xs
xsm
sm
md
lg

9 แมตช์ยุโรป!! คัมแบ็กสุดประทับใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อองรี (แดง) สมัยละอ่อน
บาร์เซโลนา มหาอำนาจลูกหนังจากเวที ลา ลีกา สเปน เพิ่งโชว์การคัมแบ็กสุดประทับใจเปิด คัมป์ นู ถล่ม เอซี มิลาน จากอิตาลี 4-0 เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ไปด้วยประตูรวม 2 นัด 4-2 เมื่อวันอังคารที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา จึงได้เวลาที่ “การ์เดียน” สื่อดังของอังกฤษ รวบรวม 9 แมตช์ที่พลิกสถานการณ์ได้แบบเหลือเชื่อมาฝากกัน

1.แม้จะเป็นเกมรอบแบ่งกลุ่มฤดูกาล 1997-98 แต่ โมนาโก ที่ประเดิมบุกพ่าย สปอร์ติง ลิสบอน 0-3 มาเปิดรัง หลุยส์ ที่ 2 เอาคืนชนะ 3-2 ถึงจะโดนยิงไปก่อน 0-2 แต่ได้ ดาวิด เทรเซเกต์ และ เธียร์รี อองรี เหมา 2 ประตูโดยเฉพาะประตูชัยสำคัญนาที 90 แซงชนะ 3-2 คว้าแชมป์กลุ่ม ก่อนกรุยทางเข้าไปได้ถึงรอบรองชนะเลิศ

2.ถ้านึกถึงทริปเปิลแชมป์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปี 1999 ต้องนึกถึงเกมรอบรองชนะเลิศนี้ที่นัดแรกเสมอ 1-1 ณ โอลด์ แทรฟฟอร์ด แถมมาเยือน เดลเล อัลปิ โดนยิงไปก่อน 2-0 แต่ “ผีแดง” ก็ได้ รอย คีน, ดไวท์ ยอร์ค และ แอนดี โคล แซงชนะ 3-2 รวมชนะไป 4-3 เล่นเอาช็อกกันทั้งบาง

3.ถัดมาฤดูกาลเดียวกันคือ 1998-99 แมนฯยูไนเต็ด ผ่าน ยูเวนตุส ก่อนเข้าไปเจอกับ บาเยิร์น มิวนิก รอบชิงชนะเลิศ และโดน มาริโอ บาสเลอร์ ยิงนำไปก่อน ทว่า “ผีแดง” ก็แสดงปาฏิหาริย์คัมแบ็กชนิดที่ว่าไม่ให้คู่ต่อสู้แก้ตัวเลยจาก 2 ตัวสำรองยิงช่วงทดเวลาบาดเจ็บคือ เท็ดดี เชอริงแฮม และ โอเล กุนนาร์ โซลชา ชนะไป 2-1

4.ฤดูกาล 1999-00 รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก บาร์เซโลนา บุกแพ้ เชลซี 3-1 ซึ่งกลับไปเล่นที่ คัมป์ นู เรียกได้ว่าเป็นหนังคนละม้วนเลยเมื่อ บาร์ซา เรียงหน้าถล่ม 5-1 จากการยิงของ ริวัลโด 2 ประตู, หลุยส์ ฟิโก, ดานี การ์เซีย และ แพทริค ไคลเวิร์ต รวม 2 นัดชนะไปแบบท่วมท้น 6-4

5.นัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มรอบสองฤดูกาล 2000-01 เดปอร์ติโว ลา คอรุนญา จำเป็นที่จะต้องชนะเพื่อฝ่าเข้าสู่ด่านต่อไปและได้เล่นในถิ่น ริอาซอร์ สเตเดียม คัมแบ็กจากตาม 3-0 หลังจาก 55 นาทีเอาชนะ 4-3 วอลเตอร์ ปันดิอานี ซัดแฮตทริก และเป็น ดิเอโก ตริสตัน ที่มาอัดชัยเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม

6.ฤดูกาล 2003-04 รอบ 8 ทีมสุดท้ายจะเรียกว่า เอซี มิลาน ชะล่าใจก็ว่าได้ ครั้งนั้น “ปีศาจแดง-ดำ” ยังถือเป็นสุดยอดทีมของยุโรปกับแข้งอย่าง อังเดร เชฟเชนโก, อันเดรีย ปิร์โล และ กาก้า โดยนัดแรกเปิดบ้านยำใหญ่ เดปอร์ติโว ลา คอรุนญา 4-1 ก่อนที่นัดสองจะบุกไปพ่าย 0-4 ตกรอบไปแบบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

7.สมัยนั้น รีล มาดริด อัดแน่นไปด้วยนักเตะยุค “กาแล็คติกอส” ลงเล่นรอบ 8 ทีมสุดท้ายฤดูกาล 2003-04 นัดแรกถิ่น ซานติอาโก เบร์นาบิว อัดมาแบบสบายเท้า 4-2 แต่นัดสอง โมนาโก ไม่รู้ไปกินอะไรมาโดนนำก่อนจาก ราอูล กอนซาเลซ ด้วย แต่แซง 3-1 จาก ลูโดวิช ชูลี 2 ประตู และ เฟร์นานโด มอริเอนเตส เสมอ 5-5 เข้ารอบด้วยอะเวย์โกล

8.นัดชิงชนะเลิศฤดูกาล 2004-05 ที่ดราม่าแบบสุดๆ เอซี มิลาน ออกนำห่าง 3-0 เหมือนทุกอย่างจะอยู่ในกำมือแล้ว แต่ว่า ลิเวอร์พูล กลับมาตีเสมอ 3-3 อย่างเหลือเชื่อจาก สตีเวน เจอร์ราร์ด, วลาดิเมียร์ ซมิเซอร์ และ ชาบี อลอนโซ ก่อนที่จะยื้อกันถึงต่อเวลาพิเศษและต้องดวลฎีกาสุดท้าย “หงส์แดง” คว้าแชมป์ไป 3-2

9.สดๆ ร้อนๆ ฤดูกาลที่แล้ว 2011-12 เป็นเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย เชลซี บุกไปพ่าย นาโปลี 1-3 ก่อนที่นัดสองในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ เจ้าบ้านจะเอาชนะได้ในเวลาสกอร์เดียวกันจาก ดิดิเยร์ ดร็อกบา, จอห์น เทอร์รี และ แฟรงค์ แลมพาร์ด สุดท้ายต่อเวลาเป็น บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ซัดชัย 4-1 บั้นปลายสามารถก้าวไปคว้าแชมป์ยุโรปครั้งแรกได้สำเร็จ
ผีแดง แซง ยูเวนตุส
นัดชิงปาฎิหาริย์ของ แมนฯยู
ริวัลโด ยิงให้ บาร์ซา
เปแอสเช ร่วงช็อก
ปันดิอานี เจ้าของฉายา เอล ไรเฟิล
โมนาโก ล้ม รีล มาดริด
ลิเวอร์พูล คัมแบ็ก 3 ลูก
ดร็อกบา สดๆ ร้อนๆ กับ เชลซี ปีที่แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น