ASTVผู้จัดการรายวัน - ศึกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) เพลย์ออฟ ดำเนินมาถึงรอบ 2 ผ่านเกมแรกกันไป โดยฝั่งตะวันออก “แชมป์เก่า” ไมอามี ฮีต ควงแขน นิวยอร์ก นิกส์ เสียดุลในบ้านอย่างพลิกล็อก ขณะที่ฟากตะวันตก โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์ กับ ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส หืดจับเก็บชัยประเดิม ทั้งนี้ทีมข่าว MGR Spot เชื่อว่าซีรีส์จะขับเคี่ยวกันอย่างสนุกและขอจับเอาสตาร์ 4 คู่ประชันมาดวลกัน ซึ่งนั่นอาจบ่งชี้ต่อชัยชนะ
คาร์เมโล แอนโธนีย์ VS พอล จอร์จ
แม้ผลงานรอบแรกกับ แอตแลนตา ฮอว์คส เกม 6 พอล จอร์จ ทำได้ต่ำกว่ามาตรฐาน มีเพียง 4 แต้ม ทว่าฟอร์เวิร์ดดีกรี “ผู้เล่นพัฒนาฝีมือยอดเยี่ยม” NBA เรียกโมเมนตัมกลับมาได้เร็ว นอกจากทำคนเดียว 19 แต้ม ช่วย อินเดียนา เพเซอร์ส ทุบ นิวยอร์ก นิกส์ ถึงเมดิสัน สแควร์ การ์เดน 102-95 ขึ้นนำ 1-0 เกม จอร์จ ยังชะลอความร้อนแรงของ คาร์เมโล แอนโธนีย์ (รอบแรกเจอ บอสตัน เซลติกส์ เมโล ทำเฉลี่ย 29.1 แต้ม) ปล่อยให้ส่องแค่ 27 แต้ม แผนที่ช่วยกันกับ เดวิด เวสต์ บีบจนซูเปอร์สตาร์ความหวังนิกส์ ชู้ตฟิลด์โกลลงเพียง 10 จาก 28 ครั้ง นี่ถือเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับโอกาสเข้าชิงคอนเฟอเรนซ์ของ เพเซอร์ส ก็ว่าได้ เนื่องจากแบ็กคอร์ต จอร์จ ฮิลล์ ไม่ได้เป็นรอง เรย์มอนด์ เฟลตัน ขณะที่พื้นที่ใต้แป้น รอย ฮิบเบิร์ต ข่ม ทายสัน แชนด์เลอร์ ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ด้วยสัญชาตญาณนักล่า (แต้ม) “เมโลแมน” คงไม่ยอมปล่อยให้รุ่นน้องอย่าง จอร์จ ใส่กุญแจล็อกไปตลอดทั้งซีรีส์แน่นอน
คริส บอช VS โยอาคิม โนอาห์
บรรดากูรูยัดห่วงแทบไม่เปิดประตูให้ ชิคาโก บูลส์ มีโอกาสฝ่าด่านแชมป์เก่าไปได้เลย เหตุจาก เดอร์ริค โรส คงไม่ฝืนกลับมานำทัพ “กระทิงเปลี่ยว” แต่เหตุการณ์หักปากกาเซียนก็เกิดขึ้นจนได้เมื่อ เนต โรบินสัน การ์ดร่างจิ๋วพาทีมบุกคว่ำ ไมอามี ฮีต 93-86 นอกเหนือจาก “แบ็กคอร์ต” ที่เอาชนะ ดีเวย์น เหว็ด กับ มาริโอ ชาลเมอร์ส พื้นที่วงในคือปัจจัยที่จะช่วย บูลส์ ต่อกรได้สนุกมากขึ้น โดย โยอาคิม โนอาห์ อาการเจ็บเท้าดีขึ้นเป็นลำดับ บวกด้วยลูกฮึดและความขยันจึงข่ม คริส บอช อย่างเห็นผล (โนอาห์ 13 แต้ม 11 รีบาวนด์ ส่วน “อวตาร” แค่ 9 แต้ม 6 รีบาวนด์) ถ้า บอช ที่สดกว่าไม่สามารถเอาชนะเซ็นเตอร์ในสภาพที่ไม่เต็มร้อยได้ “บิ๊กทรี” จะกลายสภาพเป็น “วันแมนโชว์” ให้ เลอบรอน เจมส์ ต้องแบกฮีตขึ้นหลังอยู่คนเดียว ซึ่งดูเหมือนนั่นคือสิ่งที่ ทอม ธีโบดัว หัวหน้าโค้ชต้องการในการสร้างรอยช้ำ (บูลส์ เคยหยุดสถิติไม่ให้ ฮีต ต่อยอดชนะ 33 เกมในฤดูกาลปกติมาแล้ว)
