เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พร้อมแล้วที่จะระเบิดศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก.และมั่นใจว่าทีมของตนจะเป็นฝ่ายกำชัย ด้านฝ่ายจัดการแข่งขัน เตรียมหน่วยรักษาความปลอดภัย ประจำการตามจุดต่างๆ รองรับแฟนบอลที่เข้าชมเกมในวันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ที่สนามศุภชลาศัย
เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา มีการแถลงข่าวถึงความพร้อมฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก ที่ห้องประชุมสมาคมฟุตบอลฯโดยมี พล.ท.มล.สุปรีดี ประวิตร ประธานจัดการแข่งขัน พร้อมด้วย ธงชัย ศิริธร ผอ.กิจกรรมสังคมและสื่อสารองค์กร บ.ไทยน้ำทิพย์ จำกัด, น.อ.(พิเศษ) สมพร พัชรมุกดากรณ์ ผู้ควบคุมการแข่งขัน, กานต์ จันทร์รัตน์ ผจก.ทั่วไป เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และ สุรพงษ์ สวัสดี ประธานพัฒนาเทคนิค บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ร่วมงานแถลงข่าว
โดย พล.ท.มล.สุปรีดี ประวิตร ประธานจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ถ้วย ก.ว่า “ฟุตบอลถ้วยพระราชทาน ใบนี้ถือว่าเป็นเกียรติยศสูงสุดของวงการฟุตบอลไทย ขณะเดียวกันอยากจะให้ทุกทีมรวมไปถึงแฟนบอลที่เข้ามาชมในสนามสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระองค์ทรงพระราชทานถ้วย ก.ให้กับครอบครัวฟุตบอลไทย”
“ส่วนของการรักษาความปลอดภัยในเบื้องต้น ตนได้ประสานงานกับตำรวจในท้องที่รวมไปถึงเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารและการ์ดรักษาความปลอดภัย ประจำการตามจุดต่างๆ ในสนาม ทั้งนี้เรามั่นใจว่าเกมนี้จะสนุกแน่เนื่องจากทั้งสองทีมมีแฟนบอลตามเชียร์เป็นจำนวนมาก” ประธานจัดการแข่งขันกล่าวต่อ
ทางด้าน น.ท.(พิเศษ) สมพร พัชรมุกดากรณ์ ผู้ควบคุมการแข่งขัน ยืนยันถึงผู้ตัดสินและระเบียบการแข่งขันว่า “เกมนี้เราจะใช้ผู้ตัดสินชาวญี่ปุ่นลงทำหน้าที่ ส่วนกฎกติกาต่างๆ ก็จะยึดเอาระเบียบของไทยพรีเมียร์ลีก โดยทั้งสองทีมสามารถส่งรายชื่อผู้เล่นได้ 25 คน ลงสนามได้ 11 คนส่งตัวสำรองได้ 3 คน โดยมีโควตาต่างชาติส่ง 5 คนลงได้ 3 คน และในกรณีที่มีนักเตะเอเชียส่งลงได้อีก 1 คน ทั้งนี้หากผลการแข่งขันออกมาเสมอกันภายใน 90 นาที จะยิงจุดโทษหาผู้ชนะโดยไม่มีการต่อเวลาพิเศษทันที”
ส่วน สุรพงษ์ สวัสดี ประธานพัฒนาเทคนิคทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เผยถึงความพร้อมของทีมว่า “ขุมกำลังของทีมบุรีรัมย์ถือว่าสมบูรณ์อย่างขีดสุด โดยเฉพาะกำลังสำคัญอย่าง สุเชาว์ นุชนุ่ม กลับมาฟิตสมบูรณ์อีกครั้ง ขณะเดียวกันเราได้ปรับปรุงจุดบกพร่องมาจากเกม “เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก” รอบเพลย์ออฟกับ บริสเบน โรอาร์ รวมถึง โตโยต้าพรีเมียร์คัพ กับ นาโกยา แกรมปัส เอต ซึ่งตอนนี้พร้อมแล้วที่จะลงสนามปะทะกับ เอสซีจี เมืองทองฯ โดยเรามั่นใจว่าจะหยิบแชมป์นี้และจะไม่ประมาทคู่ต่อสู้แน่”
ทางด้าน กานต์ จันรัตน์ ผจก.ทั่วไป เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ยืนยันว่า “ผลงานในเกมอุ่นเครื่องกับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน, จูบิโล อิวาตะ, กียองนัม, โชนัน เบลมาเร และทัวร์นาเมนต์สี่เส้าที่เขตปกครองพิเศษ ฮ่องกง ล้วนเป็นทีมที่แข็งแกร่งทั้งสิ้น รวมทั้งยังต้องเตรียมทีมเล่น เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก นัดแรกกับ ชุนบุค มอเตอร์ ในวันที่ 26 ก.พ.นี้ด้วย ซึ่งเราเชื่อว่าศักยภาพของทีมเวลานี้พร้อมที่จะลงสนามเจอกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และเป้าหมายที่สำคัญคือแชมป์สถานเดียว”
สำหรับ ศึกลูกหนังชิงถ้วยพระราชทาน ประเภท ก.หรือ โค้กแชร์ริตี้ ชิลด์ ระหว่าง “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะระเบิดศึกในวันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ ที่สนามศุภชลาศัย ในเวลา 17.00 น.โดยทำการถ่ายทอดสดผ่านทาง ฟุตบอลสยามทีวี “ทูรวิชั่นส์ 74 และ สทท.11 กรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งทีมแชมป์จะได้ครองถ้วยพระราชทาน ประเภท ก.ส่วนนักเตะยอดเยี่ยมจะได้รับรถจักรยานต์ ฮอนด้า รุ่น PCX 1 คัน ราคา 80,000 บาท