ASTV ผู้จัดการรายวัน - เข้าสู่โค้งสุดท้ายการเลือกตั้งประธานสหพันธ์ฟุตบอลเอเชียวาระใหม่ ที่จะมีขึ้นวันนี้ (2 พ.ค.) ที่สำนักงานใหญ่ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่ง วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย มีสิทธิ์นั่งประมุข “เอเอฟซี” ไม่น้อยจากฐานเสียงที่มีอยู่ในมือราว 20 เสียง หรือเกือบครึ่งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม “บังยี” ยังต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งดินแดนอาหรับ 3 ชาติ โดยเฉพาะตัวเต็งอย่าง ยูซุฟ อัล-เซอร์คัล นายกสมาคมฟุตบอลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
การมีเสียงสนับสนุนจากสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน (เอเอฟเอฟ) จำนวน 11 ชาติ กับอีกหนึ่งเสียงจาก ออสเตรเลีย ทำให้ วรวีร์ มะกูดี มีความมั่นใจยิ่งสำหรับการลงเลือกตั้งประธาน “เอเอฟซี” คนใหม่ เพื่อแทนที่ โมฮัมหมัด บิน ฮัมมัม ประมุขคนเก่าชาวกาตาร์ ซึ่งถูกสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟา ลงดาบแบนตลอดชีพจากข้อหาคอร์รัปชันและติดสินบนเมื่อปี 2011
นอกจากนี้ “บังยี” คาดว่าจะได้เสียงจากแถบเอเชียใต้อย่าง บังกลาเทศ, ภูฏาน, อินเดีย, มัลดีฟส์, เนปาล และ ศรีลังกา อย่างน้อย 5-6 เสียง รวมกับภูมิภาคอื่นอีก 2-3 เสียง นั่นหมายความว่านายกสมาคมลูกหนังไทย มีโอกาสประกาศชัยตั้งแต่รอบแรก หากได้เสียงอย่างต่ำ 24 จากทั้งหมด 47 เสียง อย่างไรก็ดี ถ้าเสียงไม่ถึงเกณฑ์ดังกล่าวต้องมีการคัดเอาผู้สมัครที่มีคะแนนต่ำสุดออกไปทีละรอบ ซึ่ง วรวีร์ ยังดูมีหน้าเสื่อเหนือกว่าทั้ง ชีค ซาลมาน อัล-คาห์ลิฟา จากบาห์เรน, ยูซุฟ อัล-เซอร์คัล จากยูเออี, ดร.ฮาเฟซ อิบราฮิม อัล-เมดเล็จ จากซาอุดีอาระเบีย ซึ่งต้องไปล็อบบี้แย่งคะแนนกันเอง
แต่ปัจจัยที่จะเป็นตัวแปรผกผัน คงหนีไม่พ้นเสียงสำคัญจากชาติแถบเอเชียตะวันออก 9 ชาติ นำมาโดย ญี่ปุ่น, จีน, เกาหลีใต้ หรือว่า ฮ่องกง ซึ่งยังอุบไต๋ที่จะเลือกใคร ซึ่งกระแสค่อนข้างแตก โดยบางประเทศอยากหนุน วรวีร์ เพราะเชื่อว่าสามารถเจรจาเรื่องต่างๆ ได้ง่าย ขณะเดียวกันมีไม่น้อยที่อยากเทคะแนนให้ผู้สมัครชาวอาหรับ เนื่องจากดูมีพาวเวอร์ในการขับเคลื่อนวงการฟุตบอลเอเชียให้พัฒนาไปได้ไกลกว่า
เรื่องนี้ดูเหมือน “นายกยี” ก็ยังต้องลุ้นจากการให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว MGR Sport ก่อนลงชิงชัย “สำหรับประเทศแถบเอเชียตะวันออก ผมไม่สามารถตอบได้ว่าพวกเขาจะเลือกฝ่ายไหน ผมมีหน้าที่แค่ชี้แจงนโยบายเท่านั้น แต่ที่ผ่านมาเวลาเดินทางไปเยี่ยมเยียนประเทศเหล่านี้ก็ได้รับการต้อนรับที่ดี ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องของเขาที่ต้องตัดสินใจเอง”
โดย วรวีร์ ได้เปิดเว็บไซต์อย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อ www.worawimakudi.com เพื่อที่จะให้ข้อมูลและเสนอนโยบายของตนเองให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยมีไม้เด็ดมากมาย เช่น เตรียมยกระดับมาตรฐานการเล่นฟุตบอลทั่วทั้งทวีป เปลี่ยนแปลงวิธีการจัดสรรงบประมาณของเอเอฟซี ให้กระจายไปสู่ประเทศที่เดือดร้อนมากขึ้น จะมีการสร้างวิทยาลัยฟุตบอลเอเชียที่มีโปรแกรมการสอนเจาะจงถึงเรื่องฟุตบอลโดยเฉพาะ พร้อมด้วยเรื่องอื่นๆ นอกสนาม อาทิเช่น การแพทย์ วิทยาศาสตร์การกีฬา กฎหมายเกี่ยวกับกีฬา รวมถึงเน้นการสร้างงานให้นักฟุตบอลที่แขวนสตั๊ด ให้ความสำคัญกับเยาวชน และการพัฒนาในระดับรากหญ้า
นอกจากฐานคะแนนเสียงและนโยบาย ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องของ “บารมี” สามารถเป็นตัวช่วยให้การนั่งประมุขวงการฟุตบอลเอเชียง่ายขึ้น โดย วรวีร์ อยู่ในบอร์ดบริหารของฟีฟามาตั้งแต่ปี 1997 แต่คงประมาท อัล-เซอร์คัล ไม่ได้เช่นกัน เนื่องจากบิ๊กบอส ส.บอลยูเออี ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานเอเอฟซี จะว่าไปมีประสบการณ์ในองค์กรแห่งนี้ชัดเจนกว่า 20 ปี กอปรกับเสียงในภูมิภาคเอเชียตะวันตก 13 ชาติ ซึ่งเชื่อว่ามีไม่ต่ำกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ถึงขนาดที่ว่า ดร.ฮาเฟซ อิบราฮิม อัล-เมดเล็จ จากซาอุดีอาระเบีย ที่เป็นตัวแทนจากขั้วเก่ายังต้องยอมหลีกทางให้ ขณะที่ ชีค ซาลมาน อัล-คาห์ลิฟา จากบาห์เรน มีกระแสข่าวว่าได้รับกำลังภายในจากคณะกรรมการโอลิมปิกเอเชีย หนุนหลังเต็มที่ ทั้งยังเคยลงชิงชัยเก้าอี้ตัวนี้มาแล้วเมื่อปี 2009 ทว่า อัล-คาห์ลิฟา เพิ่งเจอดิสเครดิตโดนกดดันเรียกร้องให้ถอนตัว หลังพัวพันเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน ด้วยการสั่งลงโทษนักเตะที่เข้าร่วมในการเรียกร้องประชาธิปไตยในบาห์เรน ทำให้คะแนนเสียงฮวบลงไปเยอะ
ท้ายที่สุดอีกแค่อึดใจเดียวจะได้ทราบกันว่าผู้สมัครคนใดเข้าวิน เป็นผู้คุมบังเหียนอนาคตและทิศทางวงการลูกหนังเอเชีย ซึ่งหาก “บังยี” ได้รับความไว้วางใจให้นั่งประมุขเอเอฟซี ก็ถือว่าเป็นการเปิดอีกมิติใหม่ให้วงการฟุตบอลของไทยได้อย่างน่าจับตามองทีเดียว