คอลัมน์ “Final Quarter” โดย “ลุงแซม”
ฤดูกาล 2012/13 เพิ่งปิดฉากกันไป และกว่าที่ซีซันใหม่จะรูดม่านอีกครั้งก็ปาเข้าไปเดือนกันยายน ทว่าตั้งแต่ปลายกุมภาพันธ์ ต่อไปถึงช่วงเดือนมีนาคม ทั้ง 32 ทีมในศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ต้องมาดีดลูกคิดพิจารณาว่าจะจัดการกับขุนพลที่เป็น "ฟรีเอเยนต์" อย่างไรกันดี ณ ปัจจุบัน ผู้เล่นฟรีเอเยนต์ที่ถูกกล่าวถึงไม่เว้นแต่ละวันเห็นจะหนีไม่พ้น โจ แฟล็กโก ควอเตอร์แบ็กดีกรี "ผู้เล่นทรงคุณค่า" (MVP) ซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 47
ด้วยผลงานชิ้นโบแดงในเพลย์ออฟ ขว้าง 11 ทัชดาวน์ ไม่เสียแม้แต่อินเทอร์เซป์เดียว จนสามารถนำ บัลติมอร์ เรฟเวนส์ ขึ้นโพเดียมชู "วินซ์ ลอมบาร์ดี โทรฟี" เป็นสมัยที่ 2 ในประวัติศาสตร์ต่อจากปี 2001 ก็ไม่น่าแปลกใจว่าทำไม เอเยนต์ส่วนตัวถึงกล้าๆ เรียกค่าเหนื่อยอย่างน้อยปีละ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 600 ล้านบาท) ให้แก่ แฟล็กโก เป็นเรตเดียวกับที่ ดรูว์ บรีส์ รับอยู่กับ นิวออร์ลีนส์ เซ็นต์ส และก็ได้มากกว่า เพย์ตัน แมนนิง จอมเก๋าที่รับอยู่กับ เดนเวอร์ บรองโกส์ เสียอีก
การพา "อีกาพญายม" เป็นแชมป์ประเทศ แฟล็กโก จึงสามารถประกาศตัวว่าเป็นควอเตอร์แบ็กหัวแถวของประเทศ แต่จะให้เทียบฝีมือกับทั้ง ทอม เบรดี, แอรอน ร็อดเจอร์ส, บรีส์ หรือ พี่น้อง "แมนนิง" คงยังไม่ถึงขั้นกระมัง นี่ถือเป็นโชคชะตาที่มาพานพบกับจอมทัพวัย 28 ปี เสียมากกว่า เพราะหาก เรฟเวนส์ ปราชัย ซานฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์ส อย่าว่าแต่สัญญาหลัก 15 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 450 ล้านบาท) ผู้เขียนเชื่อว่าทั้ง สตีฟ บิสซิออตติ เจ้าของทีม และผู้จัดการทั่วไป ออซซี นิวซัม อาจไม่ต่อสัญญากับผู้เล่นฝีมือดี แต่ยังไม่ดีถึงขีดสุดด้วยซ้ำ
ทว่าเมื่อสถานการณ์กลับกัน เรฟเวนส์ เป็นแชมป์ ก็ไม่น่าแปลกใจว่าทำไม แฟล็กโก ถึงต้องฉวยโอกาสตรงนี้เอาไว้ แต่ถ้าจะสูบเลือดสูบเนื้อกันด้วยสัญญาแพงดั่งข้างต้น คงต้องมานั่งคุยกันยาวหน่อย เพราะถ้าจับมือจรดปากกา หมายความว่าทีมไม่มีทางเก็บ เอ็ด หรีด เซฟตี้ตัวเก๋า, พอล ครูเกอร์ ไลน์แบ็กเกอร์ตัวเก่ง หรือว่า แครี วิลเลียมส์ ซึ่งเป็นตัวคุมปีก ไว้ในถิ่นเอ็มแอนด์ที แบงค์ สเตเดียม งานนี้บอร์ดบริหารยังมีอีกทางเลือก ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงด้วย นั่นก็คือการแปะป้าย "แฟรนไชส์ เพลเยอร์" ใส่ควอเตอร์แบ็กร่างโย่ง ซึ่งลีกอนุญาตให้แต่ละทีมปิดแท็กกับผู้เล่นได้เพียงแค่รายเดียว
โดย เรฟเวนส์ สามารถเลือกได้ว่าจะให้ค่าจ้างตามอัตรา "เพดานเงินเดือน" ประจำปี 2013 ที่ลีกกำหนดไว้ ซึ่งควอเตอร์แบ็กจะได้เรต 14.66 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 440 ล้านบาท) ในรูปแบบ "Non-Exclusive" เพื่อเก็บ แฟล็กโก ไว้นำทัพในฤดูกาลต่อไป แต่ทีมอื่นสามารถสู้ราคาดังกล่าวได้ ซึ่งถ้าต้นสังกัดไม่เพิ่มค่าเหนื่อยให้ ก็จะได้สิทธิ์ดราฟท์รอบแรก 2 อันดับ มาเป็นการแลกเปลี่ยน หรือไม่ เรฟเวนส์ อาจเลือกปิดแท็กแบบ "Exclusive" เรียกได้ว่าให้ค่าจ้างเฉลี่ยของควอเตอร์แบ็ก 5 อันดับแรกของลีก ราว 20.5 ล้านเหรียญฯ เพื่อการันตีมี แฟล็กโก คอยสแน็ปบอลให้ชัวร์ในซีซัน 2013/14 โดยคู่แข่งไม่มีสิทธิ์สู้ราคา
