xs
xsm
sm
md
lg

"วอลเตอร์ส" โขกตัวเอง 2 เม็ด สิงห์ทุบหม้อ 4 ตุง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เชลซี บุกมาถล่ม สโตีค ซิตี ถึงถิ่น บริตทาเนีย สเตเดียม 4-0 จากการทำเข้าประตูตัวเอง 2 ลูกของ โจนาธาน วอลเตอร์ส ก่อน แฟรงค์ แลมพาร์ด และ เอเดน ฮาซาร์ด จะทำเพิ่มคนละ 1 ตุง ในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 12 ม.ค. ที่ผ่านมา

ฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
สโต๊ค 0-4 เชลซี

ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือขัดตาทัพ เชลซี หวังกู้ศรัทธาจากกองเชียร์ หลังพ่ายอย่างหมดรูปต่อ สวอนซี ในศึกแคปิทอล วัน คัพ เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา และปิดช่องว่างที่ถูก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทิ้งห่าง 14 แต้ม โดยเกมนี้ เดมบา บา ประเดิมล่าตาข่ายในพรีเมียร์ ลีก กับสังกัดใหม่ และได้ จอห์น เทอร์รี กัปตันทีมจอมอึด บนม้านั่งสำรอง ขณะที่ สโต๊ค ซิตี จัดทัพชุดใหญ่รับมือ

เสียงนกหวีดดังขึ้น ทั้งสองฝ่ายต่างเปิดเกมรุกเข้าใส่กัน แต่ก็ยังไม่มีฝ่ายใดเพลี่ยงพล้ำ จนถึงนาทีที่ 8 สโต๊ค ซิตี เกือบเฮ เมื่อ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช โหม่งสกัดลูกเปิดฟรีคิกจากกราบขวามาเข้าเท้า แอนดี วิลกินสัน ยิงสวน บอลแฉลบมาเข้าทาง เคนวิน โจนส์ ทางกรอบโทษด้านซ้าย แต่แปหลุดเสาไกล

หลังถูกทักทาย เชลซี พยายามตอบโต้ แต่การจ่ายบอลยังขาดความแน่นอน ทำให้ เจ้าถิ่น กดดันต่อเนื่อง แต่ก็ไม่มีช็อตหวาดเสียวเพิ่ม จนถึงนาที 25 "สิงโตน้ำเงินคราม" มีลุ้นบ้าง เมื่อ เอเดน ฮาซาร์ด พลิกบอลบริเวณหัวกะโหลก แล้วจ่ายต่อให้ เดมบา บา ดีดต่อให้ แฟรงค์ แลมพาร์ด หลุดเดี่ยวแต่แปติดเซฟ อัสเมียร์ เบโกวิช

ต่อมา ทั้งสองฝ่ายต่างเปิดหน้าแลก เข้าสู่นาที 34 สาวก "เดอะ บลูส์" หวิดเฮ เมื่อ แฟรงค์ แลมพาร์ด วางบอลยาวบริเวณกลางสนามให้ เดมบา บา พักอกแล้วยิงยัดเสาแรกทางกรอบโทษด้านซ้าย แต่ เบโกวิช ยังป้องกันได้ ขณะที่ รามิเรส ตามซ้ำ แต่ แอนดี วิลกินสัน ตามบล็อคทันท่วงที

รูปเกม "สิงห์บลูส์" กลับมาเหนือกว่า ขณะที่ "เดอะ พ็อตเตอร์ส" ตอบโต้บ้างในนาที 41 เมื่อ เกล็นน์ วีแลน ได้จังหวะวอลเลย์บริเวณหัวกะโหลก บอลติดไซด์ก้อย แต่ ปีเตอร์ เช็ก ยังรับอยู่หมัด ครึ่งแรกทำท่าว่าจะจบลงด้วยผลเสมอ ทว่าช่วงทดเจ็บนาทีที่ 2 แชมป์ยุโรป 1 สมัย ขึ้นนำ 1-0 เมื่อ เอเดน ฮาซาร์ด ได้บอลทางกรอบโทษด้านขวา แล้วไหลให้ เซซาร์ อัซปิลิคูเอตา ที่วิ่งอ้อมหลังขึ้นมา เปิดโด่งมาถึงเสาสอง โจนาธาน วอลเตอร์ส ที่ลงมาช่วยเกมรับ โหม่งเข้าประตูตัวเอง ก่อนครบ 45 นาทีด้วยสกอร์ดังกล่าว

