ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ในแต่ละซีซันของการแข่งขันกอล์ฟยูโรเปียน ทัวร์ และ พีจีเอ ทัวร์ ฤดูกาลปกติ มีเพียงไม่กี่ทัวร์นาเมนต์ที่จะสลับโหมดมาดวลวงสวิงเดี่ยวในแบบแมตช์เพลย์ให้แฟนๆ ได้เปลี่ยนบรรยากาศรูปแบบการเชียร์และอรรถรสจากการตีแบบสโตรกเพลย์เดิมๆ ที่มีให้เห็นในทุกสัปดาห์ โดยศึก "เวิลด์ กอล์ฟ แชมเปียนชิป แอคเซนเจอร์ แมตช์เพลย์" สัปดาห์นี้คือไฮไลท์สำคัญประจำปี และเป็นสิ่งที่ ฟิล มิลเคลสัน โปรขวัญใจชาวเมืองลุงแซม ที่ไม่ค่อยสันทัดสวิงแมตช์เพลย์ จนยอมหันหลังให้ศึกนี้ 2 ปีติดต่อกัน
ฟิล มิคเคลสัน ก้านเหล็กจากสหรัฐฯ เปิดฉากฤดูกาล 2013 ด้วยความฮือฮากลับมาคว้าแชมป์ได้อีกครั้งในรายการ “เวสต์ เมเนจเมนต์ ฟินิกซ์ โอเพน” หลังถูกวิจารณ์ว่าระยะหลังฟอร์มของเจ้าตัวเริ่มลดถดถอยไปตามอายุที่มากขึ้น และแม้ว่าจะมีวงสวิงที่สวยงามจนได้รับคำชื่นชม มีแชมป์ติดมือฝากแฟนๆ ทุกปีตั้งแต่ปี 2004 แต่สิ่งเดียวที่ถือเป็นของแสลงสำหรับ “เลฟตี” คงหนีไม่พ้นการแข่งขันแบบ แมตช์เพลย์ ซึ่งเจ้าตัวเห็นแล้วต้องร้องยี้ชนิดที่เลี่ยงได้ต้องขอเลี่ยง
ในเรื่องรูปแบบการตีและแผนการเล่นไม่ว่าจะเป็น แมตช์เพลย์ หรือ สโตรกเพลย์ แทบไม่มีความต่างปรับเข้ากันได้หมด แต่สิ่งที่เปลี่ยนคือรูปแบบการคิดคะแนนทีละหลุม และคู่แข่งที่ถูกใส่เข้ามาเพื่อเพิ่มแรงกดดันต้องดวลกันตัวต่อตัว หลุมต่อหลุม ชนะไปต่อแพ้ตกรอบกลับบ้าน บีบหัวใจกันทุกช๊อตและเป็นอีกมนต์เสน่ห์ที่ทำให้ผู้ชมผู้เชียร์สนุกทุกวินาที แต่สำหรับนักกอล์ฟบางรายแล้วคงขำไม่ออก
เช่นเดียวกับทางตัวเลขและสถิติของ มิเคลสัน ที่ไม่เคยโกหกใคร ยอดนักกอล์ฟจากแคลิฟอร์เนียเคยร่วมแข่ง "เวิลด์ กอล์ฟ แชมเปียนชิป แอคเซนเจอร์ แมตช์เพลย์" มาแล้ว 11 ครั้งและไปไกลสุดที่รอบควอเตอร์ไฟนัล เมื่อปี 2004 หรือเกือบๆ 10 ปีก่อน ที่สนาม ลา คอสตา รีสอร์ท แอนด์ สปา ในรัฐบ้านเกิด ซึ่งแชมป์รายการนี้ไม่ต้องพูดถึงไม่เคยสัมผัสแน่นอน จึงเป็นสถิติที่ผกผันจากการแข่งสโตรกเพลย์ที่มีถ้วยให้เชยชมทุกปีกวาดเรียบทั้งสิ้น 20 รายการ ตั้งแต่ปี 2004 แถมยังเป็นแชมป์ระดับเมเจอร์ถึง 4 จาก 20 รายการ
