ASTV ผู้จัดการรายวัน – ทันทีที่ ดานิกา แพทริค สาวสวยแห่งวงการนาสคาร์ สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักขับหญิงคนแรกที่คว้าตำแหน่ง โพล โพซิชัน จากการแข่งขันสนามแรกของฤดูกาล “เดย์โทนา 500” ที่สหรัฐอเมริกา เมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้เริ่มมีบุคคลในวงการความเร็วหลายรายจุดคำถามสำคัญขึ้นมาว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ “ฟอร์มูลา วัน” (F1) ควรพิจารณาดึงนักซิ่งสาวฝีมือดีกลับมาร่วมประลองความเร็วกับหนุ่มๆ อีกครั้ง แม้ในอดีตยังไม่เคยมีหญิงใดพิสูจน์ตัวเองในการแข่งขันรุ่นใหญ่ได้ก็ตาม
ย้อนกลับไปในยุค ค.ศ.1950-90 วงการรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลก เคยสร้างสีสันด้วยการดึงนักขับสาวเข้ามาร่วมชิงชัยความเร็วกันมากหน้าหลายตา ไล่ตั้งแต่ มาเรีย เทเรซา เดอ ฟิลิปปิส ของทีมมาเซราตี, เลลา ลอมบาร์ดี จากค่ายวิลเลียมส์ จนมาถึงคนสุดท้ายอย่าง โจวานนา อมาตี จากค่ายบรับแฮมในปี 1992 ทว่าทั้งหมดที่เอ่ยมาไม่มีใครพารถของตัวเองผ่านเส้นชัยได้แม้แต่คันเดียว แถมยังยืนระยะยาวไม่ได้ ทำให้ เบอร์นี เอ็คเคิลสโตน ที่เวลานั้นเพิ่งก้าวขึ้นมาเป็นผู้ดูแลสิทธิประโยชน์ของวงการ ถึงกับส่ายหน้าและไม่อนุมัติให้มีนักแข่งหญิงในเอฟวันอีกเลย
แต่หลังจาก ดานิกา แพทริค นักขับหญิงชื่อดังของวงการ นาสคาร์ สร้างผลงานยอดเยี่ยมในการแข่งขันรอบควอลิฟายที่ เดย์โทนา อินเตอร์เนชันแนล สปีดเวย์ ก่อนควบเชฟโรเล็ตสีเขียวคันเก่งวิ่งเข้าป้ายเป็นอันดับที่ 8 ในรอบชิงชนะเลิศ ทำให้เริ่มมีเสียงสะท้อนจากตำนานนักแข่งรถรวมถึงสาวนักซิ่งคนอื่นๆ กลับไปที่ซีอีโอใหญ่ของเอฟวัน ทำนองว่านี่คงถึงเวลาอันสมควรแล้วที่จะดึงนักขับหญิงเบอร์ 1 ของวงการอย่าง ดานิกา รวมถึงสาวสวยฝีมือดีคนอื่น กลับมาเป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขัน ฟอร์มูลา วัน อีกครั้ง
โดยคนแรกที่จุดประเด็นนี้ขึ้นมาคือ นิกี เลาดา ตำนานนักซิ่งของ เฟอร์รารี ซึ่งเจ้าตัวออกมากระแซะไปยัง เบอร์นี ว่าหากดึง ดานิกา เข้าร่วมเอฟวันได้ นอกจากจะช่วยเพิ่มเรตติงถ่ายทอดสดและยอดแฟนความเร็วมากขึ้นแล้ว ยังสามารถดึงดูดสปอนเซอร์เจ้าอื่นให้เข้ามาสนับสนุนวงการรถสูตรหนึ่งได้อีกทาง “ผมเคยคุยกับ เบอร์นี ถึงเรื่องนี้เมื่อ 10 ปีก่อน แต่เจ้าตัวไม่สนใจ ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าหากพวกเธอทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ จะช่วยเรียกเรตติงการถ่ายทอดสดและเพิ่มฐานแฟนๆ ของเราได้ไม่น้อย”
ขณะที่ ซูซี วูล์ฟ นักเทสต์รถสาวสวยจากค่ายวิลเลียมส์ นอกจากจะออกมาสนับสนุนความเห็นของ เลาดา ยังเผยอีกว่าเวลานี้กำลังพยายามยกระดับการซิ่งของตัวเอง เพื่อคว้าไลเซนส์เป็นนักขับเอฟวันสำรองประจำทีมให้ได้ หลังเพิ่งควบรถ FW35 รุ่นใหม่ที่เอาไว้ใช้แข่งฤดูกาล 2013 ลงทดสอบที่ คาตาลุนญา เซอร์กิต ไปไม่นาน “ตอนนี้ฉันกำลังพยายามเดินหน้าไปทีละก้าว เพราะผลลัพธ์ของการฝึกฝนอย่างหนักเริ่มปรากฏออกมาอย่างแน่ชัดตั้งแต่เดือนตุลาคมปีก่อน ดังนั้น ก้าวต่อไปของฉันคือการคว้าซูเปอร์ ไลเซนส์ มาเป็นของตัวเองให้ได้”
แม้มีหลายเสียงสนับสนุนในเรื่องนี้ แต่คำถามสำคัญคือหาก เบอร์นี หรือบอร์ดบริหาร ตัดสินใจดึงนักขับหญิงกลับสู่เอฟวันจริง สาวๆ ทั้งหลายจะมีความมุ่งมั่นและศักยภาพเพียงพอต่อการยืนหยัดบนสังเวียนความเร็วที่มีแต่ชายหนุ่มล้วนได้นานเพียงใด เพราะตัวอย่างในอดีตก็เคยมีให้เห็นมาแล้ว ขณะเดียวกันจะมีค่ายรถทีมใดบ้างที่จะกล้าเสี่ยงดึงนักขับหญิงมาเป็นลูกทีม เพราะมองแล้วไม่น่าคุ้มค่ากับการลงทุน สู้เอางบประมาณที่มีไปปั้นนักขับหนุ่มดาวรุ่งขึ้นมาน่าจะเห็นผลเร็วกว่า
นอกจากนี้ เรื่องของการสอบไลเซนส์เป็นนักขับฟอร์มูลา วัน ก็ถือว่าไม่ง่าย เพราะกว่าจะได้ใบอนุญาตจากสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ หนทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลายต้องไต่เต้าทำผลงานจากรุ่น ฟอร์มูลา ทรี สู่ กรังปรีซ์ ทู ซีรีส์ และต้องคว้าแชมป์ให้ได้สถานเดียวถึงจะได้ใบอนุญาตจาก “เอฟไอเอ” ไปครอบครอง ส่วนในรายของ ดานิกา ที่จับปลาสองมือลงแข่ง อินดี คาร์ ที่บ้านเกิดด้วย เส้นทางดูสดใสกว่าขอแค่จบท็อป 4 ของตารางชิงแชมป์โลกก็สามารถทำเรื่องขอใบอนุญาตได้ อย่างไรก็ตาม แม้โลดแล่นในวงการมา 7 ปี ทว่า ดานิกา ยังไม่มีความสำเร็จใดเป็นชิ้นเป็นอัน จึงไม่มีอะไรการันตีว่าเมื่อข้ามมาซิ่งรุ่นใหญ่แล้วจะไม่ซ้ำรอยความล้มเหลวของรุ่นพี่ในอดีต
ทั้งหมดนี้ นับเป็นประเด็นสำคัญที่ เบอร์นี ต้องลองคิดทบทวนให้ดีว่าสุดท้ายแล้วจะยอมผ่อนกฏเหล็กที่วางไว้ตลอด 20 ปี ดึงนักซิ่งหญิงเข้าสู่วงการนี้อีกครั้งหรือไม่ แน่นอนว่าหากประสบความสำเร็จย่อมสร้างผลประโยชน์ให้แก่วงการมหาศาลชนิดผู้จัดยิ้มกริ่ม คนดูชอบใจ แต่หากไม่กล้าเสี่ยงและกลัวว่าภาพแห่งความล้มเหลวจะย้อนกลับมาหลอกหลอนอีก เห็นทีว่าแฟนๆ ความเร็วต้องลุ้นนักขับหนุ่มหน้าเดิมๆ จากค่ายรถชื่อดัง เบียดกันขึ้นล่าแชมป์โลกเหมือนเดิม