พินิจ งามพริ้ง 1 ใน แคนดิเดตท้าชิงเก้าอี้นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ส่งหนังสือยื่นอุทธรณ์ต่อ เซปป์ แบล็ตเตอร์ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟา เพื่อชี้แจงกรณีความวุ่นวายเกี่ยวกับการเลือกตั้งประมุขบอลไทย
หลังจากที่ ฟีฟา มีหนังสือแจ้งมาที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ให้สะสางเรื่องกรณีฟ้องร้องศาลของสโมสรพัทยา เอฟซี ภายในวันที่ 24 มิถุนายน นี้ ไม่เช่นนั้นอาจส่งเรื่องเข้าที่ประชุมใหญ่โดยเร็วและอาจมีบทลงโทษกลับมาที่ประเทศไทยได้ โดยล่าสุด พินิจ งามพริ้ง อดีตประธานกลุ่มเชียร์ไทย พาวเวอร์ ได้ร่อนหนังสือต่อ เซปป์ แบล็ตเตอร์ ประธานลูกหนังโลก เพื่อชี้แจงเรื่องราวต่างๆ โดยมีใจความดังต่อไปนี้
เรียนท่านที่เคารพ อ้างถึงจดหมายของฟีฟาที่ส่งถึงโดยโทรสารมายังสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ลงวันที่ 17 มิถุนายน 2013 มีใจความสรุปได้ว่า ฟีฟาขอให้สมาคมฟุตบอลฯ แก้ปัญหาประเด็นที่เกี่ยวกับธรรมนูญใหม่และการเลือกตั้งก่อนวันที่ 24 มิถุนายน 2013 มิเช่นนั้น จะมีการรายงานไปที่คณะกรรมการฉุกเฉิน เพื่อที่จะนามาตรการที่เหมาะสมมาใช้กับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ซึ่งอาจรวมถึงการถอนจากสมาชิกภาพโดยทันที
ข้าพเจ้าในฐานะผู้หนึ่งที่สมัครลงเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในครั้งต่อไป และเป็นตัวแทนคนหนึ่งของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder) ของวงการฟุตบอลในเมืองไทย ข้าพเจ้าใครที่จะอุทธรณ์ต่อท่านในฐานะที่เป็นผู้นาสูงสุด เพื่อให้ท่านกรุณาทบทวนการตัดสินใจที่แสดงไว้ในจดหมายฉบับดังกล่าว ทั้งนี้เนื่องมาจากเหตุผล 3 ประการ
1.ที่ผ่านมา ยังไม่ได้การถกเถียงหาข้อสรุปในหมู่ผู้มีส่วนได้เสีย เกี่ยวกับสาระสาคัญในร่างธรรมนูญดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับผู้มีสิทธิ์ในการลงคะแนน ความจริงก็คือ ที่ประชุมใหญ่ของสมาคมฟุตบอลฯเพิ่งตกลงที่จะให้มีการศึกษาร่างธรรมนูญฉบับใหม่ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2013 โดยสำเนาได้ถูกแจกจ่ายให้กับสมาชิกที่ร่วมประชุมในวันนั้น และไม่ได้เปิดให้สาธารณะเข้าถึง แม้แต่บนเว็บไซต์ของสมาคมฟุตบอล
สังคมฟุตบอลไทยเข้าใจดีว่า ฟีฟาแนะนำธรรมนูญมาตรฐานมาตั้งแต่ปี 2004 ด้วยวัตถุประสงค์ต้องการให้เกิดธรรมาภิบาลและความโปร่งใสในหมู่สมาคมฟุตบอลที่เป็นสมาชิกของฟีฟา อย่างไรก็ตาม นับจากนั้นมา ไม่ได้มีการจัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ ทั้งโดยฟีฟาและสมาคมฟุตบอลไทย ทั้งยังไม่ได้เปิดให้มีส่วนร่วมจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในวงการฟุตบอลเลย
2.วันที่เดิมกำหนดให้มีการลงมติผ่านร่างธรรมนูญใหม่ดังกล่าว (15 มิถุนายน 2013) ใกล้เกินไปกับวันที่วาระของนายกสมาคมฯ คนปัจจุบันจะหมดลง (16 มิถุนายน 2013) วันที่หมดอายุดังกล่าวก็อยู่ภายใต้ธรรมนูญปัจจุบัน ซึ่งก็ถือว่าได้รับการรับรองจากฟีฟา และการกีฬาแห่งประเทศไทย มาแล้วเช่นกัน เพราะบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2003
3.วงการฟุตบอลไทยโดยรวม รวมถึงตัวข้าพเจ้า ต่างเห็นด้วยในหลักการส่วนใหญ่ของร่างธรรมนูญดังกล่าว หากแต่ในมาตราที่ 21 ซึ่งเกี่ยวกับจำนวนและที่มาของสมาชิกมีสิทธิ์ลงคะแนนยังคงเป็นคำถาม ไม่ใช่กับเพียงข้าพเจ้า แต่กับครอบครัวฟุตบอลโดยรวม
ข้าพเจ้าเห็นว่า ควรมีการเปิดให้ถกเถียงและฟังความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าว การที่จะมีการนำมาใช้ ซึ่งก่อนที่จะทำอย่างนั้นได้ เราจำเป็นต้องมีการเลือกตั้งภายใต้ธรรมนูญฉบับเดิม ก่อนวันที่ 15 กรกฎาคม 2013 นายกสมาคมเฉพาะกาลนี้ จะทาหน้าที่ใกล้ชิดกับฟีฟาเพื่อร่างธรรมนูญใหม่ ที่มีความยุติธรรมและได้รับการยอมรับมากขึ้น โดยยึดเอาธรรมนูญมาตรฐานของฟีฟาซึ่งสามารถเข้าถึงได้บนเว็บไซต์ทาการของฟีฟา การประกาศใช้ธรรมนูญใหม่สามารถทาให้เสร็จภายใน 31 กรกฎาคม 2013 ในเวลาที่ธรรมมนูญใหม่ของฟีฟาถูกบังคับใช้
หลังจากการนำธรรมนูญใหม่ของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยมาใช้แล้ว นายกสมาคมเฉพาะกาลนี้ ก็ลาออก และจัดให้มีการเลือกตั้งภายใต้ธรรมนูญใหม่ ทั้งนี้ไม่เกิน 30 กันยายน 2013 เพื่อให้สอดคล้องกับการตัดสินใจไปแล้วของคณะกรรมการด้านสมาคมฟุตบอลของฟีฟา
ข้าพเจ้ามีความเชื่อมั่นศรัทธาว่า คำอุทธรณ์ของข้าพเจ้าจะไม่ถูกมองข้าม เพราะเป็นก้าวสำคัญที่จะสร้างให้เกิดมาตรฐานแห่งความโปร่งใส ยุติธรรม และธรรมาภิบาล ในวงการฟุตบอลของโลก ขอขอบคุณ (ด้วยความเคารพ พินิจ งามพริ้ง ผู้สมัครนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย)