน์ สุดท้ายความหวังในการล่าตาข่ายคงหนีไม่พ้น “เจ้าทู” ชนานันท์ ป้อมบุบผา ที่ฟอร์มดีวันดีคืนระเบิดไปแล้ว 9 ประตูในลีก ให้โอสถสภาฯ
แต่ทั้งหมดนั้นก็ใช่ว่าจะเพอร์เฟกต์ “ช้างศึก” ชุดนี้ยังมีปัญหาในเรื่องของความเก๋าเกม แม้แข้งจากสโมสรใหญ่จะผ่านร้อนหนาวจากศึกในและนอกประเทศมาอย่างโชกโชน แต่ที่เหลือต้องยอมรับว่ามีแค่ในระดับหนึ่งเท่านั้น หลายคนยังไม่การันตี11 ตัวแรกกับต้นสังกัด จึงพาลไปถึงความฟิตที่จะตามมา เพราะไม่ได้ลงเล่นต่อเนื่อง รวมถึงปัญหาที่ติดตัวผู้เล่นไทยมาตลอดก็คือเรื่องการควบคุมอารมณ์
และปัญหาสำคัญที่สุดก็คือนายกสมาคมฟุตบอลฯคนใหม่ที่ยังคาราคาซัง อาจส่งผลกระทบถึงการเตรียมทีม เห็นได้จากการที่ กาตาร์ ร่อนจดหมายเชิญให้ไปอุ่นแข้งด้วย แต่สมาคมฟุตบอลฯยังไร้ความแน่นอนไม่สามารถตอบตกลงได้ และก็ไม่รู้ว่าจากนี้หากมีการเปลี่ยนขั้วอำนาจแผนการที่ “ซิโก้” วางไว้จะมีการพลิกโผใดๆ อีกหรือไม่
