xs
xsm
sm
md
lg

“ยี” ขู่ 108 สโมสรต้องถอน ไม่งั้นเด้งออก ส.บอล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รายละเอียด จม. ส.บอล
“บังยี” วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ แจ้งหนังสือขู่ 108 สโมสรสมาชิกให้ถอนคำร้องขอให้มีการประชุมใหญ่พิเศษตามที่ร้องขอได้ภายในวันที่ 22 กรกฎาคม โดยย้ำว่าหากไม่ถอนตามที่ระยะเวลาที่กำหนด จะถูกพ้นจากสมาชิกภาพของสมาคมทันที เนื่องจากสมาคมเป็นชาติสมาชิกของฟีฟา ต้องดำเนินการตามหน้าที่สมาชิกของฟีฟาและเอเอฟซีเท่านั้น

หลังจากสมาชิกของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จำนวน 108 ราย มีหนังสือลงวันที่ 17 และ 19 มิถุนายน 2556 ขอให้สมาคมจัดประชุมใหญ่พิเศษ โดยจะเสนอ “ญัตติการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ แทนคนเก่าที่ครบวาระ” และสมาคมกีฬาจังหวัดชลบุรีฯ มีหนังสือถึงนายวรวีร์ มะกูดี ลงวันที่ 11 กรกฎาคม 2556 คัดค้านหนังสือของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยที่ ฟ.1209/2556 ลงวันที่ 1 กรกฎาคม 2556 และยืนยันให้ดำเนินการจัดประชุมใหญ่พิเศษเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ตามที่หนังสือร้องขอ หากเพิกเฉยจะดำเนินการตามกฎหมายทันที ปรากฏตามหนังสือที่อ้างอิง ของนายสนธยา คุณปลื้ม ลงวันที่ 17 มิถุนายน 2556 เรื่องขอให้เปิดประชุมใหญ่พิเศษ

โดยรายละเอียดของจดหมายของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มีดังต่อไปนี้

สมาคมได้มีหนังสือชี้แจงสมาชิกผู้ร้องขอให้สมาคมจัดการประชุมใหญ่พิเศษ และสมาชิกทุกท่านทราบแล้วว่า สมาคมไม่สามารถดำเนินการจัดประชุมใหญ่พิเศษตามการร้องขอของสมาชิกได้ เนื่องจากสมาคมเป็นชาติสมาชิกของฟีฟา ต้องดำเนินการตามหน้าที่สมาชิกของฟีฟา และเอเอฟซี โดยฟีฟากำหนดให้สมาคมต้องจัดประชุมใหญ่พิเศษเพื่อนำข้อบังคับของสมาคมฉบับปัจจุบัน ตามที่ฟีฟาพิจารณาเห็นว่าไม่โปร่งใสและไม่เป็นประชาธิปไตย จึงกำหนดให้สมาคมดำเนินการแก้ไขข้อบังคับ ตามแนวทางธรรมนูญข้อบังคับที่ฟีฟากำหนด ลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2556 โดยให้สมาคมนำข้อบังคับของสมาคม (ฉบับแก้ไข) ไปให้ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในวันที่ 9 สิงหาคม 2556 และเมื่อที่ประชุมมีมติเห็นชอบ ให้สมาคมดำเนินการเลือกตั้งกรรมการบริหารชุดใหม่ของสมาคมตามที่ฟีฟากำหนดต่อไป ในวันที่ 23 กันยายน 2556 รายละเอียดปรากฏตามหนังสือของสมาคมถึงชาติสมาชิกอ้างถึง, หนังสือของฟีฟาถึงสมาคม 2 ฉบับลงวันที่ 27 มิถุนายน 2556 และหนังสือของฟีฟายืนยันให้สมาคมดำเนินการแก้ไขข้อบังคับของสมาคม (ฉบับแก้ไข) เสียก่อน แล้วจึงดำเนินการเลือกตั้งกรรมการชุดใหม่ ลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2556