ซึ่งก็แน่นอนว่า แฟล็กโก ไม่ปลื้มกับการโดนปิดแท็กแน่ เนื่องจากหากปีหน้า เปอร์เซ็นต์การขว้างบอลคอมพลีทยังแตะหลัก 60 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้ ผลงานเกิดตกพาลฉุดทีมดำดิ่งขึ้นมาแบบคาดไม่ถึง เรฟเวนส์ คงไม่คิดต่อสัญญายาวให้เป็นแน่ ดังนั้น โจ ลินตา เอเยนต์ส่วนตัวต้องใช้วาทะเจรจากับ นิวซัม ให้ลงตัวภายในวันที่ 5 มีนาคม 2556 ก่อนเส้นตาย "แฟรนไชส์ เพลเยอร์" ถ้าไม่ได้ถึงปีละ 20 ล้านเหรียญฯ เรตระดับ 16-18 ล้านเหรียญฯ ก็น่าจะโอเค พร้อมกับไปเรียกเงินการันตี 600-700 ล้านบาทจากสัญญายาว 5-6 ปี รวมถึงพวกโบนัสการเซ็นสัญญาอีกสัก 400 ล้านบาท
ที่สุดแล้ว แฟล็กโก คงได้เป็นขุนพล "อีกาพญายม" ต่อไปดั่งที่ต้องการ ในเมื่อบอร์ดบริหารไม่มีทางเลือกนัก ทว่าสัญญาฉบับใหม่ดังกล่าวนอกจากกระทบต่ออนาคตของเพื่อนร่วมทีมหลายคน ยังเป็นคลื่นซัดสะเทือนอัตราค่าจ้าง "ควอเตอร์แบ็ก" ระดับหัวแถวของลีกให้ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นไปอีก กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส คงปวดขมับไม่น้อย เพราะ แอรอน ร็อดเจอร์ส กำลังจับจ้องสถานการณ์ของ แฟล็กโก ไม่ห่าง ซึ่งตัวเงินในสัญญาฉบับใหม่ของเขาไม่มีทางน้อยไปกว่าเพื่อนร่วมอาชีพแน่นอน
ฤดูกาล 2012/13 เพิ่งปิดฉากกันไป และกว่าที่ซีซันใหม่จะรูดม่านอีกครั้งก็ปาเข้าไปเดือนกันยายน ทว่าตั้งแต่ปลายกุมภาพันธ์ ต่อไปถึงช่วงเดือนมีนาคม ทั้ง 32 ทีมในศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ต้องมาดีดลูกคิดพิจารณาว่าจะจัดการกับขุนพลที่เป็น "ฟรีเอเยนต์" อย่างไรกันดี ณ ปัจจุบัน ผู้เล่นฟรีเอเยนต์ที่ถูกกล่าวถึงไม่เว้นแต่ละวันเห็นจะหนีไม่พ้น โจ แฟล็กโก ควอเตอร์แบ็กดีกรี "ผู้เล่นทรงคุณค่า" (MVP) ซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 47
ด้วยผลงานชิ้นโบแดงในเพลย์ออฟ ขว้าง 11 ทัชดาวน์ ไม่เสียแม้แต่อินเทอร์เซป์เดียว จนสามารถนำ บัลติมอร์ เรฟเวนส์ ขึ้นโพเดียมชู "วินซ์ ลอมบาร์ดี โทรฟี" เป็นสมัยที่ 2 ในประวัติศาสตร์ต่อจากปี 2001 ก็ไม่น่าแปลกใจว่าทำไม เอเยนต์ส่วนตัวถึงกล้าๆ เรียกค่าเหนื่อยอย่างน้อยปีละ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 600 ล้านบาท) ให้แก่ แฟล็กโก เป็นเรตเดียวกับที่ ดรูว์ บรีส์ รับอยู่กับ นิวออร์ลีนส์ เซ็นต์ส และก็ได้มากกว่า เพย์ตัน แมนนิง จอมเก๋าที่รับอยู่กับ เดนเวอร์ บรองโกส์ เสียอีก
การพา "อีกาพญายม" เป็นแชมป์ประเทศ แฟล็กโก จึงสามารถประกาศตัวว่าเป็นควอเตอร์แบ็กหัวแถวของประเทศ แต่จะให้เทียบฝีมือกับทั้ง ทอม เบรดี, แอรอน ร็อดเจอร์ส, บรีส์ หรือ พี่น้อง "แมนนิง" คงยังไม่ถึงขั้นกระมัง นี่ถือเป็นโชคชะตาที่มาพานพบกับจอมทัพวัย 28 ปี เสียมากกว่า เพราะหาก เรฟเวนส์ ปราชัย ซานฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์ส อย่าว่าแต่สัญญาหลัก 15 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 450 ล้านบาท) ผู้เขียนเชื่อว่าทั้ง สตีฟ บิสซิออตติ เจ้าของทีม และผู้จัดการทั่วไป ออซซี นิวซัม อาจไม่ต่อสัญญากับผู้เล่นฝีมือดี แต่ยังไม่ดีถึงขีดสุดด้วยซ้ำ
