คอลัมน์ “Final Quarter” โดย “ลุงแซม”
คลิ๊กติดตามข่าวสารทางเว็บไซต์ต่างๆ ตามปกติ แล้วเกิดไปสะดุดกับคอลัมน์ของ "เคลลี ดอว์เยอร์" ที่เขียนไว้ใน "ยาฮู สปอร์ตส" ซึ่งตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับ ไมอามี ฮีต ที่เตรียมปวดหัวกับสถานการณ์ "เพดานเงินเดือน" ในปี 2014 ทว่านี่เป็นปัญหาที่ทีมใหญ่ของศึกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) ต้องเผชิญไม่ว่าช้าหรือเร็ว
ไมอามี ฮีต เสริมขุมพลังดึง เลอบรอน เจมส์ กับ คริส บอช มาผนึกกำลัง ดีเวย์น เหว็ด เป็น "บิ๊กทรี" เมื่อช่วงหน้าร้อนปี 2010 ให้หลังแค่สองฤดูกาล บิ๊กโปรเจคที่ แพต ไรลีย์ วาดหวังไว้ก็ผลิดอกออกผลเป็น "แลร์รี โอไบรอัน โทรฟี" ประดับโชว์อยู่ที่สนามอเมริกันแอร์ไลน์ส อารีนา แต่หลังจบฤดูกาลนี้ (2012/13) ประธานทีมและผู้จัดการทั่วไปวัย 67 ปี ต้องดีดลูกคิดคำนวณให้ดีว่าจะเก็บผู้เล่นคนใดไว้ใช้งานต่อบ้าง เพื่อไม่ให้กระทบต่อซาลารีแคป อันจะนำไปสู่การต้องจ่าย "ภาษีฟุ่มเฟือย" โดยใช่เหตุแบบเหรียญต่อเหรียญสหรัฐ
จากการไปเสาะหาตัวเลขในฤดูกาล 2014/15 แค่ค่าจ้างในส่วนของ "บิ๊กทรี" รวมกันก็ 61,344,000 ล้านเหรียญฯ ไปแล้ว นี่ยังไม่รวมกับตัวประกอบที่ต้องเติมเข้ามาให้ครบทีม 12 คน ซึ่งก็คงจะเกินแคปอย่างไม่ต้องสงสัย อาจพุ่งทะลุถึง 141.3 ล้านเหรียญฯ ตามที่ มร.ดอว์เยอร์ คาดการณ์ไว้ นั่นหมายความว่า ฮีต ต้องเสีย "luxury-tax" เข้ากงสีเป็นเงินราว 48 ล้านเหรียญฯ เลยทีเดียว นั่นมิใช่วิสัยที่ ไรลีย์ จะยอมให้เกิดขึ้นแน่ หากยังได้นั่งแท่นดูแลบริหารแฟรนไชส์นี้อยู่
ทางแก้เบื้องต้นคือ ต้องไล่ปล่อยองค์ประกอบเสริมที่ค่าเหนื่อยแพงไป ไมค์ มิลเลอร์ ไม่แคล้วถูกหวยเด้ง 6.6 ล้านเหรียญฯ จึงถูกโละไป เพื่อเปิดช่องให้ ฮีต มีโอกาสได้เจรจาสัญญากับซูเปอร์สตาร์ แต่ถ้าใครคนใดคนหนึ่งเลือกใช้อ๊อปชั่นเป็น "ฟรีเอเยนต์" ปัญหาแคปคงทุเลา ถึงวันนั้น เลอบรอน อาจอิ่มความสำเร็จที่ไมอามี พร้อมลากกระเป๋าไปสานต่อภารกิจ โคบี ไบรอันต์ ลุ้นเป็นตำนานคนต่อไป แอลเอ เลเกอร์ส แล้วก็ได้ ทว่าหากเอาใจ ไรลีย์ มาใส่ใจเรา "คิงเจมส์" เป็นผู้เล่นแห่งแฟรนไชส์ที่ทีมห้ามปล่อยไปไหน ดังนั้นคงต้องเลือกแล้วว่าจะหาทางเจรจาสัญญาเกลี่ยค่าจ้างกันใหม่ได้หรือไม่ และกับใครระหว่าง ดี-เหว็ด หรือ คริส บอช
ด้วยอายุการใช้งาน "อวตาร" บอช น่าจะคุ้มกว่า เหว็ด ที่ระยะมีประวัติเจ็บค่อนข้างบ่อย กลางเดือนมกราคมนี้การ์ดดีกรี "ผู้เล่นทรงคุณค่า" (MVP) รอบชิงปี 2006/07 จะอายุ 31 ปี ค่าจ้างเกือบๆ 36 ล้านเหรียญฯ ในอีก 2 ปีข้างหน้าอาจแพงเกินไปสำหรับ ฮีต ก็เป็นได้ ถึงแม้ เหว็ด เปรียบเสมือนสัญลักษณ์เป็น มร.ฮีต ไปแล้วก็ตาม