อนึ่งที่ประชุมใหญ่ประจำปีของสมาคมมีมติเห็นชอบให้ดำเนินการแก้ไขข้อบังคับของสมาคม (ฉบับปัจจุบัน) ให้สอดคล้องและเป็นไปตามแนวทางตามธรรมนูญข้อบังคับที่ฟีฟาไว้ ตั้งแต่การประชุมใหญ่ประจำปี 2551 ถึง 2555

เพื่อให้การดำเนินกิจกรรมของสมาคมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของสมาคม (ฉบับปัจจุบัน) ข้อ 4.4 กฎหมายว่าด้วยสมาคม ข้อบังคับ กกท.ข้อ 14(1) และกฎหมายว่าด้วยการกีฬา มาตรา 8(1) และ (6) เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2556 สภากรรมการของสมาคม อาศัยอำนาจหน้าที่ตามข้อบังคับของสมาคม (ฉบับปัจุบัน) ข้อ 16, ข้อ 17.1 ตอนท้าย และกฎหมายว่าด้วยสมาคม มาตรา 85 วรรคท้าย พิจารณาการกระทำของสมาชิกที่จะนำความเสื่อมเสียมาสู่การกีฬาฟุตบอลของชาติ อันเนื่องมาจากสมาชิกซึ่งเป็นตัวแทนของสมาชิกที่ทำหนังสือขอให้สมาคมจัดประชุมใหญ่พิเศษ ตามหนังสือที่อ้างอิงถึง นำคดีมาฟ้องสมาคมที่ศาลแพ่ง กรุงเทพใต้ เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2556 และฟ้องสมาคมที่ศาลจังหวัดมีนบุรี เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2556 พร้อมมีคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนศาลมีคำพิพากษาห้ามสมาคมนำข้อบังคับของสมาคม (ฉบับแก้ไข) ไปให้ที่ประชุมลงมิตโดยปกปิด ไม่เปิดเผยความจริงต่อศาลเกี่ยวกับคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวในเรื่องเดียวกับที่เคยขอคุ้มครองมาแล้วว่า ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ได้พิจารณาแล้ว มีคำสั่งไม่คุ้มครองคามคำร้องขอ เนื่องจากเห็นว่าเป็นเรื่องภายในของสมาคม และยกคำร้อง และคดีอยู่ระหว่างการพิจารณา แต่สมาชิกกลับใช้สิทธิโดยไม่สุจริตนำคดีเรื่องเดียวกันมาฟ้องสมาคมที่ศาลจังหวัดมีนบุรีอีก เป็นฟ้องซ้อน ต้องหามตามกฎหมาย ทำให้ศาลจังหวัดมีนบุรี มีคำสั่งห้ามชั่วคราว ห้ามสมาคมนำข้อบังคับสมาคม (ฉบับแก้ไข) ไปให้ที่ประชุมใหญ่พิเศษพิจารณาและลงมติเห็นชอบโดยผิดหลงการกระทำดังกล่าวเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและผิดกฎหมายทั้งที่ความจริงแล้ว สมาชิกของสมาคมมีมติเห็นชอบให้แก้ไขข้อบังคับ (ฉบับปัจจุบัน) ให้เป็นไปตามธรรมนูญข้อบังคับที่ฟีฟากำหนดแล้วในที่ประชุมใหญ่ประจำปีของสมาคม ตั้งแต่การประชุมใหญ่ประจำปี 2551 ถึง 2555 ตามรายงานประชุมที่อ้างถึง

