xs
xsm
sm
md
lg

“2 เสือเยอรมัน” ชิงยุโรป ดอร์ตมุนด์ยวบไร้คีย์แมน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

2 คีย์แมน ริเบรี (ซ้าย) เลวานดอฟสกี (ขวา)
เอเยนซี - บาเยิร์น มิวนิก น่าจะยังไม่ลืมฝันร้ายจากนัดชิง ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ที่ถูก ดิดิเยร์ ดร็อกบา ซัดตีเสมอ 1-1 ก่อนหมดเวลา 2 นาที สุดท้ายจึงเป็นฝ่ายพลิกแพ้จุดโทษ 3-4 วืดแชมป์สมัยที่ 5 ไปอย่างน่าเสียดาย โดยปีนี้สามารถผ่านเข้าสู่รอบชิงได้เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน แต่จะต้องทำศึกสายเลือดกับ โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคมนี้ ณ เวมบลีย์ สเตเดียม วาระฉลองครบรอบ 150 ปี สมาคมฟุตบอลอังกฤษ

หลังปล่อยให้ ดอร์ตมุนด์ ครองความยิ่งใหญ่บนเวที บุนเดสลีกา เยอรมนี ด้วยการคว้าถาดแชมป์มาครอง 2 ฤดูกาลติดต่อกัน ปีนี้ บาเยิร์น สามารถกระชากคืนมาประดับตู้โชว์ถิ่น อัลลิอันซ์ อารีนา โดยหากสามารถถลกหนัง “เสือเหลือง” ได้สำเร็จจะก้าวไปลุ้นทริปเปิลแชมป์ด้วยการพบกับ สตุ๊ตการ์ท ศึก เดเอฟเบ โพคาล นัดชิงชนะเลิศวันเสาร์ที่ 1 มิถุนายนนี้ต่อไป อย่างไรก็ตามในถ้วยยุโรป แม้ว่า “เสือใต้” จะเข้าชิง 3 จาก 4 ปีหลังสุด แต่ 2 ครั้งก่อนหน้านี้อกหักรวดปี 2010 แพ้ อินเตอร์ มิลาน 0-2 และปีที่แล้วแพ้จุดโทษ เชลซี ย้อนไปช่วงปี 1999-2002 ก็เคยเข้าชิงลักษณะนี้มาแล้ว แต่ได้แชมป์มาหนหนึ่งปี 2001 ที่ชนะดวลเป้า บาเลนเซีย 5-4 หลังเสมอกัน 1-1

บาเยิร์น ที่จะใช้บริการ จุ๊ปป์ ไฮย์นเกส จนถึงสิ้นสุดฤดูกาลนี้ก่อนส่งมอบงานต่อให้ เป๊ป กวาร์ดิโอลา มาดีจริงๆ เพราะปราบ ยูเวนตุส รวม 2 นัด 4-0 รอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อด้วยอัดเต็ง 1 บาร์เซโลนา รวม 2 นัด 7-0 ขณะที่ ดอร์ตมุนด์ ก็ใช่ย่อย หลังปีที่แล้วตกรอบแรก แต่กลับไปทำการบ้านมาดีปีนี้ผ่าน “กรุ๊ป ออฟ เดธ” ในฐานะแชมป์กลุ่ม ก่อนย้ำแค้น รีล มาดริด 2 นัด 4-3 รอบตัดเชือก

ฤดูกาลนี้ทั้งคู่เจอกันมาแล้ว 4 ครั้ง บาเยิร์น ทำได้ดีกว่าชัดเจนชนะ 2 นัดศึก เดเอฟเบ ซูเปอร์ คัพ 2-1 และ เดเอฟเบ โพคาล รอบ 8 ทีมสุดท้าย 1-0 ส่วนในลีกเสมอกัน 1-1 ทั้งเหย้าและเยือน ซึ่งการเจอกันในรอบชิงชนะเลิศถ้วยสโมสรยุโรปใบใหญ่สุดครั้งนี้ ถือเป็นหนแรกในประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลเยอรมนีด้วย

