ASTVผู้จัดการรายวัน - นับจากนี้เหลืออีกแค่ 3 สนามแฟนความเร็วทั่วโลกจะได้ทราบแล้วว่าใครจะซิวตำแหน่งแชมป์โลก ฟอร์มูลา วัน ประจำฤดูกาล 2012 ไปครอง โดยเวลานี้มีแค่ม้า 2 ตัวเท่านั้นที่มีโอกาสควบเข้าวินคือ เซบาสเตียน เวทเทล กับ เฟร์นานโด อลอนโซ โดย “แชมป์เก่า 2 สมัย” ชาวเยอรมัน มีภาษีดีที่สุด หลังซิวแชมป์มา 4 สนามติด แต่เมื่อแต้มยังไม่ขาดทฤษฎียังมีความเป็นไปได้ MGR SPORT จึงขอนำไปเจาะไล่เรียงกันทีละเรซเลยว่าสุดท้ายแล้วตำแหน่งแชมป์น่าจะเป็นของใคร
1. อาบูดาบี กรังด์ ปรีซ์ (2-4 พฤศจิกายน : ยาส มารินา เซอร์กิต สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์)
ย้อนกลับไปฤดูกาล 2011 ถือเป็นเรซที่น่าผิดหวังของ เวทเทล แม้ซิวตำแหน่งโพล โพซิชัน ในรอบควอลิฟาย แต่เมื่อถึงเวลาแข่งรอบชิงชนะเลิศ รถแข่ง RB7 กลับมีปัญหายางแตกระหว่างทาง ส่งผลให้ต้องออกจากการแข่งขันแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเป็น ลูอิส แฮมิลตัน นักขับเลือดร้อนของแม็คลาเรน ที่หยิบแชมป์ไปครอง อย่างไรก็ดี หากพลิกสถิติเก่าของ “เซ็บ” ที่สนามแห่งนี้ นับตั้งแต่ถูกบรรจุเข้าปฏิทินเอฟวันครั้งแรกในปี 2009 ถือเป็นเรซสุดถนัดทีเดียว เพราะคว้าแชมป์ได้ถึงสองสมัยติดต่อกัน (2009-2010)
ขณะที่ อลอนโซ 3 เรซหลังที่ดูไบ ผลงานดีที่สุดคือขึ้นโพเดียมอันดับ 2 เมื่อฤดูกาลที่แล้ว แน่นอนว่าอาจสู้กับ เรด บูลล์ ได้อย่างสูสี แต่ด้วยความที่สนามนี้เอื้อให้กับรถของเรดบูลล์ ได้รีดประสิทธิภาพออกมาแบบสูงสุดเมื่อเข้าถึงทางตรงที่มีอยู่แทบทุกส่วน รวมถึงศักยภาพเครื่องยนต์ของรถ F2012 ที่พักหลังม้าลำพองไม่ออกจนถูก กระทิงแดง แซงปาดหน้า 4 เรซล่าสุด ก็กลายเป็นคำถามสำคัญที่ทีมงาน “ม้าลำพอง” ต้องกลับไปขบคิด แล้วนำคำตอบที่ได้กลับมาเซ็ตรถให้ดียิ่งขึ้นโดยเฉพาะรอบควอลิฟายก่อนถึงเวลาแข่งจริง
2. ยูเอส กรังด์ ปรีซ์ (16-18 พฤศจิกายน : เซอร์กิต ออฟ ดิ อเมริกาส์ สหรัฐอเมริกา)
ถ้าสนามแรกทั้งคู่จองโพเดียม 1-2 ไว้ได้ ด่านต่อไปที่ต้องเจอคือแทร็กที่แดนลุงแซม ที่ได้ฤกษ์กลับมาอยู่ในปฏิทิน เอฟวัน อีกครั้งหลังห่างหายไปตั้งแต่ปี 2007 เพราะปัญหาเงินๆทองๆ ในการต่อสัญญา สำหรับเรซนี้ย้อนกลับไปครั้งล่าสุด เป็น ลูอิส แฮมิลตัน ที่หยิบแชมป์ไปครอง อย่างไรก็ตาม สถิติของ อลอนโซ ที่ขับให้กับ แม็คลาเรน ในปีนั้นถือว่าน่าสนใจ เพราะเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 2 ตามหลังคู่แค้นอย่าง แฮมิลตัน ไปติดๆ
ด้าน เวทเทล ที่ยังเป็นนักขับของ บีเอ็มดับเบิลยู เซาเบอร์ ออกสตาร์ทกริดที่ 7 แต่จบผลงานซิ่งที่อันดับ 8 ดังนั้น ประสบการณ์และความเจนสนามของ อลอนโซ น่าจะช่วยให้เจ้าตัวจับจองโพเดียมอันดับ 1 ได้ไม่ยาก แต่สิ่งสำคัญคือต้องไม่ประมาทคู่แข่งเป็นอันขาด เพราะหากผ่านโค้งที่ 11 ไปแล้ว อาจเป็นทีของ เวทเทล ที่จะใช้ทางตรงบริเวณนั้น ปาดหน้าคว้าชัยไปก็เป็นได้
3. บราซิเลียน กรังด์ ปรีซ์ (23-25 พฤศจิกายน : ออโตโดรโม โชเซ คาร์อส เพซ บราซิล)
สุดท้าย ถ้าสองสนามก่อนหน้ายังไม่มีฝ่ายใดหลุดตำแหน่งโพเดียมไปก่อน เวทเทล และ อลอนโซ จะต้องกลับมาดวลฏีกาที่ดินแดนแซมบ้า โดยสำหรับการแข่งขันฤดูกาลที่แล้ว ผู้ที่ได้ฉลองชัยส่งท้ายปี 2011 คือ มาร์ค เวบเบอร์ เพื่อนร่วมทีมของ เวทเทล หลังควบรถผ่านธงตราหมากรุกไปได้ในที่สุด ส่วน เวทเทล และ อลอนโซ จบที่อันดับ 2 และ 4 แต่หากพลิกดูสถิติที่ผ่านมา จะเห็นว่าทั้งคู่นั้นทำผลงานได้อย่างสูสีทีเดียว ดังนั้น ต้องไปวัดกันที่รอบควอลิฟายว่าทีมงานของ เรดบูลล์ และ เฟอร์รารี จะเซ็ตอัพรถแข่งของตัวเองในการชิงตำแหน่งกริดสตาร์ทได้ดีกว่ากัน
เมื่อประมวล 2 สนามจากนี้มีโอกาสสูงที่ทั้งคู่จะได้ขึ้นโพเดียมก่อนที่จะไปตัดสินกันที่เรซสุดท้าย เวทเทล ถือไพ่เหนือกว่าด้วย 13 แต้มที่มากกว่าแต่ที่เหลือก็มีให้เก็บอีกเหลือเฟือถึง 75 แต้ม อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้องที่อาจทำให้ผลการแข่งขันผันแปรได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะแบ็กมาร์คเกอร์อย่าง มาร์ค เว็บเบอร์ ที่ระยะหลังทำได้ดีกว่า เฟลิเป มาสซา ของ เฟอร์รารี ดังนั้น เรด บูลล์ มีองค์ประกอบโดยรวมที่ลงตัวกว่าอย่างไรก็ตามโลกความเร็วไม่สามารถประมาทได้แม้เพียงพริบตาและน่าจะขับเคี่ยวกันมันหยดจนถึงวินาทีสุดท้ายแน่นอน