ดังนั้นเมื่อสภากรรมการได้พิจารณาการะทำของสมาชิก 108 ราย ด้วยความรอบคอบ และเพื่อให้การดำเนินกิจกรรมกีฬาฟุตบอลของสมาคมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สภากรรมการเห็นว่า การกระทำของสมาชิกที่นำคดีมาฟ้องร้องและทำหนังสือขอให้สมาคมจัดประชุมใหญ่พิเศษเพื่อเลือกตั้งนายกสมาคม และแต่งตั้งสภากรรมการชุดใหม่ เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกตามข้อบังคับของสมาคม (ฉบับปัจจุบัน) ข้อ 10.1.1 และ 10.1.2 มีเจตนาละเมิดระเบียบและข้อบังคับของสมาคม (ฉบับปัจจุบัน) ข้อ 28 จึงลงมติด้วยคะแนนเสียง 2 ใน 3 ของจำนวนกรรมการทั้งหมดให้สมาชิกของสมาคมที่ทำหนังสือขอให้สมาคมจัดประชุมใหญ่พิเศษเพื่อเลือกตั้งนายกสมาคมและแต่งตั้งสภากรรมการชุดใหม่ ตามข้อ 17.1 และข้อ 21 ดำเนินการทำหนังสือถอนหนังสือที่อ้างถึง ภายในวันที่ 22 กรกฎาคม 2556 และหากสมาชิกดังกล่าวรายใดไม่ทำหนังสือถอนหนังสือที่ร้องขอให้สมาคมจัดประชุมใหญ่พิเศษให้เสร็จสิ้นภายในวันดังกล่าว ถือว่าสมาชิกรายนั้นไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ของสมาชิกตามข้อบังคับของสมาคม (ฉบับปัจจุบัน) ข้อ 10.1.1 และ 10.1.2 สภากรรมการจึงลงมติให้สมาชิก 108 ราย ที่มีหนังสือขอให้สมาคมดำเนิการประชุมใหญ่พิเศษเพื่อเลือกตั้งนายกสมาคมและแต่งตั้งสภากรรมการชุดใหม่ พ้นจากสมาชิกภาพของสมาคม ตามข้อบังคับฯ ข้อ 11.1.3 และ 11.1.6 ยกเว้นสมาชิกรายใดที่ทำหนังสือถอนหนังสือภายในระยะเวลาที่กำหนด

สมาคมไม่สามารถดำเนินการตามร้องขอของสมาชิก การดำเนิการตามคำร้องขอของสมาชิกจะเป็นการฝ่าฝืนและไม่ดำเนินการตามหน้าที่สมาชิกของฟีฟา ตามข้อบังคับของสมาคม (ฉบับปัจจุบัน) ข้อ 4.4 และฝ่าฝืนหรือไม่สอดคล้องกับข้อบังคับของ กกท.ข้อ 14(1) ซึ่งกำหนดว่าสมาคมจะกระทำการใดๆ หรือดำเนินการอย่างใดๆ ในประการที่จะนำความเสื่อมเสียมาสู่การกีฬาของชาติไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมไม่ได้ และกฎหมายว่าด้วยการกีฬา มาตรา 8(1) กำหนดให้ กกท.ส่งเสริมกีฬา และมาตรา 8(6) กำหนดให้ กกท. ติดต่อร่วมมือกับองค์การหรือสมาคมกีฬาทั้งในและนอกราชอาณาจักร ดังนั้นในฐานะที่สมาคมเป็นชาติสมาชิกของฟีฟา จึงต้องดำเนินการตามหน้าที่สมาชิกของฟีฟา ตามข้อบังคับและกฏหมายดังกล่าว รวมถึงธรรมนูญข้อบังคับชองฟีฟา หมวด2 ข้อ 13 ว่าด้วยเรื่องหน้าที่สมาชิก ข้อ 13.1 เอ กำหนดให้ “สมาชิกมีหน้าที่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ให้สอดคล้องกับธรรมนูญ กฎ ข้อบังคับ แนวทางและคำตัดสินต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยองค์คณะของฟีฟา และเช่นเดียวกับคำตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการกีฬา ที่ได้ผ่านกระบวนการ การอุทธรณ์ตามมาตรา 66 วรรค 1 ของธรรมนูญข้อบังคับฟีฟา” ข้อ 13.1เอฟ กำหนดให้ “สมาชิกมีหน้าที่ต้องอนุมัติธรรมนูญข้อบังคับ ให้สอดคล้อง และเป็นไปตามข้อบังคับของธรรมนูญข้อบังคับมาตรฐานของฟีฟา” ข้อ 13.1เจ กำหนดให้ "สมาชิกมีหน้าที่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดให้สอดคล้องกับธรรมนูญข้อบังคับเหล่านี้ และระเบียบข้อบังคับอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง” และข้อ 13.2 กำหนดว่า “การฝ่าฝืนละเมิดไม่ปฏิบัติตามภาระหน้าที่ของสมาชิก อาจนำไปสู่การลงโทษต่างๆ ที่กำหนดไว้ในธรรมนูญข้อบังคับนี้”

