"บิ๊กก๊อง" วิรัช ชาญพานิชย์ 1 ในผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมแถลงนโยบาย "ไปบอลโลกชาตินี้" เน้นจุดเด่นด้านมืออาชีพและโปร่งใส วางเป้าแรกเหรียญทองซีเกมส์ ที่ประเทศพม่า พร้อมท้า "บังยี" วรวีร์ มะกูดี จัดการเลือกตั้งในวันที่ 15 มิถุนายน นี้เลย
เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โรงแรม โกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน เวลา 13.30 น. นายวิรัช ชาญพานิชย์ อดีตผู้จัดการทีมชาติไทย ในฐานะผู้ท้าชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลฯ พร้อมด้วย นายอดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ อดีตประธานพัฒนาเทคนิคฟุตซอลทีมชาติไทย แถลงนโยบายและจุดยืนการเสนอตัวเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารสมาคมฟุตบอลฯ โดยมีผู้สนใจเข้ามาร่วมงานเป็นจำนวนมาก อาทิ นายวิจิตร เกตุแก้ว อดีตนายกสมาคมฟุตบอลฯ, “บิ๊กหอย” วนัสธนา(ธวัชชัย) สัจจกุล อดีตผู้จัดการทีมชาติไทยยุค "ดรีมทีม" พร้อมบรรดาแข้งในตำนานอย่าง ดุสิต เฉลิมแสน ,ธวัชชัย ดำรงค์อ่องตระกูล ,ธชตะวัน ศรีปาน, นายอรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสรชลบุรี เอฟซี, นายทัดเทพ พิทักษ์พูลสิน ผู้จัดการทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และบรรดาสโมสรสมาชิกหลายสโมสร
โดย นายวิรัช กล่าวถึงการลงสมัครครั้งนี้ว่าต้องการเปลี่ยนแปลงฟุตบอลไทยให้ดีขึ้น "ผมต้องการที่จะนำฟุตบอลไทยกลับมาเป็นเจ้าอาเซียนให้เร็วที่สุด เพื่อเอาหน้าตาของสมาคมฯกลับมา เพราะฉะนั้นเป้าหมายแรกที่ต้องได้คือเหรียญทองซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ที่ประเทศพม่า จากนั้นต่อยอดไปที่เอเชียน คัพ และเมื่อถึงจุดนั้นได้ฟุตบอลโลกก็ไม่ไกลเกินฝัน แต่เราต้องเริ่มด้วยการบริหารงานที่เป็นมืออาชีพมากกว่าปัจจุบัน อย่างแรกเลยต้องให้สโมสรสมาชิกเข้ามามีส่วนร่วมในสภากรรมการของสมาคมฯไม่ใช่ดึงใครที่ไหนเข้ามา และจัดระบบการจัดการใหม่ ต้องมีที่ทำการที่สมศักดิ์ศรี ซึ่งผมได้คุยกับทางการกีฬาแห่งประเทศไทยไว้คร่าวๆแล้ว และถ้าเป็นไปตามแผนหากได้รับตำแหน่งภายใน 3 เดือนจะเห็นการเปลี่ยนแปลง"
"ผมมีหลักคิด 2 ประการ คือ 1.การบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ 2.ความโปร่งใสและยุติธรรม พร้อมด้วยนโยบายและแผนพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ทำได้จริง ประกอบด้วย 5 ประการ ได้แก่ 1.จัดทำศูนย์พัฒนาเทคนิคฟุตบอลไทย 2.พัฒนาและยกระดับการจัดการแข่งขันฟุตบอลในประเทศ 3.จัดสร้างแผนงานพัฒนา ทั้งด้านคลับไลเซนซิง ระบบทะเบียนและสถิติ 4.แผนงานทางด้านการตลาด ประชาสัมพันธ์ 5.พัฒนาองค์ความรู้ด้านฟุตบอล โดยร่วมกับมหาวิทยาลัยต่างๆ" ผู้ท้าชิงประมุขบอลไทยกล่าว
พร้อมกันนี้ "บิ๊กก๊อง" ยังกล่าวถึงการเลือกตั้งครั้งที่จะถึงว่า "ผมรับได้หากเป็น 72 เสียง แต่ต้องมีความชัดเจน ไม่ใช่อ้างมาลอยๆ และผมคิดว่าในวันที่ 15 มิ.ย. นี้ที่จะมีการประชุม ผมมีความเห็นว่า คุณวรวีร์ มะกูดี ควรจะจัดการเลือกตั้งไปเลยดีกว่า เพราะหากได้คะแนนเสียงแค่เกินครึ่งก็ได้เป็นนายกฯต่อเลย แต่ถ้าจะมาแก้ไขข้อบังคับต้องใช้คะแนนเสียง 2 ใน 3 และต้องเสนอหลายฝ่ายจะทำให้ล่าช้า จะทำให้ยืดระยะเวลารักษาการไปอีกนาน และผมกล้าพูดว่าหากผมได้รับตำแหน่งหลังจากนี้ผมจะทำให้ทุกอย่างกลับเข้ามาระบบเดิม จะต้องมีการเลือกตั้งในเดือนม.ค.ตามเดิมแม้ผมจะยังไม่ครบวาระ 2 ปีก็ตาม ส่วนเรื่องผู้ดูแลสิทธิประโยชน์นั้นก็ต้องมาว่ากันอีกทีว่าจะมีส่วนแบ่งอย่างไร เพราะผมยังไม่ทราบเรื่องงบดุลของสมาคม"
ด้าน นายอดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ ที่ถูกว่างตัวเป็นเลขาธิการสมาคมฯ กล่าวว่า "ปัญหาในการจัดการของ สมาคมฟุตบอลฯ ชุดเก่ามีมาอย่างยาวนาน ซึ่งเป็นเหตุให้การพัฒนาวงการฟุตบอลไทยเกิดความไม่ราบรื่น จึงเป็นเรื่องที่ต้องได้รับการสังคายนากันใหม่ทั้งระบบ ต้องเริ่มต้นจากการจัดสรรบุคคลากรที่มีประสิทธิภาพ เข้าใจระบบการทำงานและรักการบริการที่สำคัญอย่างยิ่งคือ การมีความรู้เกี่ยวกับฟุตบอลไทยอย่างแตกฉาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกฎระเบียบการแข่งขัน การจัดการแข่งขัน งานด้านผู้ตัดสิน รวมทั้งการประสานงานกับองค์กรระหว่างประเทศและสื่อมวลชน เข้ามาร่วมงานภายในสำนักงานสมาคมฟุตบอลฯ ซึ่งในส่วนนี้ตนมีทีมงานที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว และคิดว่าตนเองมีดีพอกว่าคนเก่าแน่นอน” นายอดิศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้มีรายงานว่าในการแถลงนโยบายของนายวิรัช ชาญพานิชย์ ครั้งนี้มีสโมสรผู้มีสิทธิ์มาลงชื่อร่วมงานถึง 140 เสียง จากจำนวนเสียงเดิม 184 เสียง