มาดูที่ บาเยิร์น ซึ่งถือว่ามีประสบการณ์มากกว่าเป็นแชมป์ 4 สมัยจากการเข้าชิงทั้งหมด 9 ครั้ง แดนกลางปึ้กมาก บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ คุมจังหวะกับ ฆาบี มาร์ติเนซ ปล่อยหน้าที่ให้ อาร์เยน ร็อบเบน, ฟรองค์ ริเบรี และ โทมัส มุลเลอร์ รุกเต็มตัว โดยมี มาริโอ โกเมซ เป็นหน้าเป้า คนที่อันตรายสุดเห็นจะเป็น มุลเลอร์ คอยสอดขึ้นมาจากแถวสองซัดไปแล้ว 8 ประตู รวมถึง ร็อบเบน ปีกดัตช์ที่คว้าแชมป์ลีกกับ 4 ประเทศคือ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน, เชลซี, รีล มาดริด และ “เสือใต้” ถือว่ายกระดับฟอร์มได้ดีทั้งที่ปีก่อนถูก ฟรานซ์ เบ็คเคนเบาเออร์ ตำนาน “อินทรีเหล็ก” จวกว่าเล่นเห็นแก่ตัว

ทางฟาก ดอร์ตมุนด์ ค่อนข้างได้รับคำชมมากเป็นพิเศษภายใต้แนวทางการคุมทัพของ เจอร์เกน คล็อปป์ แต่ที่ผ่านมาเคยได้แชมป์ยุโรปสมัยเดียวคือปี 1997 ที่เอาชนะ ยูเวนตุส 3-1 ตอนนั้นกุนซือเป็น อ็อตต์มาร์ ฮิตซ์เฟลด์ จากนั้นก็เริ่มล้มลุกคลุกคลาน เพราะปัญหาทางด้านการเงินก่อนที่จะกลับมาได้อย่างยิ่งใหญ่

แต่เกมนี้ ดอร์ตมุนด์ หมดสิทธิ์ใช้งานจอมทัพ มาริโอ เกิทเซ ที่กล้ามเนื้อฉีกจากรอบรองชนะเลิศที่ผ่าน รีล มาดริด ซึ่งน่าจะดีสำหรับแฟน “เสือเหลือง” ที่ไม่ต้องเปลืองแรงโห่ เนื่องจากแข้งวัย 20 ปีตกลงสัญญาล่วงหน้าซบ บาเยิร์น ทำให้รูปโฉมแดนกลางของ “เสือเหลือง” เกมนี้อาจจะเป็น อิลคาย กุนโดกัน ยืนคู่กับ สเวน เบนเดอร์ และส่ง เซบาสเตียน เคห์ล ลงมาช่วย ไม่ก็เป็น ยาคุบ บาซีคอฟสกี แต่คนนี้จะถนัดริมเส้นมากกว่า ปีกซ้ายจะเป็นหน้าที่ของ มาร์โก รอยส์ และด้านขวา เควิน กรอสส์คอยต์ซ ตัวเป้า โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ที่ยิงไปแล้ว 10 ประตู มีลุ้นแซง คริสเตียโน โรนัลโด ปีก รีล มาดริด ที่ซัดไป 12 ประตูคว้าดาวซัลโว

นอกจากนี้แดนหลัง มัตส์ ฮุมเมลล์ เจ็บข้อเท้าน่าจะลงไม่ได้ทำให้ตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟ เนเวน ซูโบติช ต้องเปลี่ยนคู่ขามาเป็น เฟลิเป ซานตานา โดยความหวังของ ดอร์ทมุนด์ แน่นอนว่าคงหนีไม่พ้น เลวานดอฟสกี กองหน้าทีมชาติโปแลนด์ ที่ระเบิดฟอร์มซัด 4 ประตูเกมชนะ รีล มาดริด 4-1 รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ที่ ซิกแนล อีดูนา ปาร์ค แต่ดูแล้วเกมนี้ บาเยิร์น ครบเครื่องกว่าจริงๆ น่าจะเบียดชนะไปได้ในเกมที่เปิดหน้าแลกกันอย่างสนุก
วัดกึ๋น 2 กุนซือต่างวัย
ศึกสายเลือดเยอรมันที่สนามอังกฤษ
แดนกลางบี้กันมันหยดแน่
กำลังโหลดความคิดเห็น