ASTV ผู้จัดการรายวัน – ศึกฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก กำลังก้าวโตขึ้นเรื่อยๆ ปีล่าสุดได้ “โตโยต้า” เข้ามาเป็นสปอนเซอร์ใหญ่ ทุ่มเม็ดเงินกว่า 200 ล้านมาสนับสนุนตลอด 3 ปี นอกจากนี้ยังมีเหล่าบรรดาแบรนด์ดัง ห้างร้าน และสินค้าต่างๆ หลั่งใหลเข้ามาให้การสนับสนุนทีมเล็ก ทีมใหญ่อีกเป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่างค่าย แบตเตอรี 3 เค เพิ่งเซ็นสัญญาสนับสนุน 3 สโมสรอย่าง ชลบุรี เอฟซี, บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี จึงเกิดคำถามขึ้นว่า ณ เวลานี้ “ไทยลีก” ถึงเวลาหรือยังที่จะก้าวขึ้นเป็นลีกอาชีพอย่างเต็มตัวและสามารถยืนด้วยลำแข้งของตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งเงินสนับสนุนจากภาครัฐ หรือ การกีฬาแห่งประเทศไทย เหมือนที่เป็นอยู่
สำหรับลีกลูกหนังสูงสุดของประเทศไทย เริ่มได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ลงทุนที่พร้อมจะสนับสนุนมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ปี 2009 สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้จัดตั้งบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก ขึ้นมาดำเนินการจัดการแข่งขันตามกฎของ สหพันธ์ฟุตบอลเอเชีย หรือ เอเอฟซี ที่ต้องการให้เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งช่วงแรกระยะตั้งไข่อาจยังคงตะกุกตะกักอยู่บ้าง แต่ ณ เวลานี้ล่วงเลยมากว่า 4ปีแล้ว
โดยก่อนหน้านี้ทางการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ที่สนับสนุนเงินมาโดยตลอด มีนโยบาย เตรียมถอนเงินสนับสนุนฟุตบอลอาชีพ ออกจากไทยพรีเมียร์ลีก ภายใน 3-5 ปี เนื่องจากปัจจุบันลีกดังกล่าวเริ่มมีรายได้จากสปอนเซอร์รายต่างๆ ที่เข้ามาสนับสนุนมากมาย พร้อมหันไปทุ่มให้กับลีกรองอย่าง ดิวิชัน 1 และ ดิวิชัน 2 ลีกภูมิภาคแทน แม้ในฤดูกาลล่าสุด 2013 กกท. จะเพิ่มงบสนับสนุนฟุตบอลอาชีพของไทยจากเดิม 180 ล้านบาทเป็น 245.5 ล้านบาท ซึ่งส่วนของไทยพรีเมียร์ลีกจะได้รับทีมละ 1 ล้านบาท จำนวน 18 สโมสร เป็นเงิน 18 ล้านบาท บวกกับเงินรางวัลอันดับต่างๆ และรางวัลดาวซัลโว ผู้เล่นยอดเยี่ยม ทีมมารยาทยอดเยี่ยม หลังจบฤดูกาล รวมๆแล้วอีกประมาณ 18 ล้านบาท ก็ตาม
ซึ่ง ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ผมว่าเงินสนับสนุนจากทาง กกท.ยังควรจะมีต่อไป ถ้าไม่มีตรงนี้ก็แย่ แต่หากวันหนึ่ง กกท.ไม่สนับสนุนอีกก็ต้องยอมรับ เพียงแค่ตอนนี้เรายังต้องการอยู่เพื่อที่จะเข้ามาช่วยในเรื่องของ การจัดการผู้ตัดสิน แมตช์คอมมิชชันเนอร์ หรือการจัดการต่างๆ ซึ่งผมคิดว่าต้องดูอีกสัก 1-2 ปีจากนี้ว่าจะเป็นไปในทางที่ดีขึ้นหรือไม่”
