“เจ๊มล” นางนฤมล ศิริวัฒน์ ประธานคณะกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภา แสดงความเป็นห่วงเรื่องสนามซ้อม สำหรับการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2012 ที่ได้มาตรฐานมีไม่เพียงพอ และเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้เรื่องของสนามที่หนองจอกเช่นกัน แต่ในการประชุมไร้วี่แววสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ร่วมประชุม อ้างว่าไม่มีใครรับเรื่อง
เมื่อเวลา 10.00 น.ณ ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ หมายเลข 309 ชั้น 3 อาคารรัฐสภา 2 มีระเบียบวาระสำคัญ คือ พิจารณาการจัดโปรแกรมการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2012 (ครั้งที่ 7) ณ สนามการแข่งขันเขตหนองจอก สนามนิมิบุตร อินดอร์สเตเดียม หัวหมาก และจังหวัดนครราชสีมา โดยมี นางนฤมล ศิริวัฒน์ ประธานคณะกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภา เป็นประธานในที่ประชุม พร้อมด้วยคณะกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภา ร่วมประชุม แต่ไม่มีฝั่งเจ้าหน้าที่ของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยร่วมประชุมด้วย
โดย “เจ๊มล” แสดงความเป็นห่วงถึงความพร้อมสำหรับฟุตซอลโลก 2012 ว่า “เวลาเริ่มงวดเข้ามาทุกขณะแล้ว สำหรับการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2012 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ซึ่งมีสนามแบงค็อก ฟุตซอล อารีน่า หนองจอก มีความจุ 12,000 ที่นั่ง และเป็นสนามสำหรับพิธีเปิดและปิดการแข่งขันครั้งนี้ ที่ยังน่าเป็นห่วง และมีทีท่าว่าจะเสร็จไม่ทันแล้ว เพราะทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟา ได้กำหนดความจุของที่นั่งในสนามสำหรับพิธีเปิดการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2012 ต้องมีที่นั่งอย่างน้อย 12,000 ทีนั่ง และหากเสร็จไม่ทันจริงๆ เราได้มองที่อินดอร์สเตเดียม หัวหมาก ไว้แทน แต่ความจุมีเพียงแค่ 8,000 ที่นั่งเท่านั้น แน่นอนฟีฟาคงไม่อนุญาตใช้เป็นพิธีเปิดและปิดอย่างแน่นอน หากที่หนองจอกเสร็จไม่ทัน เราอาจจะขอฟีฟายกเว้นให้ไปใช้ที่อินดอร์สเตเดียม ซึ่งมีความพร้อมมากกว่า ซึ่งเราเองก็มั่นใจในสิ่งที่ฝ่ายจัดการแข่งขันของกรุงเทพมหานคร เคยชี้แจงต่อที่ประชุมกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภา ว่า แบงค็อก อารีน่า จะเสร็จทันก่อนส่งมอบให้กับทางฟีฟา วันที่ 20 ตุลาคมนี้ และเราก็ขอเป็นกำลังใจให้งานสำเร็จลุล่วงด้วยดี และทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ”
นอกจากนี้ นายอนุสรณ์ พิมงา ที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการ ได้แสดงความห่วงใยของการเป็นเจ้าภาพฟุตซอลโลกนี้ต่อที่ประชุม ว่า “นอกเหนือจากสนามแข่งขันที่ยังไม่สมบูรณ์แล้ว ยังมีสนามซ้อม ที่เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน ทางทีมชาติสเปนที่มาอุ่นเครื่องกับทีมชาติไทยในช่วงปลายสิงหาคมที่ผ่านมา ถึงกับบ่นว่าสนามซ้อมในไทยไม่ได้มาตรฐาน เพราะพื้นสนามที่ได้มาตรฐานจะต้องเป็นไม่ปาร์เก และทาสีให้เรียบร้อย ไม่ใช่พื้นยาง ซึ่งที่ดูๆ มาทั้งหมด สนามนิมิบุตร ถือว่ามีความพร้อมมากที่สุด และถือว่าอยู่ในแหล่งที่สำคัญ สามารถพักผ่อนหลังเสร็จการฝึกซ้อมได้ มากกว่าที่อื่นๆ ด้วยซ้ำ อย่าลืมว่า ทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันมีถึง 24 ทีม จะเพียงพอต่อการฝึกซ้อมมากขนาดนั้นได้อย่างไรด้วย”
“ที่สำคัญ ตอนนี้การประชาสัมพันธ์การแข่งขันฟุตซอลโลก ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ขนาดเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงของเราอย่างลาว หรือ เวียดนาม ยังไม่ทราบเลยว่าไทยจะเป็นเจ้าภาพฟุตซอลโลก เมื่อเทียบกับบราซิลที่จะเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2014 ตอนนี้มีการเปิดตัวมาสคอต และสโลแกนสำหรับการแข่งขัน แต่เรากลับไม่มีอะไรผุดขึ้นมาแม้แต่น้อย นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ณ เวลานี้” นายอนุสรณ์ เผยทิ้งท้าย