เควิน มาร์ติน VS โทนี อัลเลน
สถานการณ์เริ่มสร้างวีรบุรุษ ทันทีที่ รัสเซลล์ เวสต์บรูก การ์ดความหวังเจ็บเข่าพักยาว เควิน มาร์ติน หอบความแม่นลงช่วย โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์ ฝ่าด่าน ฮุสตัน ร็อคเก็ตส์ มาจนถึงเอาตัวรอดชนะ เมมฟิส กริซลีย์ส ฉิวเฉียด 93-91 ไม่ปล่อยให้ เควิน ดูแรนท์ รับผิดชอบเรื่องทำคะแนนอยู่คนเดียว ยามที่วงในดูเป็นรองพอสมควร เซิร์จ อิบากา กับ เคนดริก เพอร์กินส์ ต่อกร แซ็ค แรนดอล์ฟ และ มาร์ค กาซอล ดูโอ “เจ้าหมี” ไม่ได้ มาร์ติน ต้องแม่นดั่งจับวางแบบเกมแรกที่สอย 25 แต้ม (ฟิลด์โกลลง 57.1 เปอร์เซ็นต์ สามแต้ม 60 เปอร์เซ็นต์) ทว่างานนี้ ลิโอเนล โฮลลินส์ เฮดโค้ชเมมฟิสวางตัว โทนี อัลเลน การ์ดที่เล่นเกมป้องกันได้ดีเป็นคู่ประกบ หลังจากเคยล็อกตายใส่ ชอนซีย์ บิลล์อัพส์ จอมเก๋า แอลเอ คลิปเปอร์ส จนไปไม่เป็นมาแล้วในรอบแรก อย่างไรก็ตาม อัลเลน ต้องไม่ลืมความรู้สึกในเรื่องการทำคะแนนด้วย เพราะแค่ 3 แต้มจากเกมแรก ช่างห่างไกลจากค่าเฉลี่ยที่ทำไว้ 12 แต้มในซีรีส์ที่ผ่านมา
โทนี พาร์เกอร์ VS สตีเฟน เคอร์รี
ไม่น่าแปลกใจว่าทำไม เกร็ก โพโพวิช โค้ชจอมเขี้ยว ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส ถึงยกยอ สตีเฟน เคอร์รี เปรียบตำนานอย่าง ไมเคิล จอร์แดน ก็ในเมื่อ "เพชฌฆาตหน้าทารก" เพิ่งกดใส่ทีมของเขา 44 แต้ม ยามที่ แอนดรูว์ โบกัต เซ็นเตอร์ออสซียังไม่พีคพอที่จะขย่มวงใน โกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส จึงต้องใช้การ์ดวัย 25 ปี ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เหมือนครั้งชนะ ทาย ลอว์สัน ของเดนเวอร์ นักเก็ตส์ ในรอบแรก อย่างไรก็ดี งานนี้ถือเป็นบทพิสูจน์ความเป็นสตาร์ เมื่อต้องโคจรมาดวล โทนี พาร์เกอร์ ซึ่งหากการ์ดทีมชาติฝรั่งเศสใส่กลอนอนุญาตให้ เคอร์รี ทำเฉลี่ยเพียง 17 แต้ม (เหมือน 2 เกมที่พ่าย นักเก็ตส์) โอกาสที่ทีมจอมเก๋าจากเท็กซัสจะเข้าชิงแชมป์สาย (ตามคาด) เป็นไปได้สูง ถึงแม้เกมแรกต้องเหนื่อยหนักกว่าจะต่อเวลาสองหนบดชัย 129-127 ก็ตาม แต่หากปล่อย เคอร์รี ส่องเฉลี่ย 28 แต้ม ไม่แน่เหมือนกัน วอร์ริเออร์ส อาจกลายสภาพเป็น “ม้ามืด” เป็นตัวแทนฝั่งตะวันตกเข้าถึงชิงก็เป็นได้