ลุยต่อครึ่งหลัง "ช่างปั้นหม้อ" เปิดฉากรุกหนักตั้งแต่ออกสตาร์ท และเกือบตีเสมอ ในนาที 54 เมื่อ สตีเวน เอ็นซอนซี สับไกจากนอกกรอบโทษด้านขวา บอลกำลังจะเสียบใต้คาน แต่ ปีเตอร์ เช็ก ปัดข้ามคาน จากนั้น ยักษ์ใหญ่แห่งกรุงลอนดอน เป็นฝ่ายครองเกมได้บ้าง ขณะที่ ทีมของ โทนี พูลิส อาศัยการเพรสซิงแย่งบอลไปได้ แต่การผ่านบอลสุดท้ายยังไม่เฉียบขาด

นาที 62 กลับเป็น ทีมของ ราฟาเอล เบนิเตซ โขยกหนี 2-0 เมื่อ ฆวน มาตา เปิดมุมจากกราบขวามากลางประตู แฟรงค์ แลมพาร์ด ซึ่งพยายามแย่งโหม่งกับ โจนาธาน วอลเตอร์ส แต่บอลโดนศีษะ วอลเตอร์ส ตุงตาข่าย ต่อมา 3 นาที อาคันตุกะจากถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ทิ้งห่าง 3-0 จากจุดโทษ เมื่อ "แลมพ์" วางบอลให้ มาตา หลุดมาทางกรอบโทษด้านขวา ก่อนถูก โรเบิร์ต ฮุธ เบียดล้มลงในกรอบโทษ ก่อน อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษ สังหารไม่พลาด

โมเมนตัมพลิกมาอยู่ฝั่ง ทีมจากเมืองหลวง ที่ทำเกมรุกอย่างหนัก ขณะที่รูปเกม เจ้าบ้าน เริ่มแผ่วลงไป ก่อนจะเสียประตูที่ 4 ในนาที 73 จากการยิงไกลอย่างสุดสวย บริเวณหัวกะโหลกของ เอเดน ฮาซาร์ด บอลติดไซด์ก้อยหนีมือ เบโกวิช เสียบมุมอย่างหมดจด

ช่วงเวลาที่เหลือ อาคันตุกะจาก สแตมฟอร์ด บริดจ์ เพลาเครื่องลง ทำให้ สโต๊ค ชวดได้ประตูปลอบใจนาที 90 เมื่อ จอห์น เทอร์รี เกี่ยว โจนาธาน วอลเตอร์ส ล้มลงในกรอบโทษ แต่เจ้าตัวซัดข้ามคานแบบไม่มีลุ้น จบเกม เชลซี เอาชนะ 4-0 ขยับมาอยู่ที่ 3 แทน ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส

รายชื่อ 11 ตัวจริง

สโต๊ค : อัสเมียร์ เบโกวิช , เจฟฟ์ คาเมรอน , โรเบิร์ต ฮุธ , ไรอัน ชอว์ครอสส์ , แอนดี วิลกินสัน , เกล็นน์ วีแลน , สตีเวน เอ็นซอนซี , ชาร์ลี อดัม , โจนาธาน วอลเตอร์ส , แม็ทธิว เอเธอริงตัน , เคนวิน โจนส์

เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก , บร่นิสลาฟ อิวาโนวิช , แอชลีย์ โคล , ดาวิด ลุยซ์ , เซซาร์ อัซปิลิคูเอตา , รามิเรส , แฟรงค์ แลมพาร์ด , เอเดน ฮาซาร์ด , ไรอัน เบอร์ทรานด์ , ฆวน มาตา , เดมบา บา

ผลฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ประจำวันเสาร์ที่ 12 มกราคม

แอสตัน วิลลา 0-1 เซาแธมป์ตัน
[0-1 ริคกี แลมเบิร์ต (จุดโทษ) น.34]

เอฟเวอร์ตัน 0-0 สวอนซี

ฟูแลม 1-1 วีแกนฯ
[1-0 จอร์จอส คารากูนิส น.22 , 1-1 ฟรังโก ดิ ซานโต น.71]

นอริช 0-0 นิวคาสเซิล

เรดดิง 3-2 เวสต์บรอมฯ
[0-1 โรเมลู ลูกากู น.19 , 0-2 โรเมลู ลูกากู น.69 , 1-1 จิมมี เคเบ น.82 , 2-2 อดัม เล ฟอนเดร (จุดโทษ) น.88 , 3-2 พาเวล โพรเกรบเนียค น.90]

ซันเดอร์แลนด์ 3-0 เวสต์แฮมฯ
[1-0 เซบาสเตียน ลาร์สสัน น.12 , 2-0 อดัม จอห์นสัน น.47 , 3-0 เจมส์ แม็คคลีน น.74]
แฟนบอลตามประท้วง ราฟา
วอลเตอร์สโขกตัวเองเม็ดแรก
วอลเตอร์ส ยิงตัวเองอีกเม็ด
แลมพ์ สังหารโทษ
กำลังโหลดความคิดเห็น