ซึ่งในโลกความจริงของวงการยัดห่วงภายใต้กฎ "เพดานเงินเดือน" โอกาสอยู่โยงแบบ "บิ๊กทรี" ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส เป็นไปได้ยากยิ่ง ซึ่งหลังจบฤดูกาล 2012/13 มานู จิโนบิลี โอกาสได้สัญญาก้อนโตจากทีมดังแห่งเท็กซัส ยากเหลือเกิน เพราะตอนนี้ เกร็ก โพโพวิช หัวหน้าโค้ชคนเก่งมีตัวเลือกโดยเฉพาะตำแหน่งแบ็กคอร์ตเต็มไปหมด สเปอร์ส จึงต้องก้าวต่อไปเหลือแค่ดูโออย่าง โทนี พาร์เกอร์ กับ ทิม ดันแคน เป็นตัวชูโรง
ส่วน บอสตัน เซลติกส์ ซึ่ง "บิ๊กทรี" รุ่นเก่าเริ่มแยกทางไปแล้ว จากการที่ เรย์ อัลเลน โยกไปเล่นให้ฮีต อย่างไรก็ตาม ราจอน รอนโด ขึ้นมาเสียบประสานงานรุ่นเก๋า พอล เพียร์ซ กับ เควิน การ์เนตต์ ทว่าหลังจบปี 2013 อาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงเริ่มตั้งแต่ แดนนี เอนจ์ ผู้จัดการทั่วไปจะตัดสินใจอย่างไรกับอนาคต เพียร์ซ กัปตันทีม ถ้าได้สัญญาฉบับใหม่ ก็หมายความว่า "เค.จี." คงต้องลาถิ่น ทีดี การ์เดน แต่คงเป็นกรณีรีไทร์ เหตุจากพาวเวอร์ ฟอร์เวิร์ด จอมรีบาวดน์วัยล่วงเลยไปถึง 38 ปี แล้วนั่นเอง
คลิ๊กติดตามข่าวสารทางเว็บไซต์ต่างๆ ตามปกติ แล้วเกิดไปสะดุดกับคอลัมน์ของ "เคลลี ดอว์เยอร์" ที่เขียนไว้ใน "ยาฮู สปอร์ตส" ซึ่งตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับ ไมอามี ฮีต ที่เตรียมปวดหัวกับสถานการณ์ "เพดานเงินเดือน" ในปี 2014 ทว่านี่เป็นปัญหาที่ทีมใหญ่ของศึกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) ต้องเผชิญไม่ว่าช้าหรือเร็ว
ไมอามี ฮีต เสริมขุมพลังดึง เลอบรอน เจมส์ กับ คริส บอช มาผนึกกำลัง ดีเวย์น เหว็ด เป็น "บิ๊กทรี" เมื่อช่วงหน้าร้อนปี 2010 ให้หลังแค่สองฤดูกาล บิ๊กโปรเจคที่ แพต ไรลีย์ วาดหวังไว้ก็ผลิดอกออกผลเป็น "แลร์รี โอไบรอัน โทรฟี" ประดับโชว์อยู่ที่สนามอเมริกันแอร์ไลน์ส อารีนา แต่หลังจบฤดูกาลนี้ (2012/13) ประธานทีมและผู้จัดการทั่วไปวัย 67 ปี ต้องดีดลูกคิดคำนวณให้ดีว่าจะเก็บผู้เล่นคนใดไว้ใช้งานต่อบ้าง เพื่อไม่ให้กระทบต่อซาลารีแคป อันจะนำไปสู่การต้องจ่าย "ภาษีฟุ่มเฟือย" โดยใช่เหตุแบบเหรียญต่อเหรียญสหรัฐ
