“บังยี” วรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย 3 สมัย ออกอากาศสดทางช่อง 3 ชี้แจงว่าทุกอย่างที่ตนทำนั้นเป็นไปตามที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟา กำหนด
เมื่อช่วงเย็นวันที่ 25 มิถุนายน ที่ผ่านมา นายวรวีร์ มะกูดี รักษาการนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นายวีระ คำมี ฝ่ายกฎหมายของสมาคมฟุตบอล และ ไพฑูร ชุติมากรกุล นายกสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย ตบเท้าเข้าชี้แจงเรื่องกรณีข้อพิพาทการเลือกตั้งประมุขบอลไทย ในรายการเรื่องเจาะข่าวเด่น ทางช่อง 3
โดย นายวรวีร์ ได้ตอบคำถามถึงอำนาจการบริหารงานในสมาคมฟุตบอลฯของตนเองว่ายังมีอยู่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ นายวิรัช ชาญพานิชย์ ผู้ท้าชิงตำแหน่งนายกบอลไทย ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวว่า “บังยี” นั้นหมดอำนาจไปแล้ว “ตามข้อบังคับของสมาคมฟุตบอลฯและประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ระบุไว้ชัดเจนว่าสภากรรมการของสมาคมฯมีอำนาจในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้จนกว่าจะมีสภาฯชุดใหม่เข้ามา”
พร้อมกันนี้ “บังยี” ยังชี้แจงในเรื่องธรรมนูญข้อบังคับฉบับใหม่ของสมาคมฯที่ตนเองพยายามผลักดันอีกว่าเป็นไปตามลูกหนังโลกกำหนด “ฟีฟายื่นจดหมายมาโดยกำหนดชัดเจนว่าเราจะต้องเปลี่ยนแปลงธรรมนูญให้เป็นฉบับใหม่ก่อนที่จะจัดการเลือกตั้ง โดยเราได้เตรียมตั้งคณะกรรมการเพื่อจัดการเลือกกตั้งโดยเฉพาะไว้แล้ว โดยมี นายเรวัต ฉ่ำเฉลิม อดีตอัยการสูงสุด เป็นประธาน พร้อมด้วยรองประธาน และกรรมการอีก 3 คน”
“ส่วนเรื่อง 72 เสียง ผมยืนยันว่าทางฟีฟาได้เข้ามาศึกษารายละเอียดต่างๆ ในลีกบ้านเราและเป็นคนกำหนดโครงสร้างทั้งหมดออกมา ไม่ใช่ว่าผมเป็นคนเสนอไปเอง และเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นการตัดสิทธิ์แต่อย่างใด เพราะฟีฟาต้องการให้สโมสรที่มีส่วนได้ส่วนเสียมากที่สุดมีอำนาจในการลงคะแนน ส่วนสโมสรเล็กก็ให้ใช้วิธีเป็นตัวแทนเข้ามา”
“และในส่วนของลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2 ที่จะมีสิทธิ์ลงคะแนน 30 เสียง จากทั้งหมด 84 เสียง โดยใช้วิธีคัดเลือกภูมิภาคละ 5 ทีม จาก 6 ภาค นั้นก็เป็นไปตามที่ฟีฟากำหนด เพราะฟีฟามองเห็นว่าทีมเหล่านั้นยังเป็นกึ่งอาชีพอยู่ ซึ่งแท้จริงแล้วตัวผมต้องการให้สิทธิ์กับทุกทีมในดิวิชัน 2 ด้วยซ้ำ เพราะทุกทีมสามารถเป็นตัวแทนได้” ฟีฟายีกล่าว
