คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
วันนี้ผมมีตัวเลขงบประมาณสำหรับการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกมาฝาก เป็น ยูเอส ดอลเล่อร์ส นะครับ ไล่มาตั้งแต่ ปี 1998 ฝรั่งเศส 500 ล้าน ปี 2006 เจอรมานี 600 ล้าน ปี 2010 อัฟริกาใต้ 3,000 ล้าน ปี 2014 บราซิว 15,000 ล้าน ปี 2018 รัสเซีย 27,000 ล้าน และปี 2022 กาตาร์ 200,000 ล้าน
งบประมาณในการดำเนินงานเพื่อเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2022 ของ กาตาร์ รัฐเล็กๆ ในตะวันออกกลาง ซึ่งมีประชากรเพียง 1.9 ล้านคน บนพื้นที่ 11,571 ตารางกิโลเมตร ถูกเปิดเผยออกมาล่าสุดตัวเลขอยู่ที่ 2 แสนล้าน ยูเอส ดอลเล่อร์ส สูงกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของปี 2013 ที่มีการคำนวณตัวเลขออกมาที่ 1.9 แสนล้าน ยูเอส ดอลเล่อร์ส เสียอีก
เมื่อนำตัวเลขดังกล่าวไปเปรียบเทียบกับงบประมาณที่ บราซิว ประเทศที่มีขนาดใหญ่กว่าถึง 700 กว่าเท่า และมีประชากรเหยียบ 200 ล้านคน ตั้งไว้สำหรับการจัดการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2014 ที่ตนกำลังจะเป็นเจ้าภาพในปีหน้าที่ 1.5 หมื่นล้าน ยูเอส ดอลเล่อร์ส ก็นับว่ายังสูงกว่ามากเหลือเกิน
จากการศึกษาของ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ พบว่าชาวบราซิวมีรายได้ต่อหัวต่อปีแค่ไม่เกิน 1 หมื่น ยูเอส ดอลเล่อร์ส ในขณะที่ชาวกาตาร์มีรายได้สูงกว่าถึง 10 เท่า ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยว่า ทำไมชาวบราซิวจึงออกมาประท้วงกันเต็มบ้านเต็มเมืองเมื่อรัฐบาลนำเงินของพวกเขาไปล้างผลาญกับฟุตบอลโลกโดยที่พวกเขาไม่เห็นจะได้ประโยชน์อะไรเลย
คำถามเกิดขึ้นว่า เงินลงทุนจำนวนมากมายไร้สติขนาดนั้น คนกาตาร์ไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านเลยหรือไร คำตอบก็คือ กาตาร์ ใช้วิธีที่แยบคาย ไม่ได้ผลีผลาม และระมัดระวังความรู้สึกของประชาชนเป็นอย่างดี แม้รู้ว่าจะต้องใส่เงินลงไปโดยไม่ต้องคำนึงว่าเท่าไร คณะกรรมการจัดการแข่งขันก็ไม่ได้เปิดเผยตัวเลขที่แท้จริงต่อสาธารณะ เพราะไม่ต้องการให้ผู้คนตื่นตระหนกและเกิดความรู้สึกต่อต้านกับสิ่งที่ไม่ใช่กีฬายอดฮิตของคนกาตาร์ด้วยซ้ำ
ทั้งนี้ ก็เพราะ กาตาร์ จำเป็นต้องเตรียมตัวตั้งรับการหมดสิ้นไปของ น้ำมัน ที่เริ่มขุดพบตั้งแต่ปี 1940 และกลายเป็นที่มาของความมั่งคั่งตั้งแต่นั้นมา ซึ่งพวกเขาคงไม่ได้อยากกลับไปทำประมงหรือเลี้ยงหอยมุกอย่างที่เคยทำมาก่อนค้นพบน้ำมันอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่ กาตาร์ ใช้รับมือเพื่อทดแทน น้ำมัน ก็คือ การท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม การสร้าง กาตาร์ ให้เป็นจุดหมายปลายทางดึงดูดนักท่องเที่ยวนั้นก็ใช่ว่าจะเป็นงานง่าย เพราะยังมี สหรัฐอาหรับเอมิเรทส์ เป็นคู่แข่งสำคัญ ซึ่ง กาตาร์ เองก็ต้องพยายามดึงแฟนบอลเข้ามาชมการแข่งขันฟุตบอลโลกที่ตนเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในปี 2022 ให้ได้ตามเป้าคือ 4 แสนคน และในปีนั้นพวกเขาตั้งเป้ากวาดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศถึง 4 ล้านคน นั่นคิดเป็น 2 เท่าของจำนวนประชากรทีเดียว