ทว่าเมื่อสถานการณ์กลับกัน เรฟเวนส์ เป็นแชมป์ ก็ไม่น่าแปลกใจว่าทำไม แฟล็กโก ถึงต้องฉวยโอกาสตรงนี้เอาไว้ แต่ถ้าจะสูบเลือดสูบเนื้อกันด้วยสัญญาแพงดั่งข้างต้น คงต้องมานั่งคุยกันยาวหน่อย เพราะถ้าจับมือจรดปากกา หมายความว่าทีมไม่มีทางเก็บ เอ็ด หรีด เซฟตี้ตัวเก๋า, พอล ครูเกอร์ ไลน์แบ็กเกอร์ตัวเก่ง หรือว่า แครี วิลเลียมส์ ซึ่งเป็นตัวคุมปีก ไว้ในถิ่นเอ็มแอนด์ที แบงค์ สเตเดียม งานนี้บอร์ดบริหารยังมีอีกทางเลือก ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงด้วย นั่นก็คือการแปะป้าย "แฟรนไชส์ เพลเยอร์" ใส่ควอเตอร์แบ็กร่างโย่ง ซึ่งลีกอนุญาตให้แต่ละทีมปิดแท็กกับผู้เล่นได้เพียงแค่รายเดียว
โดย เรฟเวนส์ สามารถเลือกได้ว่าจะให้ค่าจ้างตามอัตรา "เพดานเงินเดือน" ประจำปี 2013 ที่ลีกกำหนดไว้ ซึ่งควอเตอร์แบ็กจะได้เรต 14.66 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 440 ล้านบาท) ในรูปแบบ "Non-Exclusive" เพื่อเก็บ แฟล็กโก ไว้นำทัพในฤดูกาลต่อไป แต่ทีมอื่นสามารถสู้ราคาดังกล่าวได้ ซึ่งถ้าต้นสังกัดไม่เพิ่มค่าเหนื่อยให้ ก็จะได้สิทธิ์ดราฟท์รอบแรก 2 อันดับ มาเป็นการแลกเปลี่ยน หรือไม่ เรฟเวนส์ อาจเลือกปิดแท็กแบบ "Exclusive" เรียกได้ว่าให้ค่าจ้างเฉลี่ยของควอเตอร์แบ็ก 5 อันดับแรกของลีก ราว 20.5 ล้านเหรียญฯ เพื่อการันตีมี แฟล็กโก คอยสแน็ปบอลให้ชัวร์ในซีซัน 2013/14 โดยคู่แข่งไม่มีสิทธิ์สู้ราคา
ซึ่งก็แน่นอนว่า แฟล็กโก ไม่ปลื้มกับการโดนปิดแท็กแน่ เนื่องจากหากปีหน้า เปอร์เซ็นต์การขว้างบอลคอมพลีทยังแตะหลัก 60 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้ ผลงานเกิดตกพาลฉุดทีมดำดิ่งขึ้นมาแบบคาดไม่ถึง เรฟเวนส์ คงไม่คิดต่อสัญญายาวให้เป็นแน่ ดังนั้น โจ ลินตา เอเยนต์ส่วนตัวต้องใช้วาทะเจรจากับ นิวซัม ให้ลงตัวภายในวันที่ 5 มีนาคม 2556 ก่อนเส้นตาย "แฟรนไชส์ เพลเยอร์" ถ้าไม่ได้ถึงปีละ 20 ล้านเหรียญฯ เรตระดับ 16-18 ล้านเหรียญฯ ก็น่าจะโอเค พร้อมกับไปเรียกเงินการันตี 600-700 ล้านบาทจากสัญญายาว 5-6 ปี รวมถึงพวกโบนัสการเซ็นสัญญาอีกสัก 400 ล้านบาท
ที่สุดแล้ว แฟล็กโก คงได้เป็นขุนพล "อีกาพญายม" ต่อไปดั่งที่ต้องการ ในเมื่อบอร์ดบริหารไม่มีทางเลือกนัก ทว่าสัญญาฉบับใหม่ดังกล่าวนอกจากกระทบต่ออนาคตของเพื่อนร่วมทีมหลายคน ยังเป็นคลื่นซัดสะเทือนอัตราค่าจ้าง "ควอเตอร์แบ็ก" ระดับหัวแถวของลีกให้ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นไปอีก กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส คงปวดขมับไม่น้อย เพราะ แอรอน ร็อดเจอร์ส กำลังจับจ้องสถานการณ์ของ แฟล็กโก ไม่ห่าง ซึ่งตัวเงินในสัญญาฉบับใหม่ของเขาไม่มีทางน้อยไปกว่าเพื่อนร่วมอาชีพแน่นอน