สมาคมขอชี้แจงให้สมาชิกทรายและพิจารณาต่อไปว่า ปัจจุบันสภากรรมการชุดเดิมของสมาคมยังมีอำนาจหน้าที่บริหารกิจการของสมาคมต่อไปจนกว่าสภากรรมการชุดใหม่เข้ารับมอบหน้าที่ หรือได้มีการจดทะเบียนกรรมการของสมาคมฯชุดใหม่แล้ว ตามข้อบังคับของสมาคม (ฉบับปัจจุบัน) ข้อ 17.3 ตอนท้าย และกฎหมายว่าด้วยสมาคมมาตรา 85 วรรคท้าย นอกจากนี้ ข้อบังคับของสมาคม (ฉบับปัจจุบัน) ข้อ10 กำหนดหน้าที่ของสมาชิกหลายประการ ได้แก่ ข้อ 10.1.1 สมาชิกมีหน้าที่ส่งเสริมกีฬาฟุตบอลเพื่อให้มีมาตรฐานที่สูงขึ้น เป็นการสร้างชื่อเสียงและเกียรติยศของสโมสรสมาชิก สมาคมและประเทศชาติ ข้อ 10.1.2 เคารพและปฏิบัติตามข้อบังคับลักษณะปกครองฯ รวมทั้งระเบียบต่างๆ และคำสั่งลงโทษของสมาคม หรือคณะกรรมการของสมาคมที่ตั้งไว้โดยเฉพาะ รวมทั้งมติของสภากรรมการโดยเคร่งครัด ข้อ 10.1.4 ให้ความร่วมมือต่อกิจกรรมของสมาคม โดยเห็นประโยชน์ของสมาคมที่มีต่อประเทศชาติเป็นที่ตั้งกว่าประโยชน์ของสโมสรสมาชิกของตน ข้อ 11 กำหนดการเรื่องการพ้นจากสมาชิกภาพของสมาชิกว่า สมาชิกจะพ้นจากสมาชิกภาพด้วยคะแนนเสียง 2 ใน 3 ของจำนวนกรรมการทั้งหมด ส่วนเรื่องการละเมิดระเบียบและข้อบังคับลักษณะปกครองฯ ข้อบังคับของสมาคม(ฉบับปัจจุบัน) หมวด 9 การละเมิดและการลงโทษ กำหนดไว้ในข้อ 28 ว่าการละเมิดระเบียบและข้อบังคับลักษณะปกครองจะโดยเจตนาหรือไม่ก็ตามย่อมทำให้บังเกิดผลเสียหายต่อสมาคม ฉะนั้นเพื่อการธำรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์และระเบียบและข้อบังคับลักษณะปกครองฯ ให้ถือเป้นอันสิ้นสุด จะอุทธรณ์มิได้ โดยข้อบังคับของสมาคม (ฉบับปัจจุบัน) ข้อ 16 กำหนดอำนาจหน้าที่สภากรรมการไว้หลายประการ รวมถึงข้อ 16.9 พิจารณาและลงโทษสมาชิก หรือเจ้าหน้าที่ หรือนักกีฬา ที่ฝ่าฝืนหรือละเมิดกฎระเบียบหรือข้อบังคับลักษณะปกครองของสมาคม หรือกระทำการใดๆ อันเป็นผลเสียหายแก่สมาคม ในด้านการบริหาร หรือการแข่งขันฟุตบอล และรับทราบการลงโทษสมาชิกหรือนักกีฬา หรือผู้เกี่ยวข้อง ตามที่คณะกรรมการที่เกี่ยวข้องพิจารณาลงโทษตามอำนาจหน้าที่ รายละเอียดเกี่ยวกับข้อบังคับของสมาคม (ฉบับปัจจุบัน) และกฎหมายว่าด้วยสมาคม ข้อบังคับ กกท.และกฎหมายว่าด้วยการกีฬา ปรากฏตามข้อบังคับและกฎหมายที่อ้างถึง

