xs
xsm
sm
md
lg

ฝันร้าย (อีกครั้ง) ของ “ผีแดง”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ลินเดอการ์ด ภาษีดีกว่า เด เคอา เล็กน้อย
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-คว้า 3 แต้มจากศึก “วันแดงเดือด” แบบไม่ประทับใจสาวก “เรด เดวิลส์” เพราะไม่ว่าจะก่อนหรือหลัง จอนโจ เชลวีย์ โดนไล่ออก ทรงบอลก็สู้ ลิเวอร์พูล ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย งานนี้กรรมเลยไปตกอยู่กับ มาร์ค ฮัลซีย์ ผู้ตัดสินที่แจกทั้งใบแดงและให้จุดโทษเป็นประตูชัยแก่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ฟาก แมนฯยู แม้ว่าจะคว้าชัย 4 นัดรวดออกสตาร์ทไม่ขี้เหร่ตามหลังจ่าฝูง เชลซี แต้มเดียวหลังผ่านไป 5 นัด แต่เกมที่ แอนฟิลด์ ส่งสัญญาณว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มีปัญหาต้องนอนก่ายหน้าผากขบคิดหลายอย่างไล่ตั้งแต่หลังบ้านยันหน้าปากซอยเลยทีเดียว เพราะขนาดได้จุดโทษใจยังตุ๊มๆ ต่อมๆ ว่าจะเข้าไม่เข้า ซึ่งถือเป็นเกมที่ 4 ติดต่อกันแล้วรวมทุกรายการ เนื่องจากก่อนหน้านี้เรียงหน้ากันพลาดหมดทั้ง โรบิน ฟาน เพอร์ซี, ฮาเวียร์ เฮร์นานเดซ และ หลุยส์ นานี ยังไม่นับปัญหาเรื่องกองหลังและกองกลางอีก

แต่เราจะมาคุยกันเรื่องผู้รักษาประตูก่อน เพราะ เฟอร์กี ออกมาบอกแล้วว่าฤดูกาลนี้ถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ไม่มีผู้รักษาประตูมือ 1 เนื่องจาก ดาวิด เด เคอา วัย 21 ปีและ อันเดอร์ส ลินเดอการ์ด วัย 28 ปีต่างกระดูกไม่แข็งพอ ไม่เหมือน ปีเตอร์ ชไมเคิล และ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์

เท่ากับว่าฝันร้ายได้กลับมาหลอกหลอนอีกครั้งหนึ่งแล้ว หนสุดท้ายคือฤดูกาล 2003-04 และ 2004-05 ทิม ฮาวเวิร์ด และ รอย คาร์โรลล์ ต่างฝากผีฝากไข้ไม่ได้ สุดท้ายก็ส่งผลกระทบกับผลงานของ แมนฯยูไนเต็ด คือจบอันดับ 3 ทั้ง 2 ปีและถือเป็นครั้งแรกที่หลุดจาก "ท็อป ทู" ของศึก พรีเมียร์ชิป อังกฤษ ก่อนจะไปดึง ฟาน เดอร์ ซาร์ มาจนกระเตื้องจบอันดับ 2 ตามด้วยแฮตทริกแชมป์ พรีเมียร์ชิป ส่งให้ "น้าซาร์" กลายเป็นอีกหนึ่งตำนานปราการด่านสุดท้ายแม้จะสวมถุงมือเพียงแค่ 6 ปีเท่านั้น ตามรอย "เกรท เดน" ช่วงทศวรรษ 90

เด เคอา เกือบได้เป็นพระเอกตั้งแต่เกมแรกของฤดูกาลอยู่แล้วเมื่อเซฟพายุการบุกของ เอฟเวอร์ตัน จนมือบวมแต่สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ปล่อยให้ลูกยิงของ มารูยาน เฟลลายนี ซุกก้นตาข่าย ถัดมาแม้ว่า แมนฯยู จะชนะ ฟูแลม 3-2 แต่ก็มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นเมื่อออกมาชนกับ เนมานยา วิดิช จนถูกกระชั้นขึ้นมาหายใจไม่ทั่วท้องช่วงท้ายเกม จากนั้น 3 ใน 4 เกมหลังสุดโอกาสจึงเป็นของ ลินเดอการ์ด ปล่อยให้มือกาวเคราดกได้เฝ้าเสา ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดแรก ที่เปิดบ้านชนะ กาลาตาซาราย 1-0 เมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา

ย้อนไปหลังจากชนะ เซาแธมป์ตัน 3-2 เชื่อว่า ลินเดอการ์ด และแนวรับ แมนฯยู คงจะโดนไดร์เป่าผมจากปากของ เซอร์ อเล็กซ์ ตำหนิพอสมควร เพราะถ้าไม่มีแฮตทริกฮีโร่ของ ฟาน เพอร์ซี คงจะต้องพ่ายแพ้ไปแล้ว จากนั้นจึงไม่เสียประตู 2 นัดติดก่อนจะมาถูก สตีเวน เจอร์ราร์ด ยิงในเกมล่าสุด

สำหรับ เด เคอา อีก 6 สัปดาห์ถึงจะอายุ 22 ปี พิสูจน์ตัวเองจนได้รับการยกย่องว่าเป็น "ช็อต-สต็อปเปอร์" เพราะปฎิกิริยาการเซฟประตูระยะเผาขนที่โดดเด่น แต่จุดอ่อนคือการตัดสินใจอันไม่เด็ดขาดกับการรับมือบอลยาวและลูกเปิดจากริมเส้นโจมตีเข้าเขตโทษ ขณะที่ ลินเดอการ์ด คุมพื้นที่ได้ดีกว่า โดยเมื่อฤดูกาลที่แล้วถ้าด่านสุดท้ายเลือดเดนส์ไม่เจ็บข้อเท้าต้องพักยาวตั้งแต่เดือนมกราคมไม่แน่อาจจะยึดตัวจริงตั้งแต่ออกตัวฤดูกาลนี้ไปแล้ว

10 นัดสุดท้ายของฤดูกาลที่แล้ว เด เคอา ก็เสริมสร้างความมั่นใจและแก้ตัวได้สำเร็จด้วยการรักษาคลีนชีตถึง 7 นัด อาจจะเพราะว่าไม่มีใครมาคอยแย่งตำแหน่ง ดังนั้นเมื่อปีนี้เปิดฉาก เซอร์ อเล็กซ์ จึงสอนบทเรียนให้ทราบอีกครั้งว่าผู้รักษาประตูที่ไม่รู้จักกับความกดดันก็ไม่มีทางรู้ว่าความผิดพลาดนั้นมีค่ามากแค่ไหน

เรื่องโดย เซียนไก๋
กำลังโหลดความคิดเห็น