เอเยนซี - ศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ดำเนินมาถึงนัดสุดท้ายของฤดูกาล 2012-13 วันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคมนี้ เตะพร้อมกัน 10 คู่ 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ไฮไลต์ที่ต้องจับตามองเหลือเพียงแค่ 2 สนามเพื่อชิงตั๋วใบสุดท้ายศึก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ระหว่าง อาร์เซนอล กับ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 2 สโมสรยักษ์ใหญ่ประจำกรุงลอนดอน
ฤดูกาลนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่รีรอเร่งเข้าป้ายแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 20 เร็วกว่ากำหนดเพียงแค่นัดที่ 34 เท่านั้น ขณะที่ 3 สโมสรชะตาขาดต้องหล่นชั้นก็ได้ครบแล้ว โดยเมื่อวันอังคารที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมาทันทีที่ วีแกน แอธเลติก บุกพ่าย อาร์เซนอล 1-4 ก็ต้องตาม เรดดิง และ ควีนสปาร์ก เรนเจอร์ส ไปเล่น แชมเปียนชิป โชคยังดีที่เหลือ แชมเปียนส์ ลีก ให้ลุ้นกันว่าใครจะคว้าโควตาหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ระหว่าง อาร์เซนอล กับ สเปอร์ส ไม่เช่นนั้นนัดสุดท้ายคงกร่อยแย่
อาร์เซนอล (อันดับ 4 มี 70 แต้มประตูได้บวก 34) ไปเยือน นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด และ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ (อันดับ 5 มี 69 แต้มประตูได้บวก 19) เปิดบ้านรับมือ ซันเดอร์แลนด์ ดังนั้นเงื่อนไข “ไก่เดือยทอง” คือต้องชนะสถานเดียวและแช่งอริร่วมกรุงลอนดอนห้ามคว้า 3 แต้ม ซึ่ง 2 ทีมนี้จะต้องมีใครอกหักไปเล่น ยูโรปา ลีก
แม้ว่า อาร์เซนอล ของกุนซือ อาร์แซน เวนเกอร์ จะต้องออกไปเยือน แต่ด้วยประสบการณ์และความเจนเวทีที่ไปเล่น แชมเปียนส์ ลีก มาแล้ว 15 ปีติดต่อกัน จึงดูเหนือกว่า สเปอร์ส ที่ได้เล่นใน ไวท์ ฮาร์ท เลน โชคดีที่คู่ต่อกรของทั้งสองทีมไม่มีทีมใดทีมหนึ่งลุ้นตกชั้น ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกันขึ้นเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของคู่ต่อสู้ ถึงกระนั้นก็ตามเกมนี้ นิวคาสเซิล และ ซันเดอร์แลนด์ คงจะต้องส่งนักเตะชุดใหญ่ลงสนามเพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาว่าเล่นไม่เต็มที่ภายหลัง
อาร์เซนอล ฟอร์มมักจะแรงช่วงปลายฤดูกาลเมื่อไม่มีลุ้นแชมป์ใดๆ แล้ว โดย 9 นัดหลังสุดไม่แพ้ใครแถมเป็นการชนะถึง 7 นัด ซึ่งถึงแม้ว่าจะได้ตั๋ว แชมเปียนส์ ลีก แต่ก็เสมอตัว เนื่องจากสาวก “เดอะ กันเนอร์ส” ไม่ได้ชื่นชมโทรฟีนับตั้งแต่ เอฟเอ คัพ ปี 2005 นัดนี้อาจไม่มี มิเกล อาร์เตตา กองกลางจอมทัพที่เจ็บน่องจากเกมล่าสุด อาจต้องเข็น แจ็ค วิลเชียร์ ที่ก็ไม่ฟิตเต็มร้อยมาประสานงานแดนกลาง โดยมี ธีโอ วัลค็อตต์ ดาวซัลโวประจำทีม 14 ประตูเป็นตัวป่วน และ ซานติ กาซอร์ลา, ลูคัส โพดอลสกี, อารอน แรมซีย์ และ โทมัส โรซิคกี คอยสลับตำแหน่งกัน
ส่วน สเปอร์ส ณ เวลานี้ถือว่าผลงานเกินคาดภายใต้การคุมทัพของ อังเดร บียาส-โบอาส ที่ถูกปรามาสเมื่อช่วงต้นฤดูกาลทันทีที่มารับตำแหน่ง เนื่องจากล้มเหลวมากับ เชลซี โดย “ไก่เดือยทอง” ถูก อาร์เซนอล บดบังรัศมีจบต่อท้ายอริร่วมเมืองมา 3 ปีติดต่อกัน แต่ทว่าฤดูกาล 2009-10 สามารถคว้าอันดับ 4 ได้ไปเล่น แชมเปียนส์ ลีก และเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายก่อนจะแพ้ รีล มาดริด เกมนี้คีย์แมนก็คือ แกเร็ธ เบล ปีกจรวดที่พิษสงรอบตัวทั้งยิงทั้งจ่าย รวมถึง เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ กองหน้าที่ซัดมาแล้ว 2 เกมติด ซึ่งแข้งทีมชาติโตโกลั่นจะยิงดับฝันทีมเก่าให้ได้
อย่างไรก็ตาม เชลซี อาจจะถูกดึงมามีเอี่ยวด้วย แม้ว่าจะได้ไปเล่นถ้วยสโมสรใบใหญ่สุดของยุโรปแน่นอนแล้ว ถ้าเปิด สแตมฟอร์ด บริดจ์ ทำได้แค่เสมอ เอฟเวอร์ตัน 0-0 และ อาร์เซนอล ชนะด้วยสกอร์ 2-1 จะทำให้ทั้งคู่มี 73 แต้ม ประตูได้บวก 35 ลูก และยิงได้ 73 ประตูเท่ากันทั้งหมด จึงต้องเพลย์ออฟเพื่อหาอันดับ 3 ไปเล่นรอบแบ่งกลุ่มแบบอัตโนมัติ ส่วนอันดับ 4 ไปคัดเลือกแบบเหย้า-เยือน
โดยกฎข้อ ซี14 ของ พรีเมียร์ ลีก ระบุว่า “ถ้าจบฤดูกาลแล้วไม่สามารถตัดสินหาสโมสรที่มีคุณสมบัติตามที่ต้องการ เนื่องจาก 2 สโมสรหรือมากกว่านั้น มีแต้มเท่ากัน, ผลต่างประตูได้-เสียเท่ากัน และประตูยิงได้เท่ากัน จะต้องเพลย์ออฟเพื่อตัดสินบนสนามเป็นกลาง รูปแบบ รวมถึงเวลา และสถานที่ จะถูกกำหนดโดยคณะกรรมการ”
พรีเมียร์ ลีก เตรียมที่จะประชุมฉุกเฉินเกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวันแข่งขันและสนามที่จะเตะ อย่างไรก็ตามคงภาวนาอย่าให้เกิดขึ้นเลย เนื่องจากวันที่ 25 พฤษภาคมนี้ เวมบลีย์ ต้องใช้นัดชิง ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ระหว่าง บาเยิร์น มิวนิก กับ โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ จากนั้นอีก 4 วันให้หลังทีมชาติอังกฤษจะอุ่นเครื่องกับ ไอร์แลนด์