ตามที่สมาคมได้ชี้แจงให้สมาชิกทราบมาทั้งหมดข้างต้น เห็นได้ชัดแจ้งว่าสมาคมมีเหตุผลและความจำเป็นที่ไม่สามารถจัดประชุมใหญ่พิเศษ เพื่อให้มีการเลือกตั้งนายกสมาคมและแต่งตั้งสภากรรมการชุดใหม่ได้โดยอาศัยข้อบังคับของสมาคม (ฉบับปัจจุบัน) ข้อ 17.3 และข้อ 21 ตามการร้องขอของสมาชิด ทั้งนี้หากสมาคมดำเนิการตามการร้องขอของสมาชิก ก็จะเป้นการฝ่าฝืนปบพไม่ชอบด้วยข้อบังคับของสมาคม(ฉบับปัจจุบัน) ข้อ 4.4 และข้อบังคับ กกท.ข้อ 14(1) และกฎหมายว่าด้วยการกีฬา มาตรา 8(1) และ (6) ซึ่งข้อบังคับและกฎหมายดังกล่าวสมาคมจะทำการใดๆ หรือดำเนิการอย่างใดๆ ในกระการที่จะนำความเสื่อมเสียมาสู่การกีฬาฟุตบอลของชาติ ไม่ว่าจะโดยตรงหรือทางอ้อมไม่ได้ และหากดำเนิการตามที่สมาชิกร้องขอ ก็จะเป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามวัตถุประสงค์ของสมาคม และ กกท.ที่ต้องส่งเสริมการกีฬา ติดต่อร่วมมือกับองค์การหรือสมาคมกีฬาทั้งในและนอกราชอาณาจักร การไม่เคารพและไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับ กฎหมาย และคำตัดสิน หรือธรรมนูญข้อบังคับของฟีฟ่าตามหนังสือชี้แจงของฟีฟาที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ล้วนแต่จะนำความเสื่อมเสียมาสู่การกีฬาฟุตบอลของชาติทั้งสิ้น

อนึ่งสมาคมโดยสภากรรมการตระหนักดีว่า เพื่อให้การดำเนินกิจกรรมของสมาคมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตามข้อบังคับของสมาคมฯ และกฎหมายว่าด้วยสมาคมฯ ให้สอดคล้องกับธรรมนูญข้อบังคับของฟีฟาที่กำหนดให้สมาคมดำเนินการแก้ไขข้อบังคับของสมาคม (ฉบับปัจจุบัน) ให้เป็นไปตามข้อบังคับของสมาคม (ฉบับแก้ไข) ตามที่ฟีฟากำหนด เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2556 ข้อบังคับ กกท.ข้อ14(1) และกฎหมายว่าด้วยการกีฬามาตรา 8(1) และ (6) สภากรรมการจึงมีความจำเป็นต้องใช้อำนาจหน้าที่ตามที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้น สมาคมหวังว่าสมาชิกเข้าใจความจำเป็นและเหตุผลที่กล่าวมาตามลำดับโดยทั่วกัน และจะให้ความร่วมมือกับสมาคมเพื่อให้การดำเนินกิจกรรมกีฬา ฟุตบอลของสมาคมและของชาติตามที่ฟีฟากำหนดเป้นไปด้วยความเรียบร้อย

จึงเรียนมาเพื่อทราบและโปรดพิจารณาดำเนินการทำหนังสือถอนหนังสือร้องขอให้สมาคมจัดประชุมใหญ่พิเศษภายในเวลาที่กำหนดต่อไป

ขอแสคงความนับถือ

นายวรวีร์ มะกูดี

นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์





ฉบับภาษาอังกฤษ


กำลังโหลดความคิดเห็น