โรแม็ง โกร์สช็อง นักขับชื่อดังของทีมเรโนลต์ ในศึกฟอร์มูลา วัน โชว์ฟอร์มเยี่ยมคว้าแชมป์ “เรซ ออฟ แชมเปียนส์” ประเภทนักขับเดี่ยวมาครองได้แบบพลิกความคาดหมาย หลังจัดการเขี่ย เซบาสเตียน เวทเทล แชมป์เอฟวัน 3 สมัย และ มิชาเอล ชูมัคเกอร์ ตำนานเอฟวันจากเมืองเบียร์ ตกรอบก่อนถึงชิงชนะเลิศ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ที่ผ่านมา
ศึกรถแข่งรายการพิเศษ “เรด บูลล์ สิงห์ เรซ ออฟ แชมเปียนส์ 2012” ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน ดำเนินการมาจนถึงวันสุดท้าย โดยรอบนี้จะเป็นรอบ “แชมเปียนส์ ออฟ แชมเปียนส์” เฟ้นหานักขับที่เร็วที่สุดครองแชมป์ประเภทนักขับเดี่ยว โดยรอบนี้การแข่งขันแบ่งออกเป็นสี่กลุ่มๆ ละ สี่คน ผู้ที่ทำสถิติดีที่สุด สองอันดับแรกทั้งหมด 8 คน จะได้เข้าไปดวลในรอบน็อคเอาท์ จนเหลือสองคนสุดท้าย เพื่อตัดสินแชมป์
สำหรับกลุ่มที่น่าสนใจ อยู่ที่กลุ่มซี ที่มีนักขับฝีมือฉมังอย่าง เซบาสเตียน เวทเทล แชมป์โลกฟอร์มูลา วัน 3 สมัย, ฆอร์เก ลอเรนโซ แชมป์โลกโมโตจีพี 2 สมัย, มิค ดูฮาน ตำนานแชมป์โลกโมโตจีพี รุ่น 500 ซีซี ชาวออสซี และ ติณห์ ศรีตรัย ตัวแทนนักขับชาวไทย ส่วนกลุ่มดี มีสุดยอดแชมป์โลกเอฟวัน 7 สมัย อย่าง มิชาเอล ชูมัคเกอร์, ไรอัน ฮันเตอร์เรย์ แชมป์อินดี คาร์ คนล่าสุด, คาซุยะ โอชิมา นักขับมือดีจากญี่ปุ่น และ โรแม็ง โกรส์ช็อง นักซิ่งจอมดีเดือดแห่งวงการรถสูตรหนึ่ง ชาวฝรั่งเศส
ปรากฏว่า เต็งแชมป์ทั้งหลายอย่าง เวทเทล, ชูมัคเกอร์, ดูฮาน, โกรส์ช็อง ผ่านเข้ารอบ 8 คนสุดท้ายกันถ้วนหน้า ขณะที่สองนักขับชาวไทยอย่าง ณัฐวุฒิ และ ติณห์ โชว์ฟอร์มซิ่งถึงใจคนดู และได้รับเสียงเชียร์กึกก้องไปทั่วราชมังคลากีฬาสถาน แต่สุดท้ายตกรอบไปแบบฉิวเฉียดและน่าเสียดาย
แต่ช่วง 8 คนสุดท้าย มีการพลิกโผเกิดขึ้น เมื่อ เซบาสเตียน โอกิเยร์ แชมป์เก่า และ เซบาสเตียน เวทเทล สุดหล่อขวัญใจชาวไทย ตกรอบ ซึ่งในรายของแชมป์เอฟวัน 3 สมัยนั้น คุมรถไม่อยู่เฉี่ยวขอบทางจนรถมีปัญหาต้องออกจากการแข่งขัน แล้วเป็น โรแม็ง โกรส์ช็อง ที่เอาชนะ “เซ็บ” แล้วเข้ารอบรองชนะเลิศไปดวลกับ ชูมัคเกอร์ ที่ชนะ ดูฮาน ไปแบบขาดลอย ด้วยรถยูโรคาร์ เรียกเสียงซู้ดปากจากคนดูทั่วสนาม
และไฮไลท์สำคัญในรอบตัดเชือก ระหว่าง โกร์สช็อง กับ “ชูมี” ปรากฏว่านักแข่งชาวฝรั่งเศส โชว์ฟอร์มสุดยอดบดคันเร่งรถ KTM แซงหน้าแชมป์โลกเอฟวัน 7 สมัย ในโค้งสุดท้ายของรอบสุดท้ายไปแบบเฉียดฉิว ส่งให้เจ้าตัวเข้าไปดวลกับ ทอม คริสเตนเซน แชมป์ เลอ มังส์ 24 ชม. ในที่สุด ซึ่งสุดท้ายแล้วเป็น โกรส์ช็อง ที่คว้าแชมป์ “แชมป์เปียนส์ ออฟ แชมเปียนส์” ประจำปีนี้ไปครองในที่สุด หลังเอาชนะ คริสเตนเซน ไปได้ 2-0