ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ปาร์ค อินบี สาวจากแดนโสมออกสตาร์ทปี 2013 ด้วยฟอร์มที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ประกาศเทิร์นโปรเป็นนักกอล์ฟอาชีพ ตอกย้ำการเป็นเจ้าของบัลลังก์มือ 1 โลกฝ่ายหญิงด้วยการซิวแชมป์เมเจอร์ 2 รายการติด “คราฟท์ นาบิสโก แชมเปียนชิป” และ “เวกแมนส์ แอลพีจีเอ แชมเปียนชิป” เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สร้างชื่อสู่ยุคทองวงการสวิงเกาหลีอีกครั้งหลังจากที่หมดยุค ปัก เซ-รี ยอดนักกอล์ฟฮอลออฟเฟม รุ่นพี่ที่บุกเบิกเข้ามาเล่นในทัวร์นี้ตั้งแต่ปี 1998
ก้านเหล็กสาวร่างท้วมเติบโตจากกรุงโซลและเริ่มต้นหัดกอล์ฟครั้งแรกในวัย 10 ปี ซึ่งบังเอิญเป็นปีเดียวกับ ปัก เซ-รี คว้าการ์ดทัวร์ของแอลพีจีเอพอดิบพอดี จากนั้น อินบี ย้ายมาอยู่ที่สหรัฐฯ และคว้าแชมป์ในรายการของสมาคมกอล์ฟเยาวชนของมะกันได้ 9 รายการ ก่อนจะเริ่มไต่เต้าได้ร่วมแข่งรายการเมเจอร์ “คราฟท์ นาบิสโก แชมเปียนชิป” ตั้งแต่สมัยยังเป็นอเมเจอร์เมื่อปี 2004 และประกาศเทิร์นโปรในปี 2006
ซีซันถัดมา อินบี ได้การ์ดทัวร์เข้ามาร่วมโชว์ฝีมือในเวทีแอลพีจีเอทันที และเปิดตัวดังเป็นพลุแตกกับผลงานซิวแชมป์เมเจอร์ “ยูเอส วีเมนส์ โอเพน 2008” มาครองด้วยวัย 20 ปี โดยช่วงเวลา 5 ปี จากนั้นสวิงสาววัย 24 ปี ฟอร์มตกอย่างน่าใจหาย ทว่าไม่ทิ้งความพยายามมุ่งมั่นเก็บเกี่ยวประสบการณ์และพัฒนาฝีมือขึ้นมาอย่างเงียบๆ จนเข้ามาเกาะในมือท็อป 10 ของโลกได้สำเร็จ และปี 2013 นี้เองที่เธอประกาศความยิ่งใหญ่คว้า 4 แชมป์จากการลงแข่ง 11 ทัวร์นาเมนต์ทั้งที่เพิ่งผ่านไปแค่ครึ่งซีซันเท่านั้น
“ฉันเล่นไม่ดีเลยหลังจากเป็นแชมป์ยูเอส โอเพน ปี 2008 และพยายามมองหาสถานที่ที่ทำให้ฉันกลับมาเล่นได้ดีอีกครั้ง การเล่นในญี่ปุ่นทำให้มีความมั่นใจมากขึ้น แต่ฉันไม่เคยยอมแพ้และหันหลังให้แอลพีจีเอเลย ฉันแค่ต้องการเรียกความมั่นใจให้ได้”
ล่าสุดกับ “เวกแมนส์ แอลพีจีเอ แชมเปียนชิป” ที่ต้องลุ้นเหนื่อยแบบมาราธอนจนถึงรอบเพลย์ออฟ เธอมีสกอร์รวม 5 อันเดอร์พาร์ เท่ากับ คาทริโอนา แม็ทธิว จากสกอตแลนด์และเป็นฝ่ายชนะไปในหลุมที่ 3 คว้าโทรฟีระดับเมเจอร์ใบที่ 3 ในการแข่งขันกอล์ฟอาชีพไปครอง พร้อมทำสถิติเป็นโปรกอล์ฟรายที่ 3 ที่คว้าแชมป์เมเจอร์ 2 ใบแรกของปีติดต่อกันต่อจาก แพท แบรดลีย์ โปรชาวมะกันเมื่อปี 1986 และ แอนนิกา โซเรนสตัม สวิงชาวสวีดิชเมื่อปี 2005 หลังเพิ่งยึดแชมป์ “คราฟท์ นาบิสโก แชมเปียนชิป” เมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา
โดย ปาร์ค ที่แย่งมือ 1 โลกมาจาก สเตซี ลูอิส สวิงสาวเมืองลุงแซมเมื่อเดือนเมษายนปีนี้ชี้ว่า เธอโชคดีมากที่ยังได้เล่นเพลย์ออฟ เพราะผลงานไม่ดีในช่วง 5 หลุมสุดท้าย “ความจริงฉันคิดว่าฉันโชคดีนิดหน่อยจนได้มาถึงในรอบนี้ เพราะฉันตีหลุดฟอร์มมากๆ และมันแทบไม่ได้อยู่ในแฟร์เวย์ด้วย แต่สุดท้ายมันจบได้สวยด้วยการชนะเพลย์ออฟ”
นอกจากนั้น โปรจากแดนกิมจิ ยอมรับว่าในช่วงที่ฟอร์มตก เธอยึดเอา ปัก เซ-รี เป็นแรงบันดาลใจก่อนที่จะเหวี่ยงกลับมาสู่จุดสูงสุดได้สำเร็จในปัจจุบัน โดยเล่าถึงเหตุการณ์ในวัยเด็กว่า “9 ปีก่อน ฉันอยากจะเป็นนักกอล์ฟที่ประสบความสำเร็จเหมือนกับรุ่นพี่ เคยลุกมาเปิดโทรทัศน์ดูการแข่งขันแอลพีจีเอ ตอนตี 2 เพื่อเฝ้าหน้าจอและดูการเล่น ปัก เซ รี เล่น ฉันเอาเธอเป็นแรงบันดาลใจก่อนย้ายไปอยู่ที่ฟลอริดา สหรัฐฯ และค่อยๆ เก็บประสบการณ์ต่างๆ จนถึงตอนนี้”
สำหรับช่วงเวลาต่อจากนี้ ปาร์ค ที่กำลังฟอร์มติดลมบนแถมมีคะแนนเฉลี่ยสะสมในเวิลด์แรงกิงทิ้งห่าง สเตซีย์ ลูอิส ในอันดับ 2 ถึง 2.62 คะแนน สามารถเดินหน้าไล่ล่าแชมป์เมเจอร์อีก 3 รายการที่เหลือของปีนี้ด้วยความสบายใจ ไล่ตั้งแต่ “ยูเอส วีเมนส์ โอเพน” ที่เมืองลุงแซม ระหว่างวันที่ 27-30 มิถุนายน, “วีเมนส์ บริติช โอเพน” ที่แดนวิสกี วันที่ 1-4 สิงหาคม และรายการ “ดิ เอเวียง แชมเปียนชิป” ที่ฝรั่งเศส วันที่ 12-15 กันยายนนี้
เรื่องโดย : ปภังกรณ์ นิลวรกุล