จากการไปเสาะหาตัวเลขในฤดูกาล 2014/15 แค่ค่าจ้างในส่วนของ "บิ๊กทรี" รวมกันก็ 61,344,000 ล้านเหรียญฯ ไปแล้ว นี่ยังไม่รวมกับตัวประกอบที่ต้องเติมเข้ามาให้ครบทีม 12 คน ซึ่งก็คงจะเกินแคปอย่างไม่ต้องสงสัย อาจพุ่งทะลุถึง 141.3 ล้านเหรียญฯ ตามที่ มร.ดอว์เยอร์ คาดการณ์ไว้ นั่นหมายความว่า ฮีต ต้องเสีย "luxury-tax" เข้ากงสีเป็นเงินราว 48 ล้านเหรียญฯ เลยทีเดียว นั่นมิใช่วิสัยที่ ไรลีย์ จะยอมให้เกิดขึ้นแน่ หากยังได้นั่งแท่นดูแลบริหารแฟรนไชส์นี้อยู่
ทางแก้เบื้องต้นคือ ต้องไล่ปล่อยองค์ประกอบเสริมที่ค่าเหนื่อยแพงไป ไมค์ มิลเลอร์ ไม่แคล้วถูกหวยเด้ง 6.6 ล้านเหรียญฯ จึงถูกโละไป เพื่อเปิดช่องให้ ฮีต มีโอกาสได้เจรจาสัญญากับซูเปอร์สตาร์ แต่ถ้าใครคนใดคนหนึ่งเลือกใช้อ๊อปชั่นเป็น "ฟรีเอเยนต์" ปัญหาแคปคงทุเลา ถึงวันนั้น เลอบรอน อาจอิ่มความสำเร็จที่ไมอามี พร้อมลากกระเป๋าไปสานต่อภารกิจ โคบี ไบรอันต์ ลุ้นเป็นตำนานคนต่อไป แอลเอ เลเกอร์ส แล้วก็ได้ ทว่าหากเอาใจ ไรลีย์ มาใส่ใจเรา "คิงเจมส์" เป็นผู้เล่นแห่งแฟรนไชส์ที่ทีมห้ามปล่อยไปไหน ดังนั้นคงต้องเลือกแล้วว่าจะหาทางเจรจาสัญญาเกลี่ยค่าจ้างกันใหม่ได้หรือไม่ และกับใครระหว่าง ดี-เหว็ด หรือ คริส บอช
ด้วยอายุการใช้งาน "อวตาร" บอช น่าจะคุ้มกว่า เหว็ด ที่ระยะมีประวัติเจ็บค่อนข้างบ่อย กลางเดือนมกราคมนี้การ์ดดีกรี "ผู้เล่นทรงคุณค่า" (MVP) รอบชิงปี 2006/07 จะอายุ 31 ปี ค่าจ้างเกือบๆ 36 ล้านเหรียญฯ ในอีก 2 ปีข้างหน้าอาจแพงเกินไปสำหรับ ฮีต ก็เป็นได้ ถึงแม้ เหว็ด เปรียบเสมือนสัญลักษณ์เป็น มร.ฮีต ไปแล้วก็ตาม
ซึ่งในโลกความจริงของวงการยัดห่วงภายใต้กฎ "เพดานเงินเดือน" โอกาสอยู่โยงแบบ "บิ๊กทรี" ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส เป็นไปได้ยากยิ่ง ซึ่งหลังจบฤดูกาล 2012/13 มานู จิโนบิลี โอกาสได้สัญญาก้อนโตจากทีมดังแห่งเท็กซัส ยากเหลือเกิน เพราะตอนนี้ เกร็ก โพโพวิช หัวหน้าโค้ชคนเก่งมีตัวเลือกโดยเฉพาะตำแหน่งแบ็กคอร์ตเต็มไปหมด สเปอร์ส จึงต้องก้าวต่อไปเหลือแค่ดูโออย่าง โทนี พาร์เกอร์ กับ ทิม ดันแคน เป็นตัวชูโรง
ส่วน บอสตัน เซลติกส์ ซึ่ง "บิ๊กทรี" รุ่นเก่าเริ่มแยกทางไปแล้ว จากการที่ เรย์ อัลเลน โยกไปเล่นให้ฮีต อย่างไรก็ตาม ราจอน รอนโด ขึ้นมาเสียบประสานงานรุ่นเก๋า พอล เพียร์ซ กับ เควิน การ์เนตต์ ทว่าหลังจบปี 2013 อาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงเริ่มตั้งแต่ แดนนี เอนจ์ ผู้จัดการทั่วไปจะตัดสินใจอย่างไรกับอนาคต เพียร์ซ กัปตันทีม ถ้าได้สัญญาฉบับใหม่ ก็หมายความว่า "เค.จี." คงต้องลาถิ่น ทีดี การ์เดน แต่คงเป็นกรณีรีไทร์ เหตุจากพาวเวอร์ ฟอร์เวิร์ด จอมรีบาวดน์วัยล่วงเลยไปถึง 38 ปี แล้วนั่นเอง