คอลัมน์ “Final Quarter” โดย “ลุงแซม”
รูดม่านกันไปอย่างสมบูรณ์แบบสำหรับศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ฤดูกาล 2012/13 เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับศึกซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 47 เรียกได้ว่าสุขสมหวังกันไปโดยเฉพาะแฟนๆ "อีกาพญายม" บัลติมอร์ เรฟเวนส์ และต้องขอแสดงความเสียใจกับเหล่าสาวก ซานฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์ส ที่ไดรฟ์สุดท้ายเจาะเข้าเอ็นด์โซนไม่สำเร็จจึงพ่ายไป 31-34 ไม่เป็นไรซีซันหน้าเอาใหม่
เช้าตรู่วันจันทร์ที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมา เป็นซูเปอร์โบว์ลครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผมไม่ได้นั่งชมเกมคนเดียว เมื่อ "ทรูวิชั่นส์" ผู้นำการถ่ายทอดสดกีฬาระดับโลก จัดกิจกรรม "ทรูวิชั่นส์ ซูเปอร์โบว์ล เอชดี ไลฟ์ ปาร์ตี้" เชิญบรรดาสื่อมวลชนและสาวกคนชนคนร่วมชมการถ่ายทอดสดศึกซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 47 กันแบบคมชัดด้วยสัญญาณภาพระบบเอชดีครั้งแรกในไทย บนจอแอลอีดีขนาดยักษ์ 84 นิ้ว ที่ร้านแม็คโดนัลด์ สาขาอัมรินทร์พลาซ่า
ก่อนหน้านี้ "ทรูวิชั่นส์" โหมกระแสการชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกร่วมกันโดยเฉพาะบิ๊กแมตช์ "ศึกแดงเดือด" ผมยอมรับไม่เคยสัมผัสด้วยตนเอง แต่ทราบจากพี่ๆ น้องๆ ผองเพื่อนว่าความมันส์เกินบรรยาย สนุกกว่านั่งชมคนเดียวเป็นไหนๆ คราวนี้ "ทรูวิชั่นส์ ซูเปอร์โบว์ล เอชดี ไลฟ์ ปาร์ตี้" ถือเป็นการเบิกร่องกิจกรรมเกี่ยวกับ "อเมริกันเกมส์" ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าคงไม่ใช่ครั้งสุดท้าย เนื่องจากส่วนตัวค่อนข้างประทับใจ นอกจากได้พบปะสื่อแขนงเดียวกัน การนั่งชมเกมเคียงข้างคอกีฬาเดียวกันสนุกกว่าที่คิด มันได้แลกเปลี่ยนทรรศนะ เห็นมุมมองที่แตกต่าง ทั้งยังมีเกมต่างๆ ร่วมสนุก พร้อมเหล่า "ปอมปอมเกิร์ล" ออกมาเต้นสะกิดต่อมการรับรู้ให้เปิดกว้างขึ้นกว่าเดิม ฮ่าๆๆๆ
สำหรับ ซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 47 ถ้าไม่นับรวมเหตุการณ์ไฟดับที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซูเปอร์โดม ในนิวออร์ลีนส์ มาระงับความมันส์ไปชั่วขณะ 34 นาที ทุกอย่างออกมาค่อนข้างสมบูรณ์แบบ ในส่วนของเกมการแข่งขัน เรียกได้ว่าดีกันคนละครึ่ง โจ แฟล็กโก นำทัพเรฟเวนส์ ฉายอยู่ข้างเดียวใน 2 ควอเตอร์แรก ประกาศความเป็นควอเตอร์แบ็กหัวแถวดั่งที่เคยโวช่วงต้นซีซัน เมื่อผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ซูเปอร์โบว์ล ขว้างไป 3 ทัชดาวน์ ก็ไม่น่าแปลกใจหากบอร์ดบริหาร "อีกาพญายม" จะมอบสัญญาฉบับใหม่ค่าเหนื่อยตกปีละ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 600 ล้านบาท) มากที่สุดของลีกเทียบเท่า ดรูว์ บรีส์ จอมทัพ นิวออร์ลีนส์ เซ็นต์ส ให้ในไม่ช้า แต่ แฟล็กโก วัย 28 ปี ยังมีอะไรให้พิสูจน์สำหรับฤดูกาลหน้าและปีต่อๆ ไป เพราะภารกิจป้องกันแชมป์ย่อมยากกว่า อีกทั้งคำถามสำคัญเรื่องเปอร์เซ็นต์การขว้างบอล คงต้องยกระดับให้ดีกว่า 59 เปอร์เซ็นต์ แล้วค่อยมาว่ากันถึงการเชิดชูเทียบควอเตอร์แบ็กแถวซูเปอร์สตาร์ของลีกอย่าง เพย์ตัน แมนนิง, ทอม เบรดี, อีลาย แมนนิง, แอรอน ร็อดเจอร์ส หรือแม้แต่ บรีส์
ส่วน โฟร์ตีไนเนอร์ส เกือบคัมแบ็กเป็นประวัติศาสตร์ (22 แต้ม) นี่หากไม่โดนทีเด็ดวิ่งย้อนคิกออฟของ จาโคบี โจนส์ ช่วงเปิดหัวครึ่งหลัง ในใจลึกๆ เชื่อว่า โคลิน เคเปอร์นิค นำพลพรรค "คนตื่นทอง" กลับมาได้แน่ เกมนี้น่าเสียดาย จิม ฮาร์บอห์ ไฟเขียวให้ควอเตอร์แบ็กดราฟท์รอบ 2 ปี 2011 เล่น "อ๊อปชั่นเพลย์" น้อยไปหน่อย มิเช่นนั้นอาจไม่ได้มีแค่วิ่งสกอร์เดียวแน่ เพราะจะว่าไปเกมนี้ทีมบุกมากันครบ แฟรงค์ กอร์ วิ่งไป 110 หลา เวอร์นอน เดวิส ปีกในรับถึง 104 หลา ไมเคิล แคร็บทรี เหินหาวคว้า 109 หลา 1 ทัชดาวน์ แต่ทีมรับอันดับ 3 ลีก ดันเล่นไม่สมราคา กดดัน แฟล็กโก น้อยเกินไป ขณะที่ไดรฟ์สุดท้าย ฮาร์บอห์ผู้น้อง ดันเรียกแผนไม่เนียนพอทั้งที่จ่อหน้าบ้าน เคเปอร์นิค เองก็น่าพลิกแพลงสถานการณ์ตรงหน้าให้ดีกว่านั้น โดยเฉพาะดาวน์ที่ 2 ที่เส้น 5 ในเมื่อทีมรับเรฟเวนส์ อ่านออกว่าเป็นแผนขว้าง เคเปอร์นิค ก็ควรออกวิ่งตามถนัด เพราะพื้นที่ข้างหน้าที่ว่างอยู่ สามารถล่นระยะอีก 2-3 หลา มันใกล้เอ็นด์โซนขึ้น อีกสองดาวน์ที่เหลือ "อ๊อปชั่นเพลย์" จะยิ่งทรงประสิทธิภาพ
แต่ในเมื่อทุกอย่างมันจบลงแล้ว จิม ฮาร์บอห์ ต้องเดินหน้าต่อ แนวโน้มถือเป็นกราฟขึ้น ปีแรกที่คุมบังเหียนเข้าชิงแชมป์สาย ซีซันนี้มาถึงซูเปอร์โบว์ล ปีหน้ามีโอกาสสัมผัส "วินซ์ ลอมบาร์ดี โทรฟี" เหมือนกัน ส่วน เคเปอร์นิค ส่วนตัวผู้เขียนยังไม่อยากให้หมอนี่ถึงแชมป์ ถ้าจะคิดทาบตำนานอย่าง "โกลเดนโจ" มอนทานา หรือ สตีฟ ยัง ต้องเปล่งประกายความสามารถออกมาอีก ครั้งนี้ให้ แฟล็กโก ไปก่อนกับความพยายามมา 4 ปีติด ด้านของ "ฮาล์ฟ ไทม โชว์" ปีนี้ ความอลังการของ แสง สี เสียง ยิ่งทำให้ บียอนเซ และอดีตเพื่อนร่วมวง "เดสตินี ไชล์ดส" เปล่งประกาย จนใครหลายคนลืมประเด็นลิปซิงหรือร้องสดกันเลย เพียงแต่การแสดงครั้งนี้ไม่แคล้วถูกแซว เป็นสาเหตุของไฟดับ ก็ในเมื่อฝ่ายจัดการแข่งขันจัดเต็มเสียขนาดนั้น
รูดม่านกันไปอย่างสมบูรณ์แบบสำหรับศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ฤดูกาล 2012/13 เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับศึกซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 47 เรียกได้ว่าสุขสมหวังกันไปโดยเฉพาะแฟนๆ "อีกาพญายม" บัลติมอร์ เรฟเวนส์ และต้องขอแสดงความเสียใจกับเหล่าสาวก ซานฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์ส ที่ไดรฟ์สุดท้ายเจาะเข้าเอ็นด์โซนไม่สำเร็จจึงพ่ายไป 31-34 ไม่เป็นไรซีซันหน้าเอาใหม่
เช้าตรู่วันจันทร์ที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมา เป็นซูเปอร์โบว์ลครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผมไม่ได้นั่งชมเกมคนเดียว เมื่อ "ทรูวิชั่นส์" ผู้นำการถ่ายทอดสดกีฬาระดับโลก จัดกิจกรรม "ทรูวิชั่นส์ ซูเปอร์โบว์ล เอชดี ไลฟ์ ปาร์ตี้" เชิญบรรดาสื่อมวลชนและสาวกคนชนคนร่วมชมการถ่ายทอดสดศึกซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 47 กันแบบคมชัดด้วยสัญญาณภาพระบบเอชดีครั้งแรกในไทย บนจอแอลอีดีขนาดยักษ์ 84 นิ้ว ที่ร้านแม็คโดนัลด์ สาขาอัมรินทร์พลาซ่า
ก่อนหน้านี้ "ทรูวิชั่นส์" โหมกระแสการชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกร่วมกันโดยเฉพาะบิ๊กแมตช์ "ศึกแดงเดือด" ผมยอมรับไม่เคยสัมผัสด้วยตนเอง แต่ทราบจากพี่ๆ น้องๆ ผองเพื่อนว่าความมันส์เกินบรรยาย สนุกกว่านั่งชมคนเดียวเป็นไหนๆ คราวนี้ "ทรูวิชั่นส์ ซูเปอร์โบว์ล เอชดี ไลฟ์ ปาร์ตี้" ถือเป็นการเบิกร่องกิจกรรมเกี่ยวกับ "อเมริกันเกมส์" ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าคงไม่ใช่ครั้งสุดท้าย เนื่องจากส่วนตัวค่อนข้างประทับใจ นอกจากได้พบปะสื่อแขนงเดียวกัน การนั่งชมเกมเคียงข้างคอกีฬาเดียวกันสนุกกว่าที่คิด มันได้แลกเปลี่ยนทรรศนะ เห็นมุมมองที่แตกต่าง ทั้งยังมีเกมต่างๆ ร่วมสนุก พร้อมเหล่า "ปอมปอมเกิร์ล" ออกมาเต้นสะกิดต่อมการรับรู้ให้เปิดกว้างขึ้นกว่าเดิม ฮ่าๆๆๆ
สำหรับ ซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 47 ถ้าไม่นับรวมเหตุการณ์ไฟดับที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซูเปอร์โดม ในนิวออร์ลีนส์ มาระงับความมันส์ไปชั่วขณะ 34 นาที ทุกอย่างออกมาค่อนข้างสมบูรณ์แบบ ในส่วนของเกมการแข่งขัน เรียกได้ว่าดีกันคนละครึ่ง โจ แฟล็กโก นำทัพเรฟเวนส์ ฉายอยู่ข้างเดียวใน 2 ควอเตอร์แรก ประกาศความเป็นควอเตอร์แบ็กหัวแถวดั่งที่เคยโวช่วงต้นซีซัน เมื่อผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ซูเปอร์โบว์ล ขว้างไป 3 ทัชดาวน์ ก็ไม่น่าแปลกใจหากบอร์ดบริหาร "อีกาพญายม" จะมอบสัญญาฉบับใหม่ค่าเหนื่อยตกปีละ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 600 ล้านบาท) มากที่สุดของลีกเทียบเท่า ดรูว์ บรีส์ จอมทัพ นิวออร์ลีนส์ เซ็นต์ส ให้ในไม่ช้า แต่ แฟล็กโก วัย 28 ปี ยังมีอะไรให้พิสูจน์สำหรับฤดูกาลหน้าและปีต่อๆ ไป เพราะภารกิจป้องกันแชมป์ย่อมยากกว่า อีกทั้งคำถามสำคัญเรื่องเปอร์เซ็นต์การขว้างบอล คงต้องยกระดับให้ดีกว่า 59 เปอร์เซ็นต์ แล้วค่อยมาว่ากันถึงการเชิดชูเทียบควอเตอร์แบ็กแถวซูเปอร์สตาร์ของลีกอย่าง เพย์ตัน แมนนิง, ทอม เบรดี, อีลาย แมนนิง, แอรอน ร็อดเจอร์ส หรือแม้แต่ บรีส์
ส่วน โฟร์ตีไนเนอร์ส เกือบคัมแบ็กเป็นประวัติศาสตร์ (22 แต้ม) นี่หากไม่โดนทีเด็ดวิ่งย้อนคิกออฟของ จาโคบี โจนส์ ช่วงเปิดหัวครึ่งหลัง ในใจลึกๆ เชื่อว่า โคลิน เคเปอร์นิค นำพลพรรค "คนตื่นทอง" กลับมาได้แน่ เกมนี้น่าเสียดาย จิม ฮาร์บอห์ ไฟเขียวให้ควอเตอร์แบ็กดราฟท์รอบ 2 ปี 2011 เล่น "อ๊อปชั่นเพลย์" น้อยไปหน่อย มิเช่นนั้นอาจไม่ได้มีแค่วิ่งสกอร์เดียวแน่ เพราะจะว่าไปเกมนี้ทีมบุกมากันครบ แฟรงค์ กอร์ วิ่งไป 110 หลา เวอร์นอน เดวิส ปีกในรับถึง 104 หลา ไมเคิล แคร็บทรี เหินหาวคว้า 109 หลา 1 ทัชดาวน์ แต่ทีมรับอันดับ 3 ลีก ดันเล่นไม่สมราคา กดดัน แฟล็กโก น้อยเกินไป ขณะที่ไดรฟ์สุดท้าย ฮาร์บอห์ผู้น้อง ดันเรียกแผนไม่เนียนพอทั้งที่จ่อหน้าบ้าน เคเปอร์นิค เองก็น่าพลิกแพลงสถานการณ์ตรงหน้าให้ดีกว่านั้น โดยเฉพาะดาวน์ที่ 2 ที่เส้น 5 ในเมื่อทีมรับเรฟเวนส์ อ่านออกว่าเป็นแผนขว้าง เคเปอร์นิค ก็ควรออกวิ่งตามถนัด เพราะพื้นที่ข้างหน้าที่ว่างอยู่ สามารถล่นระยะอีก 2-3 หลา มันใกล้เอ็นด์โซนขึ้น อีกสองดาวน์ที่เหลือ "อ๊อปชั่นเพลย์" จะยิ่งทรงประสิทธิภาพ
แต่ในเมื่อทุกอย่างมันจบลงแล้ว จิม ฮาร์บอห์ ต้องเดินหน้าต่อ แนวโน้มถือเป็นกราฟขึ้น ปีแรกที่คุมบังเหียนเข้าชิงแชมป์สาย ซีซันนี้มาถึงซูเปอร์โบว์ล ปีหน้ามีโอกาสสัมผัส "วินซ์ ลอมบาร์ดี โทรฟี" เหมือนกัน ส่วน เคเปอร์นิค ส่วนตัวผู้เขียนยังไม่อยากให้หมอนี่ถึงแชมป์ ถ้าจะคิดทาบตำนานอย่าง "โกลเดนโจ" มอนทานา หรือ สตีฟ ยัง ต้องเปล่งประกายความสามารถออกมาอีก ครั้งนี้ให้ แฟล็กโก ไปก่อนกับความพยายามมา 4 ปีติด ด้านของ "ฮาล์ฟ ไทม โชว์" ปีนี้ ความอลังการของ แสง สี เสียง ยิ่งทำให้ บียอนเซ และอดีตเพื่อนร่วมวง "เดสตินี ไชล์ดส" เปล่งประกาย จนใครหลายคนลืมประเด็นลิปซิงหรือร้องสดกันเลย เพียงแต่การแสดงครั้งนี้ไม่แคล้วถูกแซว เป็นสาเหตุของไฟดับ ก็ในเมื่อฝ่ายจัดการแข่งขันจัดเต็มเสียขนาดนั้น
