คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
เมื่อสัปดาห์ก่อน สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอ็ฟซี ได้ทำพิธีจับสลากแบ่งกลุ่มการแข่งขันฟุตบอล เอเชี่ยน คัพ 2015 รอบคัดเลือก เรียบร้อยแล้วที่ เมลเบิร์น ออสตราเลีย โดย ไทย ถูกวางอยู่ในกลุ่ม บี ร่วมกับ อีหร่าน คูเวท และ เลบานอน ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นกลุ่มที่แข็งมาก และ ไทย คงมีโอกาสน้อยมากที่จะผ่านรอบคัดเลือกเข้าไปเล่นในรอบสุดท้าย
เอเชี่ยน คัพ 2015 รอบสุดท้าย จะมีทีมเข้าร่วมทั้งสิ้น 16 ทีม ซึ่งมาจากทีมที่ได้ 3 อันดับแรกใน เอเชี่ยน คัพ หนก่อนที่ กาตาร์ คือ ญี่ปุ่น ออสตราเลีย และ เกาหลีใต้ โดย ออสตราเลีย ถึงแม้ว่าได้สิทธิ์ในฐานะชาติเจ้าภาพไปแล้ว ก็ไม่มีการเลื่อนอันดับ 4 ขึ้นมาแทนแต่อย่างใด แล้วก็ไปเอาแช้มพ์ ชาลเล้นจ์ คัพ 2012 คือ เกาหลีเหนือ กับ แช้มพ์ ชาลเล้นจ์ คัพ 2014 อีก 2 ทีมมาร่วมด้วย รวมเป็น 5 ทีม
อีก 11 ทีมก็คัดเอาจาก รอบคัดเลือก นี่แหละ คือในจำนวน 20 ทีม จับสลากแบ่งเป็น 5 กลุ่มๆ ละ 4 ทีม ให้ 2 อันดับแรกของแต่ละกลุ่ม พ่วงด้วยอันดับ 3 ที่ดีที่สุดอีก 1 ทีม เข้ารอบสุดท้าย
สำหรับการแข่งขันซึ่งแต่ละทีมต้องแข่ง 6 นัดนั้น เอเอ็ฟซี กำหนดให้แข่งนัดแรกในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2013 นัดที่สอง วันที่ 22 มีนาคม นัดที่สาม 15 ตุลาคม นัดที่สี่ 15 พฤศจิกายน นัดที่ห้า 19 พฤศจิกายน และนัดสุดท้าย 5 มีนาคม 2014 อย่างไรก็ตาม วันที่กำหนดให้แข่งแม็ทช์ที่สามกับแม็ทช์ที่ห้านั้น ดันไปตรงกับการแข่งขัน รอบเพลย์อ็อฟ เพื่อเข้าสู่ ฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้าย ระหว่าง ทีมอันดับ 5 ของ โซนเอเชีย กับ โซนอเมริกาใต้ พอดี เอเอ็ฟซี จึงจัดวันสำรองเอาไว้ให้อีก 3 วันคือ 11 18 และ 25 มกราคม 2014
ที่เขาว่ากลุ่ม บี เป็นสายแข็งปึ้กเลยก็เพราะ อีหร่าน ถือเป็นทีมเต็งที่น่าจะจองพื้นที่เข้ารอบสุดท้ายไปแล้ว 1 ทีมค่อนข้างแน่นอน มีอันดับฟีฟ่าอยู่ที่ 58 ของโลก เคยเป็นแช้มพ์รายการนี้มา 3 หน เข้าสู่ฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายก็เคยมาแล้ว 3 หน ใครๆ ก็กลัว ที่สำคัญ โค้ชทีมชาติคนปัจจุบัน คือ คารล๊อช เคร้อซ (Carlos Queiroz) อดีตโค้ชทีมชาติปอรตูเกา สโมสรแมนเชสเต้อร์ ยูนายเถ็ด และ เรอัล มาดริด ทีมระดับโลกทั้งนั้น
ส่วน คูเวท นี่ก็เคยไปเล่นฟุตบอลโลกมาแล้วในปี 1982 ซึ่งก่อนหน้านั้น 2 ปี คูเวท ก็เคยได้แช้มพ์ เอเชี่ยน คัพ มาครองด้วย ปัจจุบัน อันดับฟีฟ่าอยู่ที่ 112 ของโลก พวกเขากำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ฟุตบอลชิงแช้มพ์เอเชียตะวันตก 2012 ( West Asian Football Federation Championship - WAFF ) ในช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งเท่าที่เคยมีการแข่งขันกันมา 2 ปึครั้ง ตั้งแต่ปี 2000 นั้น ก็มีแต่ อีหร่าน ที่ครองแช้มพ์บ่อยๆ แต่หนล่าสุดเมื่อปี 2010 นั้น แช้มพ์คือ คูเวท ครับ
