สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) เตรียมเดินทางมาเช็กความเรียบร้อยสนาม แบงคอก ฟุตซอล อารีน่า หนองจอก ที่จะใช้เป็นสังเวียนหลักฟาดแข้งศึกฟุตซอลชิงแชมป์โลก เป็นครั้งสุดท้ายปลายเดือนกันยายนนี้ ก่อนตัดสินใจว่าจะอนุญาตให้ใช้ได้หรือไม่ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานจัดการแข่งขัน เผย ยังขาดงบการจัดการอีกกว่า 30 ล้านบาท อีกทั้งประชาสัมพันธ์น้อย ยอดจองตั๋วต่ำ
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน 2555 ที่ห้องประชุมสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย มีการประชุมความพร้อมการจัดการแข่งขันฟุตซอลโลก 2012 ที่ประเทศไทย รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 1-18 พฤศจิกายน โดยมี “บิ๊กจา” พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ รองประธานและเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานจัดการแข่งขันฟุตซอลโลก และ “บิ๊กเปี๊ยก” องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯร่วมหารือ
โดยภายหลังการประชุม สุวัจน์ เปิดเผยว่า “ในวันที่ 30 กันยายน - 2 ตุลาคม ที่จะถึงนี้สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) จะเดินทางมาตรวจสนามที่ใช้จัดการแข่งขันทั้ง 4 สนามเป็นครั้งสุดท้าย (แบงคอก ฟุตซอล อารีน่า หนองจอก, อินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก, อาคารนิมิบุตร, สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ที่ จ.นครราชสีมา) ก่อนตัดสินใจว่าพร้อมใช้งานหรือไม่ ซึ่งตอนนี้จะมีปัญหาอยู่แค่สนามเดียว คือ สนามที่หนองจอกที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง”
“โดยผมได้รับทราบความคืบหน้าล่าสุดจากการรายงานของ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่าปัจจุบันมีความคืบหน้ามากกว่า 85 เปอร์เซ็นต์แล้ว และมั่นใจว่า จะสร้างเสร็จทัน แต่สนามจะได้ใช้หรือไม่ขึ้นอยู่กับฟีฟาเป็นผู้ตัดสินใจ ซึ่งหากสนามหนองจอกเสร็จไม่ทัน หรือฟีฟาไม่อนุญาต ก็คงต้องย้าย หรือสลับโปรแกรมเพื่อให้มีความลงตัวมากที่สุด โดยอาจจะนำกลุ่มที่มีคิวแข่งที่สนามหนองจอกไปคละตามสนามต่างๆ ที่เหลืออีก 3 สนามแทน”
ส่วนในเรื่องของงบประมาณที่จะใช้ในการจัดการแข่งนั้น อดีตรองนายกฯ เผยว่า “ทางฟีฟามีงบให้ 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 45 ล้านบาท) แต่ในการจัดการแข่งขันเราต้องใช้งบสูงถึง 80 ล้านบาท โดยตอนนี้ได้รับการสนับสนุนจากสปอร์นเซอร์บางส่วน แต่ยังขาดอีกประมาณ 30 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้ได้มอบหมายให้สมาคมฟุตบอลฯเป็นผู้บริหารจัดการเพิ่มเติม”
“สำหรับในเรื่องพีธีเปิดการแข่งขันนั้นทางฟีฟาได้ให้เวลามา 10 นาที ซึ่งทางเราได้ประสานไปยังกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ว่า จะนำเสนอการแสดงอะไรบ้างเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เนื่องจากจะมีการถ่ายทอดไปยัง 180 ประเทศทั่วโลก และขณะนี้มีสื่อต่างประเทศสนใจมาทำข่าวแล้วกว่า 200 คน เช่น บราซิล, ญี่ปุ่น, สเปน นอกจากนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การประชาสัมพันธ์ที่ตอนนี้ถือว่าค่อนข้างเงียบ โดยยอดจองตั๋วชมการแข่งขันในส่วนของคนไทยถือว่ามีเปอร์เซนต์น้อยกว่าชาวต่างชาติที่มีการจองออนไลน์ ซึ่งหลังนี้ไปก็จะต้องเร่งทำการเร่งประชาสัมพันธ์ให้ดี” ประธานจัดการแข่งขันร่ายยาว
ด้านความพร้อมของทีมนั้น “บิ๊กเปี๊ยก” องอาจ ก่อสินค้า กล่าวว่า “สนามซ้อมของทัพฟุตซอลทีมชาติไทย นั้นเดิมทีจะไปใช้ที่จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย แต่ทาง จุฬาฯ แจ้งมาว่าสนามไม่ได้รองรับไว้เพื่อกีฬาฟุตซอล แต่มีไว้เพื่อรองรับกีฬาอย่าง วอลเลย์บอล หรือ บาสเกตบอล จึงทำให้สัปดาห์นี้ทีมชาติไทยต้องย้ายมาฝึกซ้อมที่อาคารนิมิบุตรเป็นการชั่วคราวก่อน ส่วนสัปดาห์หน้าต้องมาเช็กกันอีกครั้ง”
“และในเรื่องของโปรแกรมอุ่นเครื่อง ขณะนี้มี 3 ทีมตอบตกลงมาแล้วคือ ออสเตรเลีย, อิยิปต์ และ หมู่เกาะโซโลมอน ซึ่งทางสมาคมฟุตบอลฯ เตรียมที่จะเชิญ คูเวต มาเพิ่มอีกทีม เพื่อเตะในรูปแบบทัวร์นาเมนท์นัดพิเศษ 5 เส้า ช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้” เลขาฯสมาคมฟุตบอลทิ้งท้าย