ชาวโลกเริ่มรู้จัก กาตาร์ แล้ว ตั้งแต่ที่ Qatar Investment Authority เข้ามาซื้อหุ้นของสโมสรฟุตบอล ปารี แซ็ง แชรแม็ง (Paris Saint-Germain Football Club - PSG) 70 เพอร์เซ็นท์ ตั้งแต่ปี 2011 และในปีต่อมาก็กวาดซื้อหุ้นที่เหลือจนบัดนี้กลายเป็นเจ้าของทีมแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งทำให้ PSG กลายเป็นสโมสรฟุตบอลที่มั่งคั่งที่สุดในประเทศฝรั่งเศส และเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่มั่งคั่งที่สุดในโลก
ก้าวต่อไปในการสร้าง กาตาร์ ให้เป็นจุดหมายปลายทางของชาวโลกในด้านการท่องเที่ยวก็คือ การสร้างสาธารณูปโภค ทั้งถนน รถไฟใต้ดิน และสนามบิน ซึ่งมีการคำนวณออกมาเป็นเงินลงทุนประมาณ 1.4 แสนล้าน ยูเอส ดอลเล่อร์ ส่วนโรงแรมที่พักนับ 100 แห่งเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวนั้นก็มีการเตรียมเงินงบประมาณอีกราว 2 หมื่นล้าน ยูเอส ดอลเล่อร์ส ฟุตบอลโลก มันเป็นเพียงการจุดระเบิดให้คนหันมามอง กาตาร์ เท่านั้น เพราะที่เขายอมใส่เงินลงไปขนาดนี้ มันคือการลงทุนสร้างประเทศให้มีชีวิตยืนยาวต่อไปนั่นเอง
วันนี้ผมมีตัวเลขงบประมาณสำหรับการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกมาฝาก เป็น ยูเอส ดอลเล่อร์ส นะครับ ไล่มาตั้งแต่ ปี 1998 ฝรั่งเศส 500 ล้าน ปี 2006 เจอรมานี 600 ล้าน ปี 2010 อัฟริกาใต้ 3,000 ล้าน ปี 2014 บราซิว 15,000 ล้าน ปี 2018 รัสเซีย 27,000 ล้าน และปี 2022 กาตาร์ 200,000 ล้าน
งบประมาณในการดำเนินงานเพื่อเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2022 ของ กาตาร์ รัฐเล็กๆ ในตะวันออกกลาง ซึ่งมีประชากรเพียง 1.9 ล้านคน บนพื้นที่ 11,571 ตารางกิโลเมตร ถูกเปิดเผยออกมาล่าสุดตัวเลขอยู่ที่ 2 แสนล้าน ยูเอส ดอลเล่อร์ส สูงกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของปี 2013 ที่มีการคำนวณตัวเลขออกมาที่ 1.9 แสนล้าน ยูเอส ดอลเล่อร์ส เสียอีก
เมื่อนำตัวเลขดังกล่าวไปเปรียบเทียบกับงบประมาณที่ บราซิว ประเทศที่มีขนาดใหญ่กว่าถึง 700 กว่าเท่า และมีประชากรเหยียบ 200 ล้านคน ตั้งไว้สำหรับการจัดการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2014 ที่ตนกำลังจะเป็นเจ้าภาพในปีหน้าที่ 1.5 หมื่นล้าน ยูเอส ดอลเล่อร์ส ก็นับว่ายังสูงกว่ามากเหลือเกิน
