ASTV ผู้จัดการรายวัน – ไม่มีก้านเหล็กไทยคนใดที่จะออกสตาร์ทฤดูกาลนี้ร้อนแรงไปกว่า กิรเดช อภิบาลรัตน์ หลังคว้าตั๋ว “ดิ โอเพน 2013” ตามด้วยนำแบบม้วนเดียวจบคว้าแชมป์ ยูโรเปียน ทัวร์ “เมย์แบงก์ มาเลเซียน โอเพน” ซึ่งเป้าหมายของ “โปรอาร์ม” ที่ตั้งเอาไว้ให้ตนเองถือว่าน่าสนใจอย่างยิ่งคือไปอวดวงสวิงบนศึก พีจีเอ ทัวร์ ที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดในโลก
ด้วยวัยเพียงแค่ 23 ปี กิรเดช ได้ไปลุยศึกเมเจอร์อย่าง “ดิ โอเพน 2013” ณ สนาม เมอร์ฟิลด์ กอล์ฟ ลิงค์ส ระหว่างวันที่ 18-21 กรกฎาคมนี้ อย่างเต็มภาคภูมิ หลังคว้าแชมป์ควอลิฟาย “ดิ โอเพน แชมเปียนชิป อินเตอร์เนชันแนล ไฟนอล ควอลิฟาย เอเชีย” เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ณ สนาม อมตะ สปริง คันทรี คลับ ประเทศไทย
กิรเดช ยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยและจะพยายามเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด “ไม่ค่อยมีโอกาสไปเล่นที่ยุโรปมากนัก ดังนั้นประเด็นแรกที่ต้องให้ความสำคัญคือเรื่องอากาศที่ต้องปรับตัวและฝึกซ้อมในสภาพที่หนาวเย็นและมีลมแรงให้คุ้นชิน จากนั้นเป็นเรื่องของการปรับเกมการเล่น ร่วมถึงหาประสบการณ์จากนักกอล์ฟชื่อดังระดับโลกที่ร่วมวงแข่งในรายการนี้ด้วย”
งานนี้ กิรเดช ยังได้รับคำแนะนำจาก “โลมายักษ์” พรหม มีสวัสดิ์ และ “โปรหมาย” ประหยัด มากแสง รุ่นพี่ที่ค่อนข้างสนิทชิดเชื้อและผ่านการเล่นศึก “ดิ โอเพน” มาแล้ว โดยกล่าวว่า “สนามแข่งขันของ ดิ โอเพน ติดทะเล มีลมแรงและไม่ได้ออกแบบไว้เพื่อทำอันเดอร์พาร์เยอะๆ แต่ต้องตีให้เสียน้อยที่สุดมากกว่า จึงตรงข้ามกับสไตล์การเล่นของผมที่ชอบตีบุก จุดนี้ต้องพยายามวางแผนมากขึ้นตีให้ละเอียดกว่าเดิมและพลาดให้น้อยที่สุด ส่วนเป้าหมายไม่หวังอะไร เพราะแค่ได้เข้ามาเล่นในระดับเมเจอร์ด้วยวัยเท่านี้ก็ยอดเยี่ยมแล้ว”
หลังได้ตั๋วเมเจอร์ฟอร์มของ กิรเดช ยังแรงฉุดไม่อยู่แม้จะป่วยเป็นไทรอยด์ แต่ก็ผงาดนำแบบม้วนเดียวจบคว้าแชมป์ “เมย์แบงก์ มาเลเซียน โอเพน” จนทำให้ได้การ์ดทัวร์จนถึงฤดูกาล 2015 ซึ่งจำต้องปรับเปลี่ยนโปรแกรมและวางแผนการเดินทางให้แน่นอนเพื่อปรับตัวให้รวดเร็วที่สุดพร้อมมองหาแชมป์สักรายการติดไม้ติดมือ
“ผมได้การ์ด ยูโรเปียน ทัวร์ถึงปี 2015 ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเล่นเพื่อรักษาไว้เหมือนคนอื่นๆ ดังนั้นช่วง 3-5 เดือนแรกอยากฝากถึงแฟนกอล์ฟชาวไทยว่าถ้าผลงานผมดร็อปลงไปบ้าง ไม่ผ่านตัดตัวบ้าง อย่าเพิ่งเลิกเชียร์ เพราะเป็นช่วงที่นักกอล์ฟทุกคนต้องปรับตัว แต่เมื่อเข้ากับสภาพอากาศและเรียนรู้สิ่งต่างๆ มากขึ้นมั่นใจว่าจะมีแชมป์ติดมืออย่างน้อย 1 รายการ และเมื่อไหร่ที่ผมก้าวเข้าไปติดท็อป 50 ของโลกก็จะได้สิทธิ์เล่นรายการเมเจอร์ทุกรายการ ถึงตอนนั้นโอกาสต่างๆ จะตามมาอีกมากมาย” ก้านเหล็กมือ 85 ของโลก กล่าว
เมื่อถูกถามถึงโอกาสที่จะหันมาใช้โค้ชต่างชาติ เพราะกำลังก้าวไปสู่อีกระดับของการแข่งขันที่เข้มข้นมากขึ้น กิรเดช ตอบว่าตอนนี้ยังจะร่วมงานกับ “โปรจิว”' บุญญฤทธิ์ เอื้อศิลปศาสตร์ โค้ชที่ทำงานกันมาตั้งแต่เด็กและเป็นโค้ชคนแรกของเขาต่อไป ทว่าสักวันหนึ่งที่อยากได้เทรนเนอร์ที่ตอบโจทย์ได้มากขึ้น เขาก็พร้อมที่จะมองหาโค้ชคนใหม่ พร้อมทั้งเชื่อว่าอีกฝ่ายก็จะเข้าใจเหตุผลเช่นเดียวกัน
ถือว่า กิรเดช คือก้านเหล็กเลือดใหม่ของไทยที่พุ่งขึ้นมาได้จนเป็นที่น่าจับตามอง ทว่าการจะรักษาฟอร์มยืนระยะการเล่นให้ต่อเนื่องเพื่อขึ้นหิ้งเช่นเดียวกับ ธงชัย ใจดี, ประหยัด มากแสง หรือ ถาวร วิรัตน์จันทร์ ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นตอนนี้เป็นเพียงการก้าวผ่านบันไดแรกสู่เวทีระดับโลกอย่างเต็มตัวเท่านั้น ซึ่งเจ้าตัวก็อยากจะไปให้สุดทางก็คือลุยศึก พีจีเอ ทัวร์ ให้จงได้
“ถือว่าเพิ่งเป็นก้าวแรกของผมเท่านั้นหรืออาจจะเรียกได้ว่าเพิ่งจะเป็นนักกอล์ฟระดับอาชีพเต็มตัวก็ไม่ผิดนัก ที่ผ่านมานั้นยังไม่ใช่ความสำเร็จ เพราะเคยมีคนไทยทำได้เหมือนผมมาแล้วมากมาย ซึ่งบอกได้เลยว่าเรามีศักยภาพไม่แพ้นักกีฬาชาติใดในโลก โดยมีความสามารถที่จะไปเล่น พีจีเอ ทัวร์ ซึ่งส่วนตัวในอนาคตก็อยากจะไปลองสัมผัสกับทัวร์ที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดให้ได้” กิรเดช กล่าวทิ้งท้าย