ทาง คูเวท บอกว่า การแข่งขันรายการดังกล่าวถือเป็นการลับฝีเท้าเตรียมไว้สำหรับ เอเชี่ยน คัพ 2015 รอบคัดเลือก ไปในตัว ซึ่งพวกเขาเองก็ยอมรับว่า ในกลุ่ม บี อีหร่าน คือ ทีมเต็ง ทำให้เหลือพื้นที่ให้แย่งชิงกับ เลบานอน ที่เคยบุกมาเอาชนะพวกเขาถึงบ้านใน ฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก รอบสาม ทำให้ คูเวท ต้องตกรอบไป โดยไม่ได้มีการกล่าวถึง ทีมไทย สักแอะเดียว
ในขณะที่ เลบานอน แม้ไม่เคยเล่นฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ไม่เคยได้แช้มพ์ เอเชี่ยน คัพ แต่ตอนนี้พวกเขาไปไกลกว่าเราใน ฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก เลบานอน เข้าไปถึงรอบ 4 และอันดับฟีฟ่าในปัจจุบันอยู่ที่ 109 ดีกว่า ไทย เสียอีก
แม้ว่า ทีมชาติไทย จะเคยได้อันดับ 4 ในรายการนี้ เมื่อปี 1972 และในปัจจุบัน ทักษะฝีเท้านักเตะพัฒนาขึ้นมาก ลีกในประเทศก็กำลังคึกคัก แต่เมื่อรวมตัวเป็นทีมชาติครั้งใด มักจะล้มเหลวไม่เป็นท่าทุกคราไป ผลงานของทีมชาติในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่า พี่ไทยตกรอบแรกหลายรายการ และอันดับโลกตอนนี้ 139 นับว่าแย่ที่สุดในบรรดา 4 ทีมร่วมกลุ่มเดียวกัน
ผมเชื่อว่านี่เป็นการแข่งขันฟุตบอลรายการใหญ่อีกหนที่จะพิสูจน์ศักยภาพของทีมชาติไทยจริงๆ เพราะมันคือระดับทวีป ไม่ใช่แค่อนุภูมิภาคที่เรายังฝันจมปลักอยู่เสียนาน ทีมชาติไทย จะพลิกฟื้นลุกขึ้นมายืนอย่างแข็งแกร่งได้หรือไม่ หลังจากล้มคะมำร่วงตกลงไปในคูสวะมานาน ต้องรอดูกันครับ
เมื่อสัปดาห์ก่อน สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอ็ฟซี ได้ทำพิธีจับสลากแบ่งกลุ่มการแข่งขันฟุตบอล เอเชี่ยน คัพ 2015 รอบคัดเลือก เรียบร้อยแล้วที่ เมลเบิร์น ออสตราเลีย โดย ไทย ถูกวางอยู่ในกลุ่ม บี ร่วมกับ อีหร่าน คูเวท และ เลบานอน ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นกลุ่มที่แข็งมาก และ ไทย คงมีโอกาสน้อยมากที่จะผ่านรอบคัดเลือกเข้าไปเล่นในรอบสุดท้าย
เอเชี่ยน คัพ 2015 รอบสุดท้าย จะมีทีมเข้าร่วมทั้งสิ้น 16 ทีม ซึ่งมาจากทีมที่ได้ 3 อันดับแรกใน เอเชี่ยน คัพ หนก่อนที่ กาตาร์ คือ ญี่ปุ่น ออสตราเลีย และ เกาหลีใต้ โดย ออสตราเลีย ถึงแม้ว่าได้สิทธิ์ในฐานะชาติเจ้าภาพไปแล้ว ก็ไม่มีการเลื่อนอันดับ 4 ขึ้นมาแทนแต่อย่างใด แล้วก็ไปเอาแช้มพ์ ชาลเล้นจ์ คัพ 2012 คือ เกาหลีเหนือ กับ แช้มพ์ ชาลเล้นจ์ คัพ 2014 อีก 2 ทีมมาร่วมด้วย รวมเป็น 5 ทีม
อีก 11 ทีมก็คัดเอาจาก รอบคัดเลือก นี่แหละ คือในจำนวน 20 ทีม จับสลากแบ่งเป็น 5 กลุ่มๆ ละ 4 ทีม ให้ 2 อันดับแรกของแต่ละกลุ่ม พ่วงด้วยอันดับ 3 ที่ดีที่สุดอีก 1 ทีม เข้ารอบสุดท้าย
