ASTV ผู้จัดการรายวัน – เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด มีศึกใหญ่หากต้องการรักษาโทรฟีแชมป์เอาไว้กับถิ่น เอสซีจี สเตเดียม ต่อไป ด้วยการออกไปเยือน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จ่าฝูง โตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก เวลานี้ ในวันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม ณ ไอโมบาย สเตเดียม เวลา 18.00 น.แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องบอกว่าไมใช่งานง่ายสำหรับทัพ “กิเลนผยอง” เพราะสถิติเป็นรองหลายขุม ยังไม่สามารถเอาชนะ “เซราะกราว” ได้เลยตลอด 9 ครั้งหลังสุดที่พบกัน
เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ยังไม่เคยยัดเยียดความปราชัยให้กับทีมจากอีสานใต้ได้เลยนับจากที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เปลี่ยนร่างจากสโมสรการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตั้งแต่ต้นปี 2010 สถิติเสมอ 4 นัด และแพ้ 5 นัด โดยเกมล่าสุดที่พบกันเลกแรกของฤดูกาล 2013 โดยขย้ำถึงถิ่น 1-2 และเป็นการถูกหยุดสถิติไร้พ่ายไว้ที่ 39 นัด พร้อมส่งให้ตารางคะแนนตอนนี้รั้งอันดับ 2 มี 44 แต้ม ตามหลัง “ปราสาทสายฟ้า” ที่มี 47 คะแนน และแม้จะแข่งเท่ากัน 19 นัด แต่ บุรีรัมย์ ยังมีโอกาสทิ้งห่างเพิ่มจากการที่ ศรีสะเกษ เอฟซี ติดปัญหา ดังนั้นทีมที่เล่นไปแล้วอาจถูกหักแต้ม
แต่ถึงกระนั้น รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้อำนวยการสโมสร เอสซีจี เมืองทองฯ กลับไม่คิดว่าเกมนี้จะเป็นการตัดสินผลทั้งหมด พร้อมยังคงมั่นใจในประสบการณ์การเป็นแชมป์ที่ผ่านมา “ต้องยอมรับว่าการไปเยือน บุรีรัมย์ นั้นเป็นงานที่ยาก แต่ก็ไม่ยากเกินไปที่เราจะคว้า 3 แต้มออกมา แต่ผมมองว่ายังเร็วเกินไปหากจะตัดสินแชมป์กันในเกมที่จะถึงนี้ เพราะจากนี้เรายังเหลืออีก 14 เกมให้ลงเล่น และแม้ว่าเจ้าถิ่นจะมีผลงานที่ดีกว่า แต่ผมเชื่อว่าประสบการณ์ในการคว้าแชมป์และป้องกันแชมป์ของเรานั้นเหนือกว่าแน่นอน เห็นได้จากการที่ได้ 3 แชมป์ในรอบ 4 ปีหลังสุด และไม่ว่าผลนัดนี้จะเป็นอย่างไรจะไม่ส่งผลกระทบต่อเกมที่เหลือแน่นอน”
ทั้งนี้นอกจากจะเป็นการขับเคี่ยวลุ้นแชมป์กันของทั้งคู่แล้ว ไฮไลต์สำคัญที่แฟนบอลรอชมยังเป็นการทดสอบฝีเท้าของบรรดาแข้งใหม่ที่ถูกเสริมเข้ามาในเลก 2 อีกว่าทีมใดจะตาแหลมกว่ากัน โดยเรื่องนี้ “บิ๊กเป้” กล่าวอย่างมั่นใจว่าพร้อมทุกขุมกำลัง “ตอนนี้เรามีทีมที่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ และต้องบอกว่าพร้อมที่สุดตั้งแต่เปิดฤดูกาล เราชนะมา 6 เกมติด และคลีนชีต 3 เกมล่าสุด ผู้เล่นทุกคนฟิตเต็มที่ นักเตะใหม่ที่ย้ายเข้ามาต่างปรับตัวได้ดี ปัง ซุน ควาน (กองหน้าชาวเกาหลีใต้ วัย 30 ปี) ยิงไปแล้ว 2 ประตู ในการลงเล่นเกมอุ่นเครื่อง 2 นัด และ เอดิวัลโด เองก็ทำไป 2 ประตู จาก 2 นัดที่ลงเล่นอย่างเป็นทางการเช่นกัน ส่วน ธีรศิลป์ แดงดา ที่เพิ่งทำประตูบาร์เซโลนาได้ ก็เป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับเจ้าตัว และเมื่อยิงบาร์เซโลนาได้ มุ้ย ก็สามารถยิงได้ทุกทีม”
ขณะที่ตำแหน่งอื่นพร้อมลั่นกลองรบ มี “เจ้าโก้” ดัสกร ทองเหลา จอมทัพกัปตันทีม ที่เตรียมลงเล่นนัดที่ 100 นำทัพ ร่วมกับ ดานโญ เซียกา, มาริโอ ยูรอฟสกี และ กวิน ธรรมสัจจานันท์ ที่ฟิตกลับมาเฝ้าเสา
ฟากเจ้าถิ่น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ต้องบอกว่าแข้งใหม่ที่ตบเท้าเข้ามาอย่าง บรูโน อาริอัส กับ เฮซุส เบอร์โรคัล ยังโชว์ฟอร์มไม่เข้าตานัก แม้รายหลังจะยิงไป 2 ประตูแล้วก็ตาม แต่เกมนี้จะได้ คาร์เมโล กอนซาเรซ มิดฟิลด์ตัวเก่งที่นำดาวซัลโว 15 ประตู ฟิตคืนสนามอีกครั้ง ร่วมกับ ฮาเวียร์ ปาติโญ ที่กระหน่ำไป 12 ลูก ส่วนขุมกำลังที่เหลือฟูลทีม นำโดย ออสมาร์ อิบาเนซ, ธีราทร บุญมาทัน, จิรวัฒน์ มัครมย์ และ ชาริล ชัปปุยส์
โดย “เจ้ากบ” สุเชาว์ นุชนุ่ม กัปตันทีม มั่นใจว่าหากเกมนี้เก็บ 3 แต้มได้โอกาสคว้าแชมป์น่าจะลอยลำ “ตอนนี้ผมและเพื่อนร่วมทีมพร้อมทุกคน เรามีผู้เล่นมากพอที่จะสลับกันลงเล่นแล้วไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของทีม นักเตะต่างชาติเริ่มที่จะปรับตัวได้เข้ากับทีม แม้ช่วงแรกอาจยังดูไม่ไหลลื่นแต่ทุกคนมีทักษะที่ดีมาก และที่สำคัญยังได้เสียงเชียร์จากแฟนบอลที่จะเข้ามาล้นสนามอีก เพราะฉะนั้นเกมนี้ยังไงก็ต้องคว้า 3 แต้มให้ได้ หรือถ้าแย่สุดก็คือผลเสมอ ซึ่งตอนนี้ทางโค้ช สกอตต์ คูเปอร์ ก็ได้เตรียมแท็กติกในการรับมืออย่างดี”
มิดฟิลด์วัย 30 ปี กล่าวต่อว่า “หากเราได้ 3 คะแนนนัดนี้ และรวมกับ 3 แต้มจากเกมกับศรีสะเกษ จะส่งให้เราทิ้งห่างถึง 9 แต้ม ซึ่งช่องว่างขนาดนี้กับอีก 13 เกมที่เหลือไม่ว่าอย่างไรเราก็คงไม่พลาดแน่นอน และนั่นจะทำให้เราสามารถไปโฟกัสกับถ้วยอื่นๆ ได้มากขึ้นเช่นกัน”