ASTVผู้จัดการรายวัน – "ทรู วิชั่นส์" เคเบิลทีวียักษ์ใหญ่ของไทย ลั่นกลองรบโค้งสุดท้ายในการประมูลลิขสิทธิ์ฟุตบอล "พรีเมียร์ ลีก" โดย นายองอาจ ประภากมล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานคอมเมอร์เชียลทรูวิชั่นส์ ให้สัมภาษณ์ทีมข่าว MGR Sport เชื่อในศักยภาพรอบด้านที่สามารถมัดใจเจ้าของลิขสิทธิ์จากอังกฤษได้และของดีแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะสามารถอยู่ในมือของทุกคนได้เสมอไป
หลังจากที่ 3 ค่ายดังไม่ว่าจะเป็น บริษัท ทรู วิชั่นส์ จำกัด (มหาชน), จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ จำกัด (มหาชน) และอาร์เอส จำกัด (มหาชน) ออกตัวแรงประกาศชัดต้องการฮุบลิขสิทธิ์ "พรีเมียร์ลีก" มาครองให้จงได้ ตอนนี้ถึงช่วง 100 เมตรสุดท้าย ที่ทุกฝ่ายได้ทำการยื่นประมูลไปยัง พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ซึ่งไม่นานนี้แฟนลูกหนังชาวไทยก็จะทราบว่าที่สุดแล้วใครจะได้รับความไว้วางใจให้ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลลีกที่ได้รับความนิยมสูงสุดของโลกต่อไปอีก 3 ฤดูกาล
ซึ่ง นายองอาจ ประภากมล ยืนยันถึงความมั่นใจว่า “ตอนนี้ทีมบริหารอีกชุดที่ดูแลเรื่องการประมูล ทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อให้ลิขสิทธิ์ พรีเมียร์ ลีก ยังอยู่กับเราต่อไป ส่วนตัวผมเชื่อว่าศักยภาพที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นทีมผู้บรรยาย ช่องทางการถ่ายทอดสดทางเอชดีที่เพิ่มขึ้น มีช่องรองรับกายถ่ายทอดสดทั้ง 10 คู่ต่อสัปดาห์ กอปรกับการเป็นพันธมิตรกันมายาวนานกับ พรีเมียร์ลีก ทำให้ ทรู วิชั่น ส์มั่นใจเต็มร้อย เพราะเงินไม่ใช่ปัจจัยเดียว”
“อย่างไรก็ตาม ถ้าเกิดกรณีคู่แข่งเจ้าใดทุ่มประมูลในราคาที่แพงเกินเหตุ ซึ่งทาง ทรู วิชั่นส์ มองว่าเกินความเป็นจริง เราคงต้องยอมปล่อย พรีเมียร์ ลีก ไป โดยเรามีจุดยืนชัดเจน ไม่มีนโยบายไปง้อขอแบ่งซื้อมาถ่ายทอดสด เนื่องจากยังมีคอนเทนต์อื่นที่สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับสมาชิก ไม่ว่าจะเป็น ภาพยนตร์ สารคดี ช่องข่าวสารที่แน่นด้วยคุณภาพ ในส่วนของกีฬาการมีลิขสิทธิ์ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ก็เหมือนได้สโมสรชั้นนำมาชิงชัยความสำเร็จในถ้วยยุโรปอยู่แล้ว ยังไม่รวมถึง ยูโรปา ลีก, ฟุตบอล กัลโช เซเรีย อา อิตาลี, กอล์ฟ, เทนนิส และคอ อเมริกันเกมส์ ที่เราได้ทั้ง บาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) และศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) กลับมาทั้งหมดแล้ว” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงาน คอมเมอร์เชียล ทรูวิชั่นส์ เผยต่อ
“ส่วนที่หลายคนตั้งคำถามว่า ถ้า ทรูวิชั่นส์ เสีย พรีเมียร์ลีก ไปจะเกิดผลกระทบเสียหายนั้น ผมขอยกตัวอย่างว่าเปรียบเสมือนอาหารจานหนึ่ง ถึงแม้เป็นจุดขายของร้านก็จริง แต่เรายังมีเมนูอื่นให้ผู้บริโภคได้เลือกสรร ซึ่งอาหารเหล่านั้นล้วนมีคุณภาพ เราไม่ได้มีแค่กลุ่มสมาชิกที่เป็นแฟนฟุตบอล พรีเมียร์ลีก ทั้งนี้ในอนาคตเรายังพร้อมเสริมคอนเทนต์อื่นๆ เข้ามาเติมเต็มความต้องการได้อีก โดย ไทยพรีเมียร์ลีก ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นทุกขณะ ตอนนี้ ทรู วิชั่นส์ ก็ยังถือลิขสิทธิ์อยู่ และเชื่อว่าจะคงไว้ได้ต่อไป ในเมื่อเรามีความสัมพันธ์อันดีกับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่ผ่านมา ทรู วิชั่นส์ ให้การสนับสนุนบอลไทยไม่น้อย ในการส่งเสริมช่วยพัฒนาวงการ” หนึ่งในหัวเรือสำคัญ กล่าวเสริม
นายองอาจ ให้ข้อคิดทิ้งท้ายอีกว่า “สุดท้ายถ้าเกิดลิขสิทธิ์ไม่ได้อยู่ในมือของ ทรู วิชั่นส์ จริงๆ เราก็ต้องมาดูว่าเจ้าใดจะคว้าไปครองและบริษัทนั้นๆ จะบริหารจัดการกับลิขสิทธิ์นี้ในมืออย่างไร ในเมื่อต้องทุ่มทุนมหาศาลขนาดที่ว่า ทรู วิชั่นส์ ซึ่งมีกำไรปีละ 1 หมื่นล้านบาทไม่สามารถสู้ได้ จากนั้นเมื่อเกิดสถานการณ์ที่เรียกเป็นประสาชาวบ้านว่าเข้าเนื้อประสบภาวะขาดทุนมากเกินความจำเป็น ที่สุดแล้วเราก็คงไม่เสีย พรีเมียร์ ลีก ไปนานสุดท้ายก็ต้องกลับมาที่เดิมอยู่ดี เพราะ ทรู วิชั่นส์ ถือว่ามีศักยภาพที่คู่ควรจะบริหารจัดการกับ พรีเมียร์ ลีก ที่ถือว่าเป็นลีกฟุตบอลที่มีมูลค่าสูงที่สุดแล้วก็ว่าได้”