ASTV ผู้จัดการรายวัน-แรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่สำหรับ ไมอามี ฮีต ที่ทำสถิติชนะรวด 23 เกมติด หลังบุกเฉือน บอสตัน เซลติกส์ 105-103 เมื่อวันอังคารที่ 19 มีนาคม 2556 ที่ผ่านมา แซงหน้า ฮุสตัน ร็อคเก็ตส์ ยุคที่ เหยา หมิง กับ เทรซี แม็คเกรดี พาต้นสังกัดชนะ 22 เกมรวด ฤดูกาล 2007-08 ขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ชนะยาวนานสุดในประวัติศาสตร์ศึกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) ด้วยความร้อนแรงสมฉายา จึงมีคำถามตามมาว่าทีมใดจะสยบ “แชมป์เก่า” ลงได้ซีซันนี้ (2012-13)
โดย ฮีต ไล่หลังสถิติชนะยาวนานเป็นประวัติการณ์ 33 เกมของ แอลเอ เลเกอร์ส ยุคที่มี วิลท์ แชมเบอร์เลน, เจอร์รี เวสต์ และ เกล กูดริช ประสานงานกันเมื่อฤดูกาล 1971-72 อยู่ 10 เกม ซึ่งเส้นทางข้างหน้าของทีมดังแห่งฟลอริดามีเพียง เกมเยือน ชิคาโก บูลส์ (28 มี.ค.) และบุกถิ่น ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส (1 เม.ย.) ที่ถือเป็นขวากหนามสำคัญสำหรับการโค่นสถิติเลเกอร์ส ถ้าฝ่าไปได้ ลูกทีมของ เอริค สโปเอลสตรา มีสิทธิ์เขียนประวัติศาตร์หน้าใหม่ที่ อเมริกัน แอร์ไลน์ส อารีนา บ้านของตนเองเกมชน มิลวอล์คกี บัคส์ (10 เม.ย.)
แม้สถิติข้างต้นอาจไม่ใช่เป้าหมายหลักของพลพรรคฮีต เนื่องจากภารกิจสำคัญคือการรักษา “แลร์รี โอไบรอัน โทรฟี” ไว้ให้จงได้ ทว่า เลอบรอน เจมส์ ฟอร์เวิร์ดซูเปอร์สตาร์ ก็ยอมรับว่า “มันมีความหมายยิ่ง ผมรู้ว่าประวัติศาสตร์เกิดขึ้นแล้ว เราคือทีมชนะนานสุดอันดับ 2 ของ NBA นี่เป็นแนวทางที่เราต้องการทำ เพราะมันมีความหมายมากจริงๆ”
จากฟอร์มที่คงเส้นคงวาอย่างต่อเนื่องของ “บิ๊กทรี” เลอบรอน, ดีเวย์น เหว็ด และ คริส บอช กอปรกับการมีตัวเสริมชั้นเลิศอย่าง เรย์ อัลเลน เพิ่มเติมเข้ามานอกเหนือจากเดิมที่มี มาริโอ ชาลเมอร์ส, อูโดนิส ฮาสเลม หรือ เชน แบ็ตติเยร์ ทำให้เส้นทางการลุ้นแชมป์ของฮีต เปิดกว้างมากทีเดียว เมื่อส่องกล้องทางฝั่งตะวันออก “กระทิงเปลี่ยว” บูลส์ ยังไม่รู้ว่า เดอร์ริค โรส การ์ดความหวังจะสมบูรณ์ได้ตลอดรอดฝั่งช่วงเพลย์ออฟหรือไม่ เช่นเดียวกับ นิวยอร์ก นิกส์ ที่ดันเจอปัญหา คาร์เมโล แอนโธนี ฟอร์เวิร์ดตัวเก่งเจ็บเข่าเรื้อรัง ทายสัน แชนด์เลอร์ เซ็นเตอร์จอมหนึบก็ปิดเทอมไปแล้ว
