xs
xsm
sm
md
lg

“หงส์ขาว” ยันเจ๊าสิงห์ ตีปีกเข้าเวมบลีย์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ฮาซาร์ด มีเรื่องกับเด็กเก็บบอลจนถูกไล่ออก
สวอนซี ซิตี สร้างประวัติศาตร์ของสโมสรด้วยการเข้าชิงชนะเลิศ ศึกฟุตบอล แคปิตอล วัน คัพ กับ แบรดฟอร์ด ซิตี เป็นครั้งแรก เมื่อคืนวันพุธที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา หลังเปิดบ้านเสมอกับ เชลซี 0-0 รวม 2 นัด “หงส์ขาว” ผ่านเข้ารอบด้วยสกอร์ 2-0

ฟุตบอล แคปิตอล วัน คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดสอง
สวอนซี 0-0 เชลซี (รวมผล 2 นัด สวอนซี เข้ารอบด้วยประตูรวม 2-0)

ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือขัดตาทัพ เชลซี ต้องเจองานหนักในการบุกเยือนถิ่น ลิเบอร์ตี สเตเดียม เมื่อเป็นพ่ายคาบ้านไปก่อน 0-2 ในนัดแรก ทำให้พลพรรค “สิงโตน้ำเงินคราม” ต้องยิงคืนอย่างน้อย 2 ลูก เพื่อลุ้นต่อในช่วงต่อเวลา หรือชนะด้วยผลต่าง 3 ประตู เพื่อเข้ารอบชิงใน 90 นาที

เสียงนกหวีดดังขึ้น ทั้งสองฝ่ายพยายามตั้งเกมบุกในแดนตัวเอง จึงยังไม่มีฝ่ายใดเข้าถึงพื้นที่อันตรายของคู่ต่อสู้ได้เลย เมื่อผ่าน 7 นาที สวอนซี ซิตี เริ่มทำเกมเหนือกว่า และกดดันคู่แข่งมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงนาทีที่ 9 เวย์น เราท์เลดจ์ จ่ายให้ มิชู ซัดจากกรอบโทษด้านซ้าย แต่ ปีเตอร์ เช็ก ล้มตัวปัดไว้ได้

“สิงโตน้ำเงินคราม” พยายามตอบโต้ แต่ก็ยังเจาะแนวรับคู่ต่อสู้ไม่เข้า ทำให้รูปเกมตกเป็นรองเล็กน้อย เข้าสู่นาที 20 ทีมเยือน จูนเครื่องติด และกลับมาครองเกมเหนือกว่า จนเกือบขึ้นนำนาที 23 เมื่อ ฆวน มาตา เปิดเตะมุมกราบขวามาทางเสาสองให้ แกรี เคฮิลล์ โขกย้อนศร แต่ถูก แอชลีย์ วิลเลียมส์ สกัดบนเส้นประตู ต่อมา 2 นาที รามิเรส ตะบันจากระยะ 30 หลา ไม่ผ่านมือเกอร์ฮาร์ด เทรมเมล

เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย “สิงห์บลูส์” แทบพับสนามบุก แต่ก็ไม่มีโอกาสเงื้อเท้ายิงแบบจะแจ้ง กอปรกับแนวรับ “หงส์ขาว” ยังทำหน้าที่อย่างรัดกุม จึงยังทำอะไรไม่ได้ ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 1 สาวก “เดอะ บลูส์” หวิดเฮ เมื่อ เดมบา บา กลับตัวยิงในกรอบโทษ บอลเหินข้ามคาน จากนั้น ยักษ์ใหญ่แห่งกรุงลอนดอน บดต่อเนื่อง แต่บอลสุดท้ายยังขาดความแม่นยำ ครบ 45 นาที ทั้งสองฝ่ายเสมอกันอยู่ 0-0

ลุยต่อครึ่งหลังรูปเกมไม่ต่างจากช่วงท้ายครึ่งแรก และหวิดขึ้นนำนาที 50 เมื่อ ฆวน มาตา พาบอลมาทางหน้อบโทษฝั่งซ้าย แล้วตบเข้ากลางมาให้ เดมบา บา ปั่นไซด์บริเวณหัวกะโหลกหลุดกรอบนิดเดียว จากนั้น แชมป์ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ประเคนเกมรุกแบบไม่ยั้ง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ขณะที่ ทีมจากเวลส์ ตั้งรับอย่างเหนียวแน่น

อาคันตุกะจากสแตมฟอร์ด บริดจ์ ขึงเกมบุกอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังหาโอกาสเข้าทำแบบเน้นๆ ไม่ได้ จนถึงนาที 73 ฆวน มาตา สับไกนอกกรอบโทษด้านขวา แต่ เกอร์ฮาร์ด เทรมเมล ล้มตัวรับแบบไร้ปัญหา จากนั้น ทีมของราฟาเอล เบนิเตซ ยังกดดันชุดใหญ่ แต่ก็เหมือนบุกใส่กำแพง

นาที 80 สถานการณ์ของ ทีมอันดับ 3 ของพรีเมียร์ ลีก ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก เมื่อ เอเดน ฮาซาร์ด ถูกใบแดงจากการมีเรื่องกับเด็กเก็บบอล ที่พยายามถ่วงเวลา จากนั้น ทีมของไมเคิล เลาดรูป เริ่มเน้นการครองบอล เพื่อปิดเกม และเกือบได้ประตูชัยนาที 84 เมื่อ นาธาน ดายเออน์ สับไกนอกกรอบโทษด้านขวา ปีเตอร์ เช็ก บินปัดไว้ได้ ขณะที่ ทีมจากเมืองหลวง ก็มีโอกาสตอบโต้บ้าง แต่จังหวะสุดท้ายยังขาดๆ เกินๆ ครบ 90 นาที จึงเสมอกัน 0-0 รวม 2 นัด สวอนซี เข้าชิงชนะเลิศด้วยสกอร์รวม 2-0

รายชื่อ 11 ตัวจริง
สวอนซี : เกอร์ฮาร์ด เทรมเมล , อังเคล รันเกล , แอชลีย์ วิลเลียมส์ , ชิโก ฟลอเรส , เบ็น เดวีส , ลีออน บริตตัน , โจนาธาน เด กุซมัน , คี ซุง ยอง , เวย์น เราท์เลดจ์ , ปาโบล เฮร์นานเดซ , มิชู
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก , บรานิสลาฟ อิวาโนวิช , แกรี เคฮิลล์ , เซซาร์ อัซปิลิคูเอตา , แอชลีย์ โคล , รามิเรส , แฟรงค์ แลมพาร์ด , ฆวน มาตา , ออสการ์ , เอเดน ฮาซาร์ด , เดมบา บา
กำลังโหลดความคิดเห็น