จากการศึกษาของ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ พบว่าชาวบราซิวมีรายได้ต่อหัวต่อปีแค่ไม่เกิน 1 หมื่น ยูเอส ดอลเล่อร์ส ในขณะที่ชาวกาตาร์มีรายได้สูงกว่าถึง 10 เท่า ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยว่า ทำไมชาวบราซิวจึงออกมาประท้วงกันเต็มบ้านเต็มเมืองเมื่อรัฐบาลนำเงินของพวกเขาไปล้างผลาญกับฟุตบอลโลกโดยที่พวกเขาไม่เห็นจะได้ประโยชน์อะไรเลย
คำถามเกิดขึ้นว่า เงินลงทุนจำนวนมากมายไร้สติขนาดนั้น คนกาตาร์ไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านเลยหรือไร คำตอบก็คือ กาตาร์ ใช้วิธีที่แยบคาย ไม่ได้ผลีผลาม และระมัดระวังความรู้สึกของประชาชนเป็นอย่างดี แม้รู้ว่าจะต้องใส่เงินลงไปโดยไม่ต้องคำนึงว่าเท่าไร คณะกรรมการจัดการแข่งขันก็ไม่ได้เปิดเผยตัวเลขที่แท้จริงต่อสาธารณะ เพราะไม่ต้องการให้ผู้คนตื่นตระหนกและเกิดความรู้สึกต่อต้านกับสิ่งที่ไม่ใช่กีฬายอดฮิตของคนกาตาร์ด้วยซ้ำ
ทั้งนี้ ก็เพราะ กาตาร์ จำเป็นต้องเตรียมตัวตั้งรับการหมดสิ้นไปของ น้ำมัน ที่เริ่มขุดพบตั้งแต่ปี 1940 และกลายเป็นที่มาของความมั่งคั่งตั้งแต่นั้นมา ซึ่งพวกเขาคงไม่ได้อยากกลับไปทำประมงหรือเลี้ยงหอยมุกอย่างที่เคยทำมาก่อนค้นพบน้ำมันอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่ กาตาร์ ใช้รับมือเพื่อทดแทน น้ำมัน ก็คือ การท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม การสร้าง กาตาร์ ให้เป็นจุดหมายปลายทางดึงดูดนักท่องเที่ยวนั้นก็ใช่ว่าจะเป็นงานง่าย เพราะยังมี สหรัฐอาหรับเอมิเรทส์ เป็นคู่แข่งสำคัญ ซึ่ง กาตาร์ เองก็ต้องพยายามดึงแฟนบอลเข้ามาชมการแข่งขันฟุตบอลโลกที่ตนเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในปี 2022 ให้ได้ตามเป้าคือ 4 แสนคน และในปีนั้นพวกเขาตั้งเป้ากวาดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศถึง 4 ล้านคน นั่นคิดเป็น 2 เท่าของจำนวนประชากรทีเดียว
ชาวโลกเริ่มรู้จัก กาตาร์ แล้ว ตั้งแต่ที่ Qatar Investment Authority เข้ามาซื้อหุ้นของสโมสรฟุตบอล ปารี แซ็ง แชรแม็ง (Paris Saint-Germain Football Club - PSG) 70 เพอร์เซ็นท์ ตั้งแต่ปี 2011 และในปีต่อมาก็กวาดซื้อหุ้นที่เหลือจนบัดนี้กลายเป็นเจ้าของทีมแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งทำให้ PSG กลายเป็นสโมสรฟุตบอลที่มั่งคั่งที่สุดในประเทศฝรั่งเศส และเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่มั่งคั่งที่สุดในโลก
ก้าวต่อไปในการสร้าง กาตาร์ ให้เป็นจุดหมายปลายทางของชาวโลกในด้านการท่องเที่ยวก็คือ การสร้างสาธารณูปโภค ทั้งถนน รถไฟใต้ดิน และสนามบิน ซึ่งมีการคำนวณออกมาเป็นเงินลงทุนประมาณ 1.4 แสนล้าน ยูเอส ดอลเล่อร์ ส่วนโรงแรมที่พักนับ 100 แห่งเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวนั้นก็มีการเตรียมเงินงบประมาณอีกราว 2 หมื่นล้าน ยูเอส ดอลเล่อร์ส ฟุตบอลโลก มันเป็นเพียงการจุดระเบิดให้คนหันมามอง กาตาร์ เท่านั้น เพราะที่เขายอมใส่เงินลงไปขนาดนี้ มันคือการลงทุนสร้างประเทศให้มีชีวิตยืนยาวต่อไปนั่นเอง