จึงเหลือแค่ อินเดียนา เพเซอร์ส ทีมสถิติอันดับ 2 อีสต์เทิร์น คอนเฟอเรนซ์ ที่ขวางลำอยู่ และคงประมาทไม่ได้ เนื่องจากลูกทีมของ แฟรงค์ โวเกล เล่นกันเป็นทีมได้ดี “อีเอสพีเอ็น” (ESPN) สื่อยักษ์ใหญ่แดนมะกันระบุ เพเซอร์ส กระจายการทำแต้มได้ดีระดับหัวแถวลีก ทั้งยังมี รอย ฮิบเบิร์ต เซ็นเตอร์ฝีมือดีปักหลักใต้แป้น ที่สำคัญโดนเจาะเฉลี่ยแค่ 90 แต้มต่อเกม สามารถต่อกรได้สมน้ำสมเนื้อแน่นอน ถึงแม้กูรูทุกสำนักต่างยกให้ ฮีต จ่อเข้าชิงไปแล้วก็ตาม
ข้ามมาที่ฝั่งตะวันตก ซึ่งถือว่ามีการแข่งขันกันสูงยิ่ง อย่างไรก็ดี แอลเอ คลิปเปอร์ส ที่มีดูโอ คริส พอล กับ เบล็ค กริฟฟิน อาจไม่สามารถฟันฝ่าเข้าถึงซีรีส์สุดท้าย เนื่องจากทั้ง ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส และรองแชมป์เก่า โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์ ยืนตระหง่านขว้างทางอยู่ โดยฝ่ายแรก เกร็ก โพโพวิช ได้รับการยกย่องจาก ริค คาร์ไลส์ (โค้ชดัลลัส แมฟเวอร์ริกส์) ว่าเป็นหัวหน้าโค้ชเก่งที่สุดใน NBA ณ ปัจจุบัน อีกทั้งเลือดใหม่ที่สร้างขึ้นมาอย่าง คาไว เลียวนาร์ด หรือ ติอาโก สปลิตเตอร์ เติบโตขึ้นมา สามารถทดแทนยาม “บิ๊กทรี” ทิม ดันแคน, โทนี พาร์เกอร์ และ มานู จิโนบิลี ลงสนามไม่ได้ ด้วยกึ๋นและมันสมองของ โพโพวิช ในการจัดทัพลงสนามอย่างสมดุล จึงไม่น่าแปลกใจว่าเหตุใด สเปอร์ส ถึงยังยืนหยัดเป็นทีมหัวแถวของลีกได้ถึงทุกวันนี้ นี่คือกระดูกขัดมันที่ขวางเส้นทางฝันของ ฮีต อย่างแท้จริง
ทั้งนี้คงมองข้าม ธันเดอร์ ไปไม่ได้เช่นกัน แม้ต้องเสีย “เคราเฟิ้ม” เจมส์ ฮาร์เดน การ์ดตัวสำคัญให้ ฮุสตัน ร็อคเก็ตส์ ในตลาดฟรีเอเยนต์ช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา ทว่า เควิน ดูแรนท์ เปล่งประกายความเป็นซูเปอร์สตาร์แข่งกับ เลอบรอน มาโดยตลอด ปัจจุบันทำคะแนนเฉลี่ยสูงสุดของลีก 28.3 แต้มต่อเกม โดยได้รับความช่วยเหลือจาก รัสเซลล์ เวสต์บรูก การ์ดคู่หู และ “แอร์ คองโก” เซิร์จ อิบากา ซึ่งความหนักหน่วงใต้แป้นมิได้ลดลงเลย ที่สำคัญ “โอเคซี” คือทีมทำแต้มสูงสุดของ NBA (106.7 แต้ม) ถ้ามีโอกาสหลุดเข้าถึงรอบชิงเดือนมิถุนายนนี้ ดูแรนท์ คงไม่ยอมศิโรราบให้ “คิงเจมส์” เพื่อนสนิท เหมือนที่ปราชัยย่อยยับ 1-4 เกม เมื่อซีซันก่อนเป็นแน่