คอลัมน์ “Final Quarter” โดย “ลุงแซม”
ในขณะที่ ไมอามี ฮีต ยังกระเสือกกระสนไม่รู้ว่าจะฝ่าด่าน อินเดียนา เพเซอร์ส ได้หรือไม่ เพื่อเข้ามาลุ้นป้องกันแชมป์ศึกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) ทางด้าน ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส ประกาศศักดาเป็นตัวแทนฝั่งตะวันตก ไปยืนรอกระชาก “แลร์รี โอไบรอัน โทรฟี” สมัยที่ 5 มาครอบครอง ถ้าเปรียบเป็นมวยก็เอาชนะคะแนน เมมฟิส กริซลีย์ส แบบเอกฉันท์ ชนิดที่ว่า “พญาหมี” หลังพิงเชือกหนีหัวซุกหัวซุนกันเลยทีเดียว
นอกจากเป็นการล้างแค้น “กริซซ์” ที่ทำให้ตกรอบแรกเมื่อสองปีก่อน นี่ถือเป็นการคืนสู่รอบชิงใหญ่ NBA ครั้งแรกของสเปอร์ส นับตั้งแต่ฤดูกาล 2006/07 ครั้งต้อนตือ คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส 4-0 เกม จับพลัดจับผลูเกิดได้เจอกันอีกครั้งในเดือนมิถุนายนนี้ เลอบรอน เจมส์ ที่ตอนนี้เปลี่ยนสีเสื้อมาเป็น “ฮีต” พร้อมถอนแค้น “บิ๊กทรี” ทิม ดันแคน, โทนี พาร์เกอร์ และ มานู จิโนบิลี แบบทบต้นทบดอกแน่นอน ซึ่งก็เชื่อเหลือเกินว่าคอยัดห่วงหลายท่านคงอยากเห็นการเผชิญหน้ากันระหว่าง “บิ๊กทรี” ยุคบุกเบิก กับ “บิ๊กทรี” ที่ว่ากันว่าเก่งสุด ณ ปัจจุบัน
สำหรับ สเปอร์ส นับแต่สิ้นยุค “หอคอยคู่” เดวิด โรบินสัน เจ้าของฉายา “ท่านนายพล” ประสานงาน ดันแคน เถลิงแชมป์สมัยแรกเมื่อปี 1999 ตอนนั้น “คิงเจมส์” กับ “อวตาร” (คริส บอช) เพิ่งอายุเพียง 14 ขวบ ขณะที่ ดีเวย์น เหว็ด ในวัย 17 ปี ยังสูงแค่ 5 ฟุต 8 นิ้ว มาถึงวันนี้ สามประสาน ฮีต กำลังสุกงอมเต็มที่ ขณะที่ ดันแคน ซึ่งเพิ่งร้างลากับภรรยาที่ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมานานนับทศวรรษ เข้าสู่ช่วงปลายอาชีพอย่างแท้จริง ไม่แน่เหมือนกันหลังจบรอบไฟนอลส์ปีนี้ สังหรณ์ใจว่าตำแหน่งแชมป์ 5 สมัย บวกรางวัล “ผู้เล่นทรงคุณค่า” (MVP) รอบชิงที่อาจได้รับเกียรติเพิ่มเป็น 4 สมัย ส่อทำให้พาวเวอร์ ฟอร์เวิร์ด จอมเก๋าในวัย 37 ปี เลือกปิดฉากอาชีพการเล่น 16 ฤดูกาลอย่างสวยหรู แม้มีสัญญาอีกหนึ่งปีก็ตาม เพื่อไปให้เวลากับลูกๆ รอเพียงถูกบรรจุชื่อเข้าหอเกียรติยศอย่างเต็มภาคภูมิ
โดยรอบชิงหนนี้ สเปอร์ส มีแรงผลักมหาศาล พาร์เกอร์ การ์ดคู่ใจที่ร่วมหอลงแรงร่วมกันมาตั้งแต่ปี 2001 สัญญาว่าจะพา ดันแคน พี่ชายที่เคารพเข้าสู่รอบชิงอีกสมัยและเป็นแชมป์ให้ได้ หลังจากเมื่อฤดูกาลก่อนโดน โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์ ตีกรรเชียงแซงจากเป็นรอง 0-2 เข้าเส้นชัยหน้าตาเฉย ขณะที่ จิโนบิลี ที่มาจอยทีมเมื่อปี 2002 ต้องใส่เกินร้อยแน่นอน เพื่อแชมป์สมัยที่ 4 ของตน ก่อนเป็นฟรีเอเยนต์และคงอำลา NBA ซัมเมอร์นี้เลย
ซึ่งไม่ว่าจะเจอคู่แข่งหน้าไหน สเปอร์ส ไม่เป็นรองอย่างแน่นอน ประเด็นที่ว่าทีมนี้แก่เกินแกงแล้วหรือไม่ ผลงานฤดูกาลนี้มันก็ฟ้องชัด นี่ถ้าไม่ผ่อนไปช่วงหนึ่ง “โอเคซี” คงไม่สามารถแซงพวกเขายึดหาดอันดับ 1 เวสต์เทิร์น คอนเฟอเรนซ์ เรื่องนี้ต้องให้เครดิต เกร็ก โพโพวิช เฮดโค้ชที่ถือว่าครบเครื่องมากที่สุดในลีก ณ ปัจจุบัน และเมื่อเข้าสู่โพสต์ซีซัน สเปอร์ส ผุดสัญชาตญาณ “นักฆ่า” ดับซ่า “นักรบ” โกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส กำราบ แอลเอ เลเกอร์ส กับ กริซซ์ แบบเกมศูนย์ ชนิดไม่ต้องไปยื้อให้เสียเวลา สู้เอาเวลามาถนอมร่างกายผู้เล่นตัวหลักดีกว่า
เรียกได้ว่ากว่ารอบชิงจะเปิดฉากขึ้นวันศุกร์ที่ 7 มิถุนายนนี้ สเปอร์ส มีเวลาพักเกือบ 10 วัน เรื่องที่หลายคนหวาดหวั่นเรื่อง “สนิมเกาะ” คงไม่ใช่ปัญหาสำหรับทีมมากประสบการณ์ที่เข้าเพลย์ออฟมา 16 ซีซันติดต่อกัน ส่วนใครที่คิดว่าทีมดังแห่งเทกซัส ต้องมาตั้งไข่กันใหม่หรือไม่ หากไร้ซึ่ง ดันแคน และ จิโนบิลี เรื่องนี้ก็ไม่น่ากังวล ในเมื่อแฟรนไชส์ยังเหลือ พาร์เกอร์ เป็นกระดูกสันหลัง แถมยังได้รับความช่วยเหลือจาก คาไว เลียวนาร์ด ที่พร้อมขึ้นมาเติมเต็ม ทั้งนี้ด้วยระบบ “เพดานเงินเดือน” สเปอร์ส มีพื้นที่เหลือเฟือให้ อาร์.ซี.บูฟอร์ด ผู้จัดการทั่วไปได้ปรึกษากับ “โค้ชพ็อพ” ว่าจะเสริมแต่งทัพกันอย่างไร ในเมื่อนี่เป็นทีมที่มีระบบดีอยู่แล้ว เติมจิ๊กซอว์มากวนให้กลมกลืน เพียงเท่านี้ก็จะยังแซ่บเว่อร์และคงไม่ผิดเพี้ยนไปจากรสชาดเดิมอย่างแน่นอน
ในขณะที่ ไมอามี ฮีต ยังกระเสือกกระสนไม่รู้ว่าจะฝ่าด่าน อินเดียนา เพเซอร์ส ได้หรือไม่ เพื่อเข้ามาลุ้นป้องกันแชมป์ศึกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) ทางด้าน ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส ประกาศศักดาเป็นตัวแทนฝั่งตะวันตก ไปยืนรอกระชาก “แลร์รี โอไบรอัน โทรฟี” สมัยที่ 5 มาครอบครอง ถ้าเปรียบเป็นมวยก็เอาชนะคะแนน เมมฟิส กริซลีย์ส แบบเอกฉันท์ ชนิดที่ว่า “พญาหมี” หลังพิงเชือกหนีหัวซุกหัวซุนกันเลยทีเดียว
นอกจากเป็นการล้างแค้น “กริซซ์” ที่ทำให้ตกรอบแรกเมื่อสองปีก่อน นี่ถือเป็นการคืนสู่รอบชิงใหญ่ NBA ครั้งแรกของสเปอร์ส นับตั้งแต่ฤดูกาล 2006/07 ครั้งต้อนตือ คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส 4-0 เกม จับพลัดจับผลูเกิดได้เจอกันอีกครั้งในเดือนมิถุนายนนี้ เลอบรอน เจมส์ ที่ตอนนี้เปลี่ยนสีเสื้อมาเป็น “ฮีต” พร้อมถอนแค้น “บิ๊กทรี” ทิม ดันแคน, โทนี พาร์เกอร์ และ มานู จิโนบิลี แบบทบต้นทบดอกแน่นอน ซึ่งก็เชื่อเหลือเกินว่าคอยัดห่วงหลายท่านคงอยากเห็นการเผชิญหน้ากันระหว่าง “บิ๊กทรี” ยุคบุกเบิก กับ “บิ๊กทรี” ที่ว่ากันว่าเก่งสุด ณ ปัจจุบัน
สำหรับ สเปอร์ส นับแต่สิ้นยุค “หอคอยคู่” เดวิด โรบินสัน เจ้าของฉายา “ท่านนายพล” ประสานงาน ดันแคน เถลิงแชมป์สมัยแรกเมื่อปี 1999 ตอนนั้น “คิงเจมส์” กับ “อวตาร” (คริส บอช) เพิ่งอายุเพียง 14 ขวบ ขณะที่ ดีเวย์น เหว็ด ในวัย 17 ปี ยังสูงแค่ 5 ฟุต 8 นิ้ว มาถึงวันนี้ สามประสาน ฮีต กำลังสุกงอมเต็มที่ ขณะที่ ดันแคน ซึ่งเพิ่งร้างลากับภรรยาที่ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมานานนับทศวรรษ เข้าสู่ช่วงปลายอาชีพอย่างแท้จริง ไม่แน่เหมือนกันหลังจบรอบไฟนอลส์ปีนี้ สังหรณ์ใจว่าตำแหน่งแชมป์ 5 สมัย บวกรางวัล “ผู้เล่นทรงคุณค่า” (MVP) รอบชิงที่อาจได้รับเกียรติเพิ่มเป็น 4 สมัย ส่อทำให้พาวเวอร์ ฟอร์เวิร์ด จอมเก๋าในวัย 37 ปี เลือกปิดฉากอาชีพการเล่น 16 ฤดูกาลอย่างสวยหรู แม้มีสัญญาอีกหนึ่งปีก็ตาม เพื่อไปให้เวลากับลูกๆ รอเพียงถูกบรรจุชื่อเข้าหอเกียรติยศอย่างเต็มภาคภูมิ
โดยรอบชิงหนนี้ สเปอร์ส มีแรงผลักมหาศาล พาร์เกอร์ การ์ดคู่ใจที่ร่วมหอลงแรงร่วมกันมาตั้งแต่ปี 2001 สัญญาว่าจะพา ดันแคน พี่ชายที่เคารพเข้าสู่รอบชิงอีกสมัยและเป็นแชมป์ให้ได้ หลังจากเมื่อฤดูกาลก่อนโดน โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์ ตีกรรเชียงแซงจากเป็นรอง 0-2 เข้าเส้นชัยหน้าตาเฉย ขณะที่ จิโนบิลี ที่มาจอยทีมเมื่อปี 2002 ต้องใส่เกินร้อยแน่นอน เพื่อแชมป์สมัยที่ 4 ของตน ก่อนเป็นฟรีเอเยนต์และคงอำลา NBA ซัมเมอร์นี้เลย
ซึ่งไม่ว่าจะเจอคู่แข่งหน้าไหน สเปอร์ส ไม่เป็นรองอย่างแน่นอน ประเด็นที่ว่าทีมนี้แก่เกินแกงแล้วหรือไม่ ผลงานฤดูกาลนี้มันก็ฟ้องชัด นี่ถ้าไม่ผ่อนไปช่วงหนึ่ง “โอเคซี” คงไม่สามารถแซงพวกเขายึดหาดอันดับ 1 เวสต์เทิร์น คอนเฟอเรนซ์ เรื่องนี้ต้องให้เครดิต เกร็ก โพโพวิช เฮดโค้ชที่ถือว่าครบเครื่องมากที่สุดในลีก ณ ปัจจุบัน และเมื่อเข้าสู่โพสต์ซีซัน สเปอร์ส ผุดสัญชาตญาณ “นักฆ่า” ดับซ่า “นักรบ” โกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส กำราบ แอลเอ เลเกอร์ส กับ กริซซ์ แบบเกมศูนย์ ชนิดไม่ต้องไปยื้อให้เสียเวลา สู้เอาเวลามาถนอมร่างกายผู้เล่นตัวหลักดีกว่า
เรียกได้ว่ากว่ารอบชิงจะเปิดฉากขึ้นวันศุกร์ที่ 7 มิถุนายนนี้ สเปอร์ส มีเวลาพักเกือบ 10 วัน เรื่องที่หลายคนหวาดหวั่นเรื่อง “สนิมเกาะ” คงไม่ใช่ปัญหาสำหรับทีมมากประสบการณ์ที่เข้าเพลย์ออฟมา 16 ซีซันติดต่อกัน ส่วนใครที่คิดว่าทีมดังแห่งเทกซัส ต้องมาตั้งไข่กันใหม่หรือไม่ หากไร้ซึ่ง ดันแคน และ จิโนบิลี เรื่องนี้ก็ไม่น่ากังวล ในเมื่อแฟรนไชส์ยังเหลือ พาร์เกอร์ เป็นกระดูกสันหลัง แถมยังได้รับความช่วยเหลือจาก คาไว เลียวนาร์ด ที่พร้อมขึ้นมาเติมเต็ม ทั้งนี้ด้วยระบบ “เพดานเงินเดือน” สเปอร์ส มีพื้นที่เหลือเฟือให้ อาร์.ซี.บูฟอร์ด ผู้จัดการทั่วไปได้ปรึกษากับ “โค้ชพ็อพ” ว่าจะเสริมแต่งทัพกันอย่างไร ในเมื่อนี่เป็นทีมที่มีระบบดีอยู่แล้ว เติมจิ๊กซอว์มากวนให้กลมกลืน เพียงเท่านี้ก็จะยังแซ่บเว่อร์และคงไม่ผิดเพี้ยนไปจากรสชาดเดิมอย่างแน่นอน