สำหรับการแข่งขันซึ่งแต่ละทีมต้องแข่ง 6 นัดนั้น เอเอ็ฟซี กำหนดให้แข่งนัดแรกในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2013 นัดที่สอง วันที่ 22 มีนาคม นัดที่สาม 15 ตุลาคม นัดที่สี่ 15 พฤศจิกายน นัดที่ห้า 19 พฤศจิกายน และนัดสุดท้าย 5 มีนาคม 2014 อย่างไรก็ตาม วันที่กำหนดให้แข่งแม็ทช์ที่สามกับแม็ทช์ที่ห้านั้น ดันไปตรงกับการแข่งขัน รอบเพลย์อ็อฟ เพื่อเข้าสู่ ฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้าย ระหว่าง ทีมอันดับ 5 ของ โซนเอเชีย กับ โซนอเมริกาใต้ พอดี เอเอ็ฟซี จึงจัดวันสำรองเอาไว้ให้อีก 3 วันคือ 11 18 และ 25 มกราคม 2014
ที่เขาว่ากลุ่ม บี เป็นสายแข็งปึ้กเลยก็เพราะ อีหร่าน ถือเป็นทีมเต็งที่น่าจะจองพื้นที่เข้ารอบสุดท้ายไปแล้ว 1 ทีมค่อนข้างแน่นอน มีอันดับฟีฟ่าอยู่ที่ 58 ของโลก เคยเป็นแช้มพ์รายการนี้มา 3 หน เข้าสู่ฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายก็เคยมาแล้ว 3 หน ใครๆ ก็กลัว ที่สำคัญ โค้ชทีมชาติคนปัจจุบัน คือ คารล๊อช เคร้อซ (Carlos Queiroz) อดีตโค้ชทีมชาติปอรตูเกา สโมสรแมนเชสเต้อร์ ยูนายเถ็ด และ เรอัล มาดริด ทีมระดับโลกทั้งนั้น
ส่วน คูเวท นี่ก็เคยไปเล่นฟุตบอลโลกมาแล้วในปี 1982 ซึ่งก่อนหน้านั้น 2 ปี คูเวท ก็เคยได้แช้มพ์ เอเชี่ยน คัพ มาครองด้วย ปัจจุบัน อันดับฟีฟ่าอยู่ที่ 112 ของโลก พวกเขากำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ฟุตบอลชิงแช้มพ์เอเชียตะวันตก 2012 ( West Asian Football Federation Championship - WAFF ) ในช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งเท่าที่เคยมีการแข่งขันกันมา 2 ปึครั้ง ตั้งแต่ปี 2000 นั้น ก็มีแต่ อีหร่าน ที่ครองแช้มพ์บ่อยๆ แต่หนล่าสุดเมื่อปี 2010 นั้น แช้มพ์คือ คูเวท ครับ
ทาง คูเวท บอกว่า การแข่งขันรายการดังกล่าวถือเป็นการลับฝีเท้าเตรียมไว้สำหรับ เอเชี่ยน คัพ 2015 รอบคัดเลือก ไปในตัว ซึ่งพวกเขาเองก็ยอมรับว่า ในกลุ่ม บี อีหร่าน คือ ทีมเต็ง ทำให้เหลือพื้นที่ให้แย่งชิงกับ เลบานอน ที่เคยบุกมาเอาชนะพวกเขาถึงบ้านใน ฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก รอบสาม ทำให้ คูเวท ต้องตกรอบไป โดยไม่ได้มีการกล่าวถึง ทีมไทย สักแอะเดียว
ในขณะที่ เลบานอน แม้ไม่เคยเล่นฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ไม่เคยได้แช้มพ์ เอเชี่ยน คัพ แต่ตอนนี้พวกเขาไปไกลกว่าเราใน ฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก เลบานอน เข้าไปถึงรอบ 4 และอันดับฟีฟ่าในปัจจุบันอยู่ที่ 109 ดีกว่า ไทย เสียอีก
แม้ว่า ทีมชาติไทย จะเคยได้อันดับ 4 ในรายการนี้ เมื่อปี 1972 และในปัจจุบัน ทักษะฝีเท้านักเตะพัฒนาขึ้นมาก ลีกในประเทศก็กำลังคึกคัก แต่เมื่อรวมตัวเป็นทีมชาติครั้งใด มักจะล้มเหลวไม่เป็นท่าทุกคราไป ผลงานของทีมชาติในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่า พี่ไทยตกรอบแรกหลายรายการ และอันดับโลกตอนนี้ 139 นับว่าแย่ที่สุดในบรรดา 4 ทีมร่วมกลุ่มเดียวกัน
ผมเชื่อว่านี่เป็นการแข่งขันฟุตบอลรายการใหญ่อีกหนที่จะพิสูจน์ศักยภาพของทีมชาติไทยจริงๆ เพราะมันคือระดับทวีป ไม่ใช่แค่อนุภูมิภาคที่เรายังฝันจมปลักอยู่เสียนาน ทีมชาติไทย จะพลิกฟื้นลุกขึ้นมายืนอย่างแข็งแกร่งได้หรือไม่ หลังจากล้มคะมำร่วงตกลงไปในคูสวะมานาน ต้องรอดูกันครับ