การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ยืนยันชัดเจนว่าข้อบังคับของแต่ละสมาคมกีฬา ถือเป็นกฎหมาย 100 เปอร์เซ็นต์ พร้อมเตรียมแปลข้อบังคับของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ยื่นต่อสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟา เพื่อชี้แจงและทำความเข้าใจร่วมกันถึงบทบาทหน้าที่ของหน่วยงาน ว่าไม่ได้เป็นผู้เข้ามาแทรกแซงแต่อย่างใด
นายสมพร ไชยสงคราม ผู้อำนวยการกองนิติการ สำนักผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ยืนยันว่าข้อบังคับของแต่ละสมาคมกีฬานั้นถือเป็นกฎหมายแน่นอน “กฎหมายในประเทศไทยแบ่งออกเป็นหัวข้อใหญ่คือ 1.รัฐธรรมนูญ 2.ประมวลกฎหมาย และพระราชบัญญัติต่างๆ และ 3.กฎหมายลูก เช่น ข้อบังคับของกระทรวงและสมาคมต่างๆ ซึ่งข้อบังคับของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย นั้นอยู่ในข้อที่ 3 หรือเรียกกันว่ากฎหมายรอง และถือเป็นกฎหมาย 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะเป็นการอาศัยอำนาจตามข้อบังคับของ กกท.”
พร้อมกันนี้ นายสมพร ได้เผยต่อว่าเตรียมยื่นหนังสือถึง ฟีฟา ในเร็ววันนี้ “ขณะนี้ทาง กกท.ได้กำลังเรียบเรียงและแปลข้อบังคับของสมาคมฟุตบอลฯ และ พ.ร.บ.การกีฬาแห่งประเทศไทย เพื่อชี้แจงให้ฟีฟาเข้าใจว่า กกท.คืออะไร มีบทบาทหน้าที่หน้าที่อย่างไร และไม่ให้เป็นการเข้าใจผิดว่าเป็นปาร์ตีที่ 3 เพราะทาง กกท.ให้อิสระกับทุกสมาคมฯ เพียงแต่ว่าต้องดูแลให้ทุกสมาคมเคารพตามกฎหมายของไทยที่มีอยู่ คล้ายๆกับกรณีที่เคยชี้แจงเรื่องปัญหาความวุ่นวายของสมาคมมวยฯและว่ายน้ำต่อ สหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ (ไอบา) และ สหพันธ์บาสเกตบอลนานาชาติ (ฟีบา) ซึ่งหลังจากทำความเข้าใจกันแล้วทั้งคู่ก็แฮปปี เพราะแต่ละประเทศกฎหมายบางข้อไม่ตรงกัน”
“ส่วนการที่สมาคมฟุตบอลฯเตรียมทำการเลือกตั้งนายกสมาคมฯวาระใหม่นั้น ขั้นแรกทาง กกท.จะทำเรื่องแจ้งต่อทางสมาคมให้ปฏิบัติตามข้อบังคับ หากไม่ดำเนินการก็จะส่งเรื่องให้บอร์ดพิจารณา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทาง กกท.หวังว่าปัญหาทุกอย่างจะคลี่คลายไปในทางที่ดี เพราะต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อประเทศชาติให้มากที่สุด”