คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธืที่ผ่านมาศึก “ไทย ไฟต์” ได้ฤกษ์ประเดิมรายการแรกของปี 2556 ไปแล้ว โดยไปจัดกันที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมถ่ายทอดสดทางฟรีทีวีให้แฟนๆ ได้ติดตามชมกันอย่างจุใจ ซึ่งแม้จะมาดึกไปหน่อย แต่คอหมัดมวยก็ติดตามอย่างเหนียวแน่น รวมทั้งกองเชียร์ที่ไปเกาะติดถึงขอบเวทีก็มากันอย่างล้นหลาม น่าปลื้มใจแทนผู้จัดจริงๆ รวมทั้งมาตรฐานการจัดก็ยังอลังการไปด้วยแสงสีเสียงเต็มรูปแบบ
แต่สำหรับคู่ที่ชกในรายการพูดกันตรงๆ แล้วก็น่าหนักใจ “ไทย ไฟต์” ศึกแรกแห่งปีงูเล็กนี้ มวยแม่เหล็กอย่าง บัวขาว ป.ประมุข ยังไม่ขึ้นชก แต่ก็จัดตัวดังๆ มาคับคั่ง ถือเป็นนัดประเดิมการโปรโมท “4 จตุรเทพ 4 อวตาร” เพื่อสร้างชื่อให้ติดปาก อย่าง ไทรโยค พุ่มพันธ์ม่วง นั้นถือว่าเอาตัวรอดได้จากลูกศอกที่คมกริบ ฟันฉัวะเดียวคู่ชกแตกเลือดสาดเอาชนะคะแนนไป ส่วน สุดสาคร ส.กลิ่นมี หลังๆ ฟอร์มดี แถมลีลาโดนใจแฟนมวย วันนี้ดูๆ ไปแล้วก็ไม่รู้ว่าฝีมือเทพจริง หรือเป็นเพราะคู่ต่อสู้ห่างชั้นมากโชว์ยำใหญ่อยู่ข้างเดียว ก่อนจะได้จังหวะเอาชนะน็อคไปในยกที่ 3
ส่วนคู่อื่นๆ ในวันนั้นแฟนมวยดูแล้วต้องถอนหายใจครับ อย่าง ปีใหม่ จิตรเมืองนนท์ ปกติเป็นมวยเข่า มาชก “ไทย ไฟต์” ที่เน้นให้คะแนนอาวุธเลยทำอะไรไม่ถูก เก้ๆ กังๆ โดนเตะก้านคอถึงนับ แถมถูกหักล้มคว่ำล้มหงาย แต่พอจบแต่ละยกก็จะยืนชูมือรักษารูปมวย สุดท้ายครบ 3 ยกก็ชนะได้จริงซะงั้น อิ๊กคิวซัง ก.รุ่งธนเกียรติ สร้างชื่อมาจากลีลากวนโอ๊ย มาวันนี้เลยเอาแต่โชว์ลีลา ไม่โชว์ฝีมือเลย แต่ก็ชนะคะแนน หรือคู่ปิดท้าย แสนชัยน้อย พุ่มพันธ์ม่วง ร้างเวทีไปนาน เดินไปรับศอกรับแข้งคู่ต่อสู้ แถมโดนปล้ำจนหมดแรง สุดท้ายก็ชนะคะแนนเหมือนกัน ส่วน ยอดพยัคฆ์ กับ พยัคฆ์ดำ ก็น็อคคู่ต่อสู้ที่ห่างเหลือเกินไปได้ตั้งแต่ยกแรก
ดูแล้ว “ไทย ไฟต์” ก็คงยังรักษาแนวทางเดิมไว้นะครับ เอามวยไทยมาไล่ยำต่างชาติ ให้คนไทยได้เฮว่ามวยไทยที่หนึ่งในโลก คนไทยเก่งที่สุดในโลก ประมาณนี้ รวมทั้งเน้นแสงสีเสียงยิ่งใหญ่อลังการ แต่ถ้าดูแบบส่งเสริมกีฬาศิลปะการต่อสู้แล้ว ก็คงไม่ใช่ ลองฟังเวลาพิธีกรประกาศผลก็คงเห็นภาพแล้ว คือเขาไม่ได้ประกาศชื่อนักมวยว่าใครชนะและก็ไม่ได้ประกาศว่าแดงหรือน้ำเงิน (กรณี “ไทย ไฟต์” ก็ขาวหรือดำ) ชนะ แต่เขาประกาศว่าผู้ชนะคือ “ไทยแลนด์” เรียกว่าเน้นว่านักมวยจากประเทศไทย สื่อตรงๆ เลยครับว่า นักมวยไทยแพ้ไม่ได้!
เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธืที่ผ่านมาศึก “ไทย ไฟต์” ได้ฤกษ์ประเดิมรายการแรกของปี 2556 ไปแล้ว โดยไปจัดกันที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมถ่ายทอดสดทางฟรีทีวีให้แฟนๆ ได้ติดตามชมกันอย่างจุใจ ซึ่งแม้จะมาดึกไปหน่อย แต่คอหมัดมวยก็ติดตามอย่างเหนียวแน่น รวมทั้งกองเชียร์ที่ไปเกาะติดถึงขอบเวทีก็มากันอย่างล้นหลาม น่าปลื้มใจแทนผู้จัดจริงๆ รวมทั้งมาตรฐานการจัดก็ยังอลังการไปด้วยแสงสีเสียงเต็มรูปแบบ
แต่สำหรับคู่ที่ชกในรายการพูดกันตรงๆ แล้วก็น่าหนักใจ “ไทย ไฟต์” ศึกแรกแห่งปีงูเล็กนี้ มวยแม่เหล็กอย่าง บัวขาว ป.ประมุข ยังไม่ขึ้นชก แต่ก็จัดตัวดังๆ มาคับคั่ง ถือเป็นนัดประเดิมการโปรโมท “4 จตุรเทพ 4 อวตาร” เพื่อสร้างชื่อให้ติดปาก อย่าง ไทรโยค พุ่มพันธ์ม่วง นั้นถือว่าเอาตัวรอดได้จากลูกศอกที่คมกริบ ฟันฉัวะเดียวคู่ชกแตกเลือดสาดเอาชนะคะแนนไป ส่วน สุดสาคร ส.กลิ่นมี หลังๆ ฟอร์มดี แถมลีลาโดนใจแฟนมวย วันนี้ดูๆ ไปแล้วก็ไม่รู้ว่าฝีมือเทพจริง หรือเป็นเพราะคู่ต่อสู้ห่างชั้นมากโชว์ยำใหญ่อยู่ข้างเดียว ก่อนจะได้จังหวะเอาชนะน็อคไปในยกที่ 3
ส่วนคู่อื่นๆ ในวันนั้นแฟนมวยดูแล้วต้องถอนหายใจครับ อย่าง ปีใหม่ จิตรเมืองนนท์ ปกติเป็นมวยเข่า มาชก “ไทย ไฟต์” ที่เน้นให้คะแนนอาวุธเลยทำอะไรไม่ถูก เก้ๆ กังๆ โดนเตะก้านคอถึงนับ แถมถูกหักล้มคว่ำล้มหงาย แต่พอจบแต่ละยกก็จะยืนชูมือรักษารูปมวย สุดท้ายครบ 3 ยกก็ชนะได้จริงซะงั้น อิ๊กคิวซัง ก.รุ่งธนเกียรติ สร้างชื่อมาจากลีลากวนโอ๊ย มาวันนี้เลยเอาแต่โชว์ลีลา ไม่โชว์ฝีมือเลย แต่ก็ชนะคะแนน หรือคู่ปิดท้าย แสนชัยน้อย พุ่มพันธ์ม่วง ร้างเวทีไปนาน เดินไปรับศอกรับแข้งคู่ต่อสู้ แถมโดนปล้ำจนหมดแรง สุดท้ายก็ชนะคะแนนเหมือนกัน ส่วน ยอดพยัคฆ์ กับ พยัคฆ์ดำ ก็น็อคคู่ต่อสู้ที่ห่างเหลือเกินไปได้ตั้งแต่ยกแรก
ดูแล้ว “ไทย ไฟต์” ก็คงยังรักษาแนวทางเดิมไว้นะครับ เอามวยไทยมาไล่ยำต่างชาติ ให้คนไทยได้เฮว่ามวยไทยที่หนึ่งในโลก คนไทยเก่งที่สุดในโลก ประมาณนี้ รวมทั้งเน้นแสงสีเสียงยิ่งใหญ่อลังการ แต่ถ้าดูแบบส่งเสริมกีฬาศิลปะการต่อสู้แล้ว ก็คงไม่ใช่ ลองฟังเวลาพิธีกรประกาศผลก็คงเห็นภาพแล้ว คือเขาไม่ได้ประกาศชื่อนักมวยว่าใครชนะและก็ไม่ได้ประกาศว่าแดงหรือน้ำเงิน (กรณี “ไทย ไฟต์” ก็ขาวหรือดำ) ชนะ แต่เขาประกาศว่าผู้ชนะคือ “ไทยแลนด์” เรียกว่าเน้นว่านักมวยจากประเทศไทย สื่อตรงๆ เลยครับว่า นักมวยไทยแพ้ไม่ได้!