ด้าน องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย พูดในทำนองเดียวกันว่า “เป็นไปไม่ได้ที่จะมาลดเงินสนับสนุนตอนนี้ ทาง กกท.ยังควรสนับสนุนต่ออีกสักระยะ เนื่องจากตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงฟูมฟัก แม้จะเป็นแนวความคิดที่ถูก แต่คงไม่สามารถปรับลดได้ในช่วงนี้” พร้อมกันนี้ “บิ๊กเปี๊ยก” ยังค้านหัวชนฝาที่จะโดนหั่นงบหนุนจาก 18 ทีม เหลือ 9 ทีม โดยยืนยันว่าทุกทีมต้องได้เงินเท่าเทียมกัน
ขณะที่ฟากสโมสรมีทั้งฝ่ายที่เห็นควรว่าจะต้องยกเลิกเงินสนับสนุนในจุดนี้เสียที กับฝ่ายที่ยังต้องการอยู่เช่นกัน โดย “บิ๊กณพ” อรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสรชลบุรี เอฟซี 1 ใน ยักษ์ใหญ่ลีกสูงสุดกล่าวเชิง ควรเอาเงินไปพัฒนาส่วนอื่นมากกว่า “ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่ กกท. จะยังมาให้งบสนับสนุนทีมในเรื่องนี้อยู่ เงิน 1 ล้านบาท ต่อให้ทีมเล็กๆ ไม่ได้รับก็ไม่เดือดร้อน เงินจำนวน 18 ล้านบาท ผมว่าเอาไปพัฒนาในจุดอื่นดีกว่า เช่น เปิดอบรมโค้ช ฟุตบอลลีกเยาวชน หรือแม้แต่นำไปพัฒนาออฟฟิศของทีพีแอลให้ได้มาตรฐาน เพราะทุกวันนี้เรากำลังก้าวเข้าสู่ลีกอาชีพเต็มตัว มีสปอนเซอร์อยากเข้ามาสนับสนุนมากมาย ทีพีแอล ต้องยืนด้วยตัวเองได้แล้ว”
“กกท. ควรจะต้องสนับสนุน ดิวิชัน 1 และ ดิวิชัน 2 มากกว่า เพราะทีมเหล่านั้นยังจำเป็นต้องใช้เงินในส่วนนี้อยู่ แต่ต้องมีหลักเกณฑ์ในการสนับสนุน เช่น วัดจากคลับไลเซนซิงที่ได้รับ ทีมใดปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนที่วางไว้ก็ได้เงินมากตามไปด้วย ถือเป็นการพัฒนาระบบลีกโดยรวม” รองประธานชลบุรี เอฟซี กล่าว
ส่วน สมชาย ตันประเสริฐ ประธานสโมสร ทีมระดับเล็กอย่าง “ปลาทูคะนอง” สมุทรสงคราม เอฟซี ยอมรับว่ายังต้องการเงินในส่วนนี้อยู่ “ถ้าพูดตามหลักความจริง กกท. ไม่ควรต้องสนับสนุนเงินในส่วนนี้ด้วยซ้ำ แต่ถามว่าทุกวันนี้ประเทศไทยเป็นลีกอาชีพจริงๆ หรือยัง สมาคมฟุตบอลและทีพีแอล ออกกฎต่างๆ มาบังคับให้สโมสรทำอย่างนู้นอย่างนี้ในเรื่องคลับไลเซนซิง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสนาม การจัดการต่างๆ แต่เงินสนับสนุนที่ได้จากทั้งสองฝ่ายกลับน้อยมาก ในฐานะที่ผมเป็นสโมสรเล็ก เงินจำนวน 1 ล้านบาท ที่ทาง กกท. มอบให้จึงยังจำเป็นต่อเราอยู่ อย่างน้อยก็ต่ออายุเราไปได้อีกครึ่งเดือน ซึ่งถ้าอยากให้เป็นลีกอาชีพจริง เงินสนับสนุน ค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดจากทีพีแอลต้องมากกว่านี้ ส่วน กกท. ก็เน้นช่วยในเรื่องอื่น เช่น สนามที่หลายทีมยังไม่ได้มาตรฐานและลีกภูมิภาค”
ท้ายที่สุด “รองเสือ” สกล วรรณพงษ์ รองผู้ว่าการกกท.ฝ่ายกีฬาอาชีพและสิทธิประโยชน์ ยืนยันว่าจะมีมาตรการปรับลดงบสนับสนุนไทยลีกแน่นอนตามแผนการที่มีการวางไว้ตั้งแต่ต้น “ทาง กกท. จะมีการปรับลดเงินสนับสนุนในอนาคตแน่นอน แต่ยังไม่สามารถตอบได้ว่าเป็นเมื่อไร โดยผมเห็นด้วยที่ทีมต่างๆ ในไทยพรีเมียร์ลีกสามารถหารายได้เข้ามาเลี้ยงตัวเองได้ ซึ่งอนาคต กกท. ต้องการเน้นช่วยเหลือทีมระดับภูมิภาคมากขึ้น เพื่อเป็นการช่วยพัฒนาในระดับล่าง รวมถึงอาจจะมีการเพิ่มในส่วนของเงินรางวัลด้วยเช่นกัน”