“บิ๊กเปี๊ยก” องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย มั่นใจว่า “บังยี” วรวีร์ มะกูดี นายกลูกหนังไทย มีลุ้นนั่งตำแหน่งประธานสหพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (เอเอฟซี) แต่อาจต้องสละตำแหน่งประมุขบอลไทย พร้อมเผยมีแคนดิเดต 2 รายจาก จีน และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ขณะที่กรณีเปายุ่นแจ้งล้มบอลยังนิ่ง
หลังจากสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน หรือ “เอเอฟเอฟ” ที่มี 11 ชาติ รวมกับ 1 เสียงจากออสเตรเลีย มีมติสนับสนุนให้ นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ลงชิงตำแหน่งเก้าอี้ประธานสหพันธ์ฟุตบอลเอเชีย หรือ “เอเอฟซี” ต่อจาก โมฮัมหมัด บิน ฮัมมัม ประธานคนเก่าที่มีปัญหาทุจริต ซึ่งการเลือกตั้งจะดำเนินการในวันที่ 2 พฤษภาคมนี้ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
ด้าน องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลไทย เผยเชื่อใจในตัวนายใหญ่ ขณะนี้มีเสียงสนับสนุนคุณวรวีร์ จำนวน 12 เสียงเป็นอย่างน้อย โดยการเลือกตั้งจะดำเนินการคล้ายกับการคัดเลือกของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) ซึ่งทางคุณวรวีร์ ยังมีอีก 24 เสียงที่สนับสนุนในการนั่งตำแหน่งบอร์ดฟีฟาในการคัดเลือกสมัยที่ผ่านมา ทำให้ผมเชื่อว่าจะมีเสียงที่มากพอและมีโอกาสในการขึ้นรับตำแหน่งประธานเอเอฟซีได้แน่นอน ส่วนแคนดิเดตรายอื่นนั้นเท่าที่ทราบมี 2 รายคือ จาง จี้หลง จากประเทศ จีน และ ซาเอ็ด อับดุล กาห์ฟฟา ยูเออี
“แต่ทั้งนี้ที่ผ่านมาปกติยังไม่เคยมีประธานเอเอฟซี ที่นั่งควบตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลของแต่ละประเทศพร้อมกัน 2 ตำแหน่ง ทำให้หากคุณวรวีร์ ได้รับการเลือกตั้งอาจจะต้องลงจากตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย แต่ผมต้องขอไปศึกษาระเบียบที่แน่ชัดก่อน” พ่อบ้านสมาคมฯกล่าว
พร้อมกันนี้ “บิ๊กเปี๊ยก” ได้เผยถึงกรณีที่ “ฟีฟายี” ได้เตรียมนำเรื่องที่ผู้ตัดสินชาวญี่ปุ่น แจ้งว่าได้รับการติดต่อให้ล้มบอลในศึกโตโยต้า ลีกคัพ นัดชิงชนะเลิศ ที่บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เอาชนะ อาร์มี ยูไนเต็ด 2-1 ซีซันที่ผ่านมา เข้าหารือกับทาง เอเอฟซี, ฟีฟา และ องค์การตำรวจสากล หรือ “อินเตอร์โพล” ในการประชุมครั้งที่ผ่านมา แต่สุดท้ายทุกฝ่ายได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่ทราบเรื่องแต่อย่างใด “เราได้มีการพูดคุยเบื้องต้นกับทาง ฟีฟา แล้ว แต่ทาง ฟีฟา ยังไม่ได้เปิดประเด็นการพิจารณาเรื่องนี้แต่อย่างใด ซึ่งเป็นทางผู้ตัดสินญี่ปุ่นที่เป็นคนแจ้งไป ไม่ใช่ทางสมาคมฟุตบอลฯ เพราะฉะนั้นเราจึงไม่สามารถทำอะไรได้ ต้องรอให้ ฟีฟา เป็นผู้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาในเรื่องนี้ และที่สำคัญเรายังไม่เคยได้คุยหรือได้รับหลักฐานขากทางผู้ตัดสินญี่ปุ่นเช่นกัน” องอาจ กล่าว