โดยหลังซิวแชมป์ “เวสต์ เมเนจเมนต์ ฟินิกซ์ โอเพน” เมื่อต้นเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา “บลีเชอร์ รีพอร์ต” สื่อจอมวิเคราะห์จากแดนมะกันอ่านเกมทะลุปรุโปร่งและตั้งข้อสังเกตกึ่งๆ ฟันธงว่าหาก “เลฟตี” ที่ปัจจุบันหล่นไปรั้งมือ 9 ของโลกต้องการจะคืนฟอร์มเก่งเขาควรหลีกเลี่ยงการแข่งแมตช์เพลย์ ที่เป็นจุดอ่อนของตัวเองในทุกรายการ เนื่องจากเพื่อไม่ให้เป็นการบั่นทอนกำลังใจและฟอร์มเก่าๆ ที่กำลังคืนมาพร้อมทั้งเก็บความสดของร่างกายเอาไว้ไล่หวดในทางที่ตัวเองถนัด
จากนั้นไม่กี่วันโปรวัย 43 ปี ออกมาเผยว่า ตนเองวางแผนจะขอถอนตัวจากการแข่ง “แอคเซนเจอร์ แมตช์เพลย์" และถือเป็นการถอนตัว 3 ครั้งในรอบ 4 ปี หลังสุด โดยครั้งสุดท้ายที่ มิเคลสัน ลงแข่งปี 2011 เขาประเดิมสุดหรูชนะ เบรนแดน โจนส์ ก้านเหล็กออสซีในรอบแรกขาดลอย 6 และ 5 (นำ 6 อัพ เหลือ 5 หลุม) ทว่าเมื่อถึงรอบ 2 มาถูกเจ้าหนุ่ม ริคกี ฟาวเลอร์ รุ่นน้องดาวรุ่งจากชาติเดียวกันทุบชนะไปด้วยสกอร์ที่กอปปีกันมา 6 และ 5 ตกรอบไปตามระเบียบ
เหตุผลหลักที่เขาต้องขอถอนตัวล่าสุดแน่นอนคือการไม่อยากลงสู้ในสนามที่ตัวเองไม่มีทางชนะ ส่วนให้เหตุผลรองเจ้าของแชมป์เมเจอร์ 4 รายการเจรจาได้อย่างสมน้ำสมเนื้อทำนองว่า ระหว่างวันที่ 20-24 ก.พ. ที่เป็นคิวแข่งของทัวร์นาเมนต์นี้ ดันไปตรงกับวันที่ลูกๆ ทั้ง 3 คนของเขาจะได้หยุดโรงเรียนพอดีและบางทีคนเป็นพ่อต้องการใช้เวลาว่างอยู่กับครอบครัวบ้างพร้อมวางแผนด้วยการพาเด็กๆ ไปเที่ยว ก่อนกลับมาแข่งต่อในสนามที่ตัวเองมีเปอร์เซนต์คว้าชัยสูงกว่าเจ้าแมตช์เพลย์
อย่างไรก็ตาม หนทางในการคัมแบ็กกลับมาเป็นก้านเหล็ก “สิงห์อีซ้าย” คนเดิมยังมีอีกหลายปัจจัย แต่เริ่มต้นบอกลาแมตช์เพลย์ที่ไม่ถูกโฉลกกันไปแล้วถือเป็นการตีโจทย์แรกที่ถูกต้อง ส่วนเรื่องอื่นๆ เปอร์เซ็นต์การพัตต์อาวุธหลักที่เคยทำได้ดีแต่ค่าเฉลี่ยตกลงไปเหลือ 28.494 เปอร์เซ็นต์ต่อรอบเมื่อปี 2012 ยังต้องพัฒนากันต่อไป เช่นเดียวกับการรักษาระยะไดร์ฟซึ่งช่วงหลังเป็นอีกหนึ่งช่องโหว่ของ มิเคลสัน และท้ายที่สุดการเล่นในสถานการณ์กดดันเอาตัวรอดในช๊อตแก้ไข ซึ่งหากเขาปรับแก้ข้อด้อยที่เคยทำได้ดีคงมีแชมป์ที่ 2 ของปี 2013 เพิ่มในประวัติตัวเองอีกสักรายการ
เรื่องโดย : ปภังกรณ์